การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 495 ตระกูลถัง
บทที่ 495 ตระกูลถัง
บทที่ 495 ตระกูลถัง
ถังซวงเองก็ประหลาดใจด้วยเช่นกันเมื่อเห็นเว่ยเหิงอีกครั้ง แต่ตามที่ผู้อาวุโสจูบอกไว้ก่อนหน้านี้ เว่ยเหิงจะเข้าเมืองเพียงสิบปีครั้งเท่านั้น แต่นี่ก็เพิ่งผ่านมาไม่นาน เธอกลับได้พบกับเขาอีกครั้ง
ถังซวงไม่คิดสนใจมากนัก เดินตรงไปไม่หยุด
ยังไงก็ไม่มีใครรู้ เว่ยเหิงอาจจะมาที่นี่เพราะมีธุระก็ได้
ด้านเว่ยเหิงเห็นถังซวงกำลังจะจากไป เขาอยากจะเรียกเธอเอาไว้แต่ว่าหลานชายกลับพาถังอวี้สือมา เขาจึงต้องปล่อยให้ถังซวงไป
“คุณปู่ เราไปทานข้าวกันเถอะครับ”
เว่ยเหิงหันมองถังอวี้สือแล้วยกยิ้มให้ “อวี้สือ ไม่ได้เจอกันตั้งนานสวยขึ้นมากเลยนะ”
ถังอวี้สือยกยิ้มตอบกลับ “ขอบคุณค่ะปู่เว่ย”
เว่ยเหิงยิ้มพร้อมส่ายศีรษะ ตอนนั้นเองที่เขานึกบางอย่างขึ้นได้
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้หน้าคุ้นมาก แต่ปู่จำหล่อนไม่ได้ ปู่รู้สึกว่าหล่อนคล้ายกับคุณทวดของหลานตอนยังเด็ก คุณทวดของหลานหน้าตาแบบนี้เลย เฮ้อ เพราะมันผ่านมานานหลายปีแล้วปู่เลยจำไม่ค่อยได้”
ถ้าหากวันนี้เขาไม่ได้เจอกับถังอวี้สือ เขาคงไม่นึกถึงถังซวงและคุณทวดถัง
“อะไรนะคะ…คุณทวดหรือ?”
ใบหน้าของถังอวี้สือเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะเดียวกันเธอหันมองถังซวงที่เพิ่งเดินออกไปและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“คุณปู่เว่ย ผู้หญิงที่คุณปู่พูดถึงเป็นหญิงสาวตัวสูงสวมเสื้อคลุมสีเทาหรือเปล่าคะ?”
“ใช่ เธอนั่นแหละ ปู่จำได้ว่าเธอชื่อถังซวง เราเคยพบกันมาแล้ว”
แม้จะคาดเดาไว้แล้ว แต่ถังอวี้สือยังหงุดหงิด “คุณปู่เว่ย ถังซวงคนนั้นดูเหมือนคุณย่าทวดของหนูจริง ๆ หรือคะ?”
คุณย่าทวดของเธอคือนางถัง มีลูกชายสองคน ลูกชายคนโตคือถังคุนหาว และลูกชายคนเล็กคือ ถังคุนเฉิน แม้จะมีบุตรชายถึงสองคน แต่ตระกูลถังก็ยังมีทายาทเพียงน้อยนิด ถังคุนหาวแต่งงานกับฮวาเฟยเฟิงเพียงไม่นาน หล่อนก็ตั้งครรภ์ ส่วนหลานอี้ไป๋ซึ่งเป็นภรรยาของถังคุนเฉินก็ตั้งครรภ์อีกในห้าเดือนถัดมา
นี่นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีของตระกูลถังที่รู้ว่าจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น
แต่เรื่องไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้น หลังจากฮวาเฟยเฟิงให้กำเนิดบุตรสาว เด็กคนนั้นกลับหายตัวไปและไม่มีใครได้พบเจออีกเลย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ครอบครัวของลูกชายคนโตก็ตกอยู่ในความโศกเศร้าอย่างถึงที่สุด
หลังจากนั้นไม่นาน หลานอี้ไป๋ก็ให้กำเนิดบุตรสาวด้วยเช่นกัน แต่เพราะร่างกายบอบช้ำมาก เธอจึงไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป
ถังคุนเฉินรักหลานอี้ไป๋มาก แม้รู้ว่าหล่อนจะไม่สามารถมีลูกให้กับเขาได้อีก แต่เขาให้ความรักไม่ขาดเลย ต่อให้ไม่มีลูกชายแต่พวกเขาก็ยังมีลูกสาวชื่อว่า ถังหวยรุ่ย
เมื่อเห็นว่าตระกูลถังไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้อีก ถังหวยรุ่ยจึงกลายเป็นความหวังว่าจะมีบุตรชายให้ตระกูล แต่สุดท้ายเธอก็ให้กำเนิดถังอวี้สือซึ่งทำให้เธอกลายเป็นบุตรสาวคนโตตระกูลถังไปโดยปริยาย สุดท้ายแล้วไม่มีใครรู้ว่าตระกูลถังมีปัญหาเกี่ยวกับการสืบทายาทหรือไม่ เพราะหลังจากถังหวยรุ่ยให้กำเนิดถังอวี้สือแล้ว เธอก็ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก ภายในตระกูลใหญ่นี้ ถังอวี้สือกลายเป็นทายาทเพียงคนเดียว และทุกคนก็ทราบว่าในอนาคตถังอวี้สือจะขึ้นเป็นผู้ปกครองตระกูล
เมื่อเว่ยเหิงได้ยินถังอวี้สือพูดอย่างนั้น เขาพยักหน้า “ใช่ เหมือนกันมาก ปู่เคยเจอกับคุณย่าทวดของหลานตอนเด็ก ๆ และถังซวงคนนั้นเหมือนกับคุณย่าทวดของหลานมากเลยละ”
เมื่อคิดว่าถังซวงเองก็ใช้แซ่ถังเหมือนกัน เขาอดไม่ได้ที่จะคาดเดา “เป็นไปได้ไหม… ถังซวงอาจเป็นญาติที่หายตัวไปของตระกูลถัง?”
ถังอวี้สือส่ายศีรษะหนักแน่น “ไม่ค่ะ หนูไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำจนได้เข้ามามหาวิทยาลัยชิงหวา”
“แปลก เธอเหมือนกับคุณย่าทวดมากจริง ๆ เหมือนทุกระเบียดนิ้ว” เว่ยเหิงยังไม่เลิกพึมพำกับตัวเองอย่างสับสน
ในคราวแรกถังอวี้สือไม่ได้สนใจมากนัก แต่เมื่อได้ยินเว่ยเหิงพูดว่าถังซวงคล้ายกับย่าทวดของตน เธอนึกถึงเรื่องหนึ่งนั่นก็คือเรื่องที่ว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอจากครอบครัวใหญ่ที่หายตัวไป หรือว่า… ลูกพี่ลูกน้องของคุณแม่ยังมีชีวิตอยู่?
เมื่อคาดเดาได้อย่างนั้น สีหน้าของถังอวี้สือเปลี่ยนไป
ตระกูลเว่ยและตระกูลถังเป็นสหายใกล้ชิด พวกเขาจึงรู้เรื่องราวของตระกูลถังดี เว่ยเหิงจึงสงสัยบางอย่าง เขาพูดอีกครั้ง “เป็นไปได้ไหมว่าหล่อนจะมาจากเชื้อสายของคุณปู่ทวด?”
ได้ยินคำพูดของเว่ยเหิงอย่างนั้น ถังอวี้สือยกยิ้มอย่างฝืนใจ “เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ…”
เว่ยเหิงหันมองถังอวี้สือ และเข้าใจดีว่าทำไมเธอถึงปฏิเสธอย่างนั้น เดิมทีทุกสิ่งอย่างในตระกูลถังจะต้องตกเป็นของถังอวี้สือ แต่หากบังเอิญได้พบเจอบุตรสาวของถังคุนหาว เรื่องก็จะเปลี่ยนไปทันที
เมื่อนึกอย่างนั้นแล้ว เว่ยเหิงก็ไม่พูดอะไรต่อ วันนี้เขาเพียงแค่แวะมาส่งหลานชายเท่านั้น
“ชื่อเหอ ได้เจอกับอวี้สือแล้ว ยังไงพวกเราไปทานอาหารกันดีกว่า”
“ครับ”
เห็นถังอวี้สือมีสีหน้าไม่ค่อยดี เว่ยชื่อเหอจึงเปลี่ยนเรื่อง “อวี้สือ เธอคุ้นเคยกับมหาวิทยาลัยชิงหวาหรือยัง? ยังไงด้วยชื่อตระกูลถัง เธอไม่เห็นต้องดิ้นรนจะเข้ามาเรียนที่นี่เลย ทักษะการแพทย์สมัยใหม่เทียบไม่ได้กับทักษะการแพทย์ของตระกูลถังอยู่แล้ว”
ตระกูลถังมีวิชาการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ตระกูลน้อยใหญ่ทั้งหมดจึงอยากสานสัมพันธ์กับพวกเขา
ถังอวี้สือได้ยินคำพูดเว่ยชื่อเหออย่างนั้นก็ยกยิ้ม “ทุกอย่างราบรื่นดีค่ะ กำลังเป็นไปด้วยดี โลกทุกวันนี้ก็ไปไกลมากแล้ว ฉันไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยบนบัลลังก์ได้หรอกนะ ยังไงก็ต้องศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติมเพื่อที่จะพัฒนาตัวเองต่อ”
เว่ยชื่อเหอหันมองถังอวี้สือด้วยรอยยิ้ม “อวี้สือ เธอมีนิสัยแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้วนะ พยายามพัฒนาตัวเองไม่เปลี่ยนเลย”
ถังอวี้สือยกยิ้มรับคำ ก่อนทุกคนจะไปที่ร้านอาหารของโรงแรม
อีกด้านหนึ่ง เมื่อถังซวงกลับมาถึงบ้าน เธอเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนรออยู่ที่นี่แล้ว “อาหยวน ทำไมพี่ถึงอยู่ที่นี่ล่ะ”
ก่อนโม่เจ๋อหยวนจะตอบ เฮ่อหลานก็เหลือบมองลูกสาวคนโตก่อนจะพูดว่า “ถ้าเจ๋อหยวนไม่บอกพวกเราว่าลูกกำลังยุ่ง เราคงไม่รู้ว่าเมื่อวานลูกจะไม่กลับบ้าน วันนี้เขาแวะมาหาเราถึงได้เจอกัน คุณปู่คุณย่าไม่ได้คิดว่าลูกจะกลับมาด้วยซ้ำจ้ะ”
ถังซวงขยี้จมูกตัวเองเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “หนูมัวแต่ทำงานในห้องทดลองค่ะเลยไม่ทันได้บอกแม่ไว้ก่อน”
“เอาละ เข้ามาข้างในก่อน เหนื่อยมากไหม กินอะไรหรือยัง พักกินอะไรสักหน่อยแล้วค่อยไปพักผ่อนนะ”
ถังซวงที่เหนื่อยเล็กน้อย พยักหน้ารับ “ค่ะ”
โม่เจ๋อหยวนเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของถังซวง เขาก็กินอาหารพร้อมกับเธอก่อนจะพาไปส่งที่ลานของหญิงสาว “ซวงเอ๋อร์พักผ่อนเยอะ ๆ นะ พรุ่งนี้กับวันมะรืนเป็นวันหยุด เดี๋ยววันนี้ฉันจะไปลาคาบเรียนช่วงบ่ายให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์ฝูลาให้ฉันแล้ว”
“อื้ม งั้นก็ดีแล้ว”
โม่เจ๋อหยวนบอกให้ถังซวงพักผ่อน “ฉันจะอยู่ที่นี่ ถ้าเธอหลับแล้วฉันจะกลับไป”
“วันนี้พี่ไม่มีเรียนหรือ?”
โม่เจ๋อหยวนยิ้ม “มีคาบบ่ายน่ะ”
“ค่ะ งั้นฉันขอพักสักหน่อยนะ”
ถังซวงยิ้มขณะมองโม่เจ๋อหยวน แล้วปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยล้า
เห็นถังซวงหลับไปแล้ว โม่เจ๋อหยวนก็ห่มผ้าให้เธอด้วยความทุกข์ใจที่เห็นเธอต้องเหนื่อยมากขนาดนี้ เขานั่งมองเธอสักพักก่อนจะกลับออกไป