การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 493 คิดเหมือนกัน
บทที่ 493 คิดเหมือนกัน
บทที่ 493 คิดเหมือนกัน
เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของสวีซาแล้ว ถังซวงยิ้มและก้าวไปทักทายเช่นกัน “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อถังซวง”
“อื้ม ฉันรู้แล้ว เธอเก่งชะมัด”
สวีซารู้จากเฉารุ่ยแล้วว่าถังซวงคือผู้พัฒนายาต้านอักเสบชนิดพิเศษ ดังนั้นเธอจึงไม่ถือว่าถังซวงเป็นน้องใหม่ และยังรู้สึกว่าอยากจะพูดคุยกับอีกฝ่ายมาก
เหวินเจ๋อหลิ่วเห็นว่าสวีซาทักทายถังซวงอย่างกระตือรือร้น เธอก็รู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย
สวีซาดูไม่เป็นมิตรเลยเมื่อได้พบกับพวกเธอสองคน จนเหวินเจ๋อหลิ่วรู้สึกว่าตั้งแต่เธอเข้ามาที่มหาวิทยาลัยชิงหวานี้ มันมีเรื่องขัดใจตลอดเวลา ซึ่งเมื่อก่อนมันไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้ ทั้งที่สถานะของถังอวี้สือยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ไม่ว่าต้องการสิ่งใดก็ได้มา แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่เธอกลับต้องทำตัวต่ำต้อย นี่เป็นสิ่งที่ไม่คุ้นชินจริง ๆ
ส่วนถังอวี้สือไม่คิดตอบโต้ เธอมองถังซวงคืนข้อมูลวิจัยให้กับฝูเซียงหยางก่อนจะพูดขึ้นว่า “อาจารย์ฝูคะ ฉันกับเจ๋อหลิ่วขอดูข้อมูลวิจัยนี้บ้างได้ไหมคะ?”
ฝูเซียงหยางหยุดชะงักไปเล็กน้อยถือหนังสือค้างไว้ในมือ จากนั้นจึงพยักหน้ารับ “ได้สิ แต่ว่าต้องอ่านในห้องนี้นะ”
ความหมายนั้นชัดเจนในคำพูด
นี่คือข้อมูลที่ไม่สามารถเอาออกจากห้องทดลองได้ แต่ฝูเซียงหยางไม่เคยพูดเช่นนี้กับถังซวง ซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติชัด ๆ
เหวินเจ๋อหลิ่วที่ยืนอยู่ด้านข้างโกรธมาก แต่ถังอวี้สือยังนิ่ง เธอยกยิ้มก่อนจะรับข้อมูลวิจัยจากฝูเซียงหยาง “ขอบคุณค่ะอาจารย์ เราจะอ่านมันที่นี่ค่ะ” จากนั้นเหลือบมองเหวินเจ๋อหลิ่วก่อนจะไปนั่งอ่านมันอีกด้าน
ถังซวงหันมองถังอวี้สืออีกครั้ง เธออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น
ถังอวี้สือคนนี้ไม่ธรรมดา ดูใจกว้างแต่ไม่รู้เลยว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็ยังดูดีกว่าเหวินเจ๋อหลิ่วที่แสดงทุกอย่างผ่านใบหน้าเป็นสิบเท่า
ฝูเซียงหยางเห็นถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่วอ่านข้อมูลวิจัย ก็หันมาหาถังซวงพร้อมถามเธอเกี่ยวกับเนื้อหาของข้อมูล
“ถังซวง เฉารุ่ย สวีซากับผมลองมาหลายวิธีแล้ว แต่เราไม่สามารถกลั่นยาได้เลย ตอนคุณอ่านมีความเห็นอะไรไหม?”
เฉารุ่ยและสวีซาหันมองถังซวงอย่างคาดหวัง
ถังซวงมีความคิดบางอย่าง ความจริงแล้วยาที่ฝูเซียงหยางกำลังศึกษาอยู่นั้นดีแล้ว เธอจึงไม่คิดปิดบังและชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดของพวกเขาโดยตรง
“จริง ๆ แล้วตอนที่กลั่นยา เวลาในการทำความร้อนยังไม่เพียงพอค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น เฉารุ่ยขมวดคิ้วก่อนจะพูดขึ้นว่า “มันถูกทำให้ร้อนถึงสิบสองชั่วโมง ยังไม่พออีกหรือ? เป็นไปได้ไหมว่าขั้นตอนก่อนหน้าของพวกเราผิดพลาด? มันถึงไม่สำเร็จสักที”
ถังซวงส่ายศีรษะก่อนจะพูดว่า “ขั้นตอนก่อนหน้าไม่มีอะไรผิดพลาด ทิศทางการวิจัยของพวกคุณถูกต้องแล้ว แต่เวลาในการทำความร้อนขั้นสุดท้ายยังไม่เพียงพอค่ะ”
เฉารุ่ยอยากจะพูดต่อ แต่ฝูเซียงหยางกลับตัดสินใจทันที
“เอาละ งั้นเราจะลองอีกครั้ง เพิ่มเวลาในการทำความร้อนขั้นสุดท้าย” ตอนท้ายเขาหันมองถังซวงก่อนจะถามต่อว่า “เธอคิดว่าเราต้องเพิ่มเวลาเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม?”
“น่าจะเพิ่มสักเจ็ดหรือแปดชั่วโมงค่ะ”
ได้ยินคำพูดของถังซวง เฉารุ่ยถึงกับประหลาดใจ “อะไรนะ… นานขนาดนั้นเลยหรือ แล้วมันจะไม่มีปัญหาแน่หรือ”
สวีซาเหลือบมองเฉารุ่ยก่อนจะพูดขึ้นว่า “ถังซวงพูดอย่างนั้นแล้ว เราก็มาลองดูเถอะ บางทีอาจจะสำเร็จก็ได้ ยังไงเราก็สงสัยมาตลอดหนิว่าขั้นตอนก่อนหน้านี้มันผิด และพยายามปรับเปลี่ยนหลายครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ดีสักที บางทีอาจจะเป็นเพราะความร้อนในขั้นสุดท้ายไม่เพียงพอจริง ๆ ก็ได้”
ฝูเซียงหยางที่ตัดสินใจแล้ว เขาก็เริ่มเตรียมตัวทันที และค่อนข้างคาดหวัง
เวลานี้ถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่วเองก็อ่านข้อมูลทั้งหมดแล้ว เมื่อเห็นทุกคนเริ่มเตรียมตัวกลั่นยา เธอก็ยกยิ้มก่อนจะก้าวเข้าไปช่วยเหลือ
“อาจารย์ฝู เดี๋ยวฉันช่วยค่ะ”
ฝูเซียงหยางเหลือบมองถังอวี้สืออย่างประหลาดใจ “คุณอ่านจบแล้วหรือ?”
“ค่ะ ฉันอ่านจบแล้ว”
ไม่ต้องกล่าวถึงฝูเซียงหยาง แม้แต่ถังซวงเองก็เหลือบมองถังอวี้สือด้วยความประหลาดใจ เร็วดี แต่ไม่รู้ว่าหล่อนเข้าใจการวิจัยนั้นมากน้อยแค่ไหน
เดิมที เฉารุ่ยอารมณ์ไม่ค่อยดีเพราะสิ่งที่ถังซวงพูด เขาสัมผัสได้ว่ามันจะล้มเหลวอีกครั้ง และยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของถังอวี้สือ เขาก็พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “คุณอ่านจบเร็วมาก บอกผมหน่อยสิว่าคุณเจออะไรบ้าง และยาที่พวกเรากำลังวิจัยมุ่งเป้าไปที่อาการไหนเป็นหลัก?”
“ยาที่เรากำลังวิจัยอยู่นี้คือยาต้าน มุ่งเป้าไปที่ภาวะหัวใจห้องบนเต้นเร็วผิดปกติ พยาธิสภาพ การบีบตัวอย่างรวดเร็วของหัวใจ ส่งผลทำให้เลือดเติมห้องหัวใจไม่ทัน และที่ยากลั่นไม่สำเร็จเป็นเพราะความร้อนในการกลั่นครั้งสุดท้ายไม่เพียงพอค่ะ” ในตอนท้ายถังอวี้สือหันมองถังซวงอย่างช่วยไม่ได้ เธอยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ฉันคิดเหมือนกับถังซวง เรามาลองกันเถอะค่ะ”
เฉารุ่ยมองถังอวี้สือด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายก็เก่งกาจไม่แพ้กัน หล่อนมองทุกอย่างออกในระยะเวลาสั้น ๆ และยังบอกอีกว่าคิดเหมือนกันกับถังซวง
หรือว่า… เวลาการทำความร้อนไม่เพียงพอจริง ๆ?
หลังได้ยินถังอวี้สือพูด ถังซวงถึงกับจ้องมองถังอวี้สือด้วยแววตาประหลาดใจ
ถังอวี้สือก็มองมาเช่นกัน ในแววตานั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ถังซวงเลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่าย แล้วหันมองฝูเซียงหยาง “อาจารย์ฝู เริ่มกันเถอะค่ะ”
“อ้อ… อื้ม”
หลังจากฝูเซียงหยางฟื้นคืนสติกลับมา ในที่สุดเขาก็รู้สึกตัวแล้วหันไปพูดกับถังอวี้สือว่า “เอาละ มาเตรียมตัวกันก่อน เดี๋ยวเราจะเริ่มทดลองกันแล้ว”
“ค่ะ อาจารย์ฝู”
ทุกคนเริ่มวุ่นวายกับการเตรียมพร้อม ฝูเซียงหยางพาถังซวง เฉารุ่ย และสวีซาทำงานด้วยกัน ส่วนถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่วเริ่มจากอีกฝั่ง
แม้เหวินเจ๋อหลิ่วจะไม่เต็มใจนัก แต่ถังอวี้สือไม่ได้พูดอะไร เวลานี้เธอจึงไม่กล้าที่จะพูดเช่นกัน
หลังจากปฏิบัติตามกระบวนการต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ไปบ้างแล้ว ฝูเซียงหยางและคนอื่น ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ขั้นตอนก่อนหน้าทั้งหมดไม่มีความผิดพลาด ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถไปต่อได้
“ถังซวง จากนี้ให้เป็นหน้าที่ของคุณ”
ได้ยินอย่างนั้น เฉารุ่ยและสวีซาถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมา แต่เพราะอาจารย์ตัดสินใจแล้ว ทั้งสองจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ
แต่ก่อนถังซวงจะตอบกลับ ถังอวี้สือพูดขึ้นว่า “อาจารย์ฝูคะ ให้ฉันกับถังซวงทำด้วยกันเถอะค่ะ เวลาการทำความร้อนนานเกินไป เธอคนเดียวอาจจะไม่ไหว”
เฉารุ่ยเป็นคนแรกที่ตอบกลับ
“ฉันกับสวีซาก็ช่วยได้ แล้วถ้าเธอทำพลาดล่ะ?”
ถังอวี้สือยิ้มอย่างมั่นใจ “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่พลาดแน่นอน” ขณะพูดอย่างนั้นเธอหันมองฝูเซียงหยาง “อาจารย์ฝูคะ ฉันทำได้จริง ๆ ค่ะ”
“นี่เธอ…”
ก่อนเฉารุ่ยจะพูดจบ ฝูเซียงหยางกล่าวขัดจังหวะ ก่อนจะหันมองถังอวี้สือ “เอาละ งั้นให้เป็นหน้าที่คุณ”
“อาจารย์…”
ทั้งเฉารุ่ยและสวีซาต่างไม่เห็นด้วย การปล่อยให้ถังซวงทำนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เพราะความเก่งกาจของเธอได้รับการยอมรับแล้ว แต่ถังอวี้สือนี้เป็นใคร จะเกิดอะไรขึ้นหากทุกอย่างผิดพลาดในขั้นตอนที่สำคัญที่สุด?
“เอาละ ลงมือได้”