การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 497 มุ่งร้าย
บทที่ 497 มุ่งร้าย
บทที่ 497 มุ่งร้าย
เกอชิงเหม่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินซ่างสยงเยี่ยพูด “ค่ะ ฉันก็รอฟังคำนี้อยู่”
ซูเหนียนอวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ เห็นทั้งสองหวานใส่กันก็อดไม่ได้ที่จะพูดหยอกเย้า “มัวแต่คุยกันอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวอาหารเที่ยงมื้อนี้ก็เย็นชืดหมด รีบมากินข้าวก่อนเถอะ”
เกอชิงเหม่ยถึงกับหน้าแดง หันมองซ่างสยงเยี่ยแล้วพูดว่า “พวกเรากำลังจะทานข้าวกันค่ะ คุณยังไม่ได้ทานอะไรใช่ไหม เข้ามานั่งก่อนเถอะ”
เพราะซ่างสยงเยี่ยรีบมาที่นี่ ในตอนเช้าเขากินซาลาเปานึ่งแค่สองลูกเท่านั้น เวลานี้จึงรู้สึกหิวมาก เขาจึงเดินตามเกอชิงเหม่ยเข้าไปด้านในเพื่อทานมื้อกลางวันด้วยกัน
หลังจากเฮ่อหลานได้ข่าวว่าซ่างสยงเยี่ยมาถึงเมืองหลวงแล้ว เธอก็รีบเชิญซูเหนียนอวิ๋นและหลี่จงอี้มาทานอาหารมื้อเย็นที่บ้าน
คุณนายจิงและผู้เฒ่าจิงทราบดีว่าเกอชิงเหม่ยกำลังจะแต่งงานกับซ่างสยงเยี่ย ผู้อาวุโสทั้งสองมีความสุขมาก
“ชิงเหม่ย เธอกับซ่างสยงเยี่ยจะจัดงานเลี้ยงฉลองในวันเสาร์หน้านี้แล้ว ถ้าขาดเหลืออะไรสามารถบอกพวกเราได้เลยนะจ๊ะ พวกเรายินดี”
ได้ยินคุณนายจิงพูดอย่างนั้น เกอชิงเหม่ยก็ยิ้มกว้างก่อนจะตอบว่า “ขอบคุณค่ะคุณนายจิง เราจัดไวน์เตรียมไว้สองสามโต๊ะ น่าจะเพียงพอแล้ว” พวกเขาวางแผนไว้ว่าจะเชิญเพียงญาติสนิทและเพื่อนสนิทบางคนเท่านั้น ไม่ต้องการอะไรยิ่งใหญ่ แค่ให้เรียบง่ายที่สุด
“ดีแล้วจ้ะ”
หลังรับประทานมื้อเย็น เกอชิงเหม่ยและคนอื่น ๆ ออกไปนั่งด้วยกัน
ทว่าคุณนายจิงดึงเฮ่อหลานเข้ามาใกล้ก่อนจะพูดว่า “อาหลาน ในที่สุดพี่ของเธอก็ได้เจอรักแท้ซะที แถมจะแต่งงานกับซ่างสยงเยี่ย ถ้ามีอะไรก็ช่วยเหลือเธอเลยนะ ส่วนฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยให้พวกเราช่วยดูแลเองจ้ะ”
เฮ่อหลานพยักหน้ารับ “ค่ะคุณแม่ ฉันจะไปช่วยเธอแน่นอน” แม้เกอชิงเหม่ยจะบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่งานแต่งงานก็มีเรื่องเล็กน้อยมากมาย และเธอก็คงจะยุ่งมากแน่นอน เฮ่อหลานจึงต้องไปช่วยเท่าที่ช่วยได้
“ฉันก็อยากจะช่วยเหลือสองคนนั้นจริง ๆ”
คุณนายจิงพูดคุยกับเฮ่อหลานสักครู่ก่อนจะบอกกล่าวให้อีกฝ่ายกลับไปพักผ่อน
วันรุ่งขึ้น ก่อนเฮ่อหลานจะออกไปข้างนอก ถังชุนหยานก็เตรียมตัวจะออกจากบ้านแต่เช้าตรู่
“ชุนหยาน ไปไหนแต่เช้าจ๊ะ?”
ถังชุนหยานยิ้มกว้างก่อนจะพูดว่า “ฉันว่าจะไปหาป้าเกอค่ะ เผื่อเธอมีอะไรให้ฉันช่วย”
เฮ่อหลานยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันก็กำลังจะไปที่นั่นเหมือนกัน งั้นเราไปด้วยกันดีกว่าจ้ะ”
เมื่อทั้งสองมาถึงบ้านของเกอชิงเหม่ย ก็เห็นว่าเกอชิงเหม่ยกับซ่างสยงเยี่ยกำลังวุ่นวายกับการแต่งบ้าน
“พี่คะ พวกเรามาช่วยค่ะ”
เห็นเฮ่อหลานกับถังชุนหยานเดินเข้ามา เกอชิงเหม่ยก็หยุดมือก่อนจะหันมาพูดว่า “อาหลาน แล้วลูก ๆ ที่บ้านล่ะ? รีบกลับไปเถอะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่อาสาดูแลฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อย”
ซูเหนียนอวิ๋นก็ยังไม่ยินดีที่เฮ่อหลานมาที่นี่อยู่ดี เธอหันมองถังชุนหยานก่อนจะพูดว่า “อาหลาน ชุนหยานก็อยู่ที่นี่แล้ว เธอกลับไปเถอะ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่จำเป็นต้องมาช่วยหรอก ยิ่งกว่านั้น นี่วันจันทร์ อาเจ้อต้องไปทำงาน ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยไปเรียน ส่วนผู้เฒ่าจิงและคุณนายจิงอยู่ที่บ้าน สองคนก็อายุมากแล้ว คงจะเหนื่อยมากที่ต้องดูแลเด็กสองคนนะ”
เกอชิงเหม่ยที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวต่อว่า “ใช่อาหลาน แค่ชุนหยานเพียงคนเดียวก็พอ เธอรีบกลับไปเถอะ วันนี้ไม่มีอะไรหรอก มีแค่งานตกแต่งบ้านกับแพ็กขนมเท่านั้น”
เห็นว่าเฮ่อหลานไม่ยินดีที่จะกลับไป เกอชิงเหม่ยรีบย้ำทันที
“อาหลาน กลับไปดูแลเด็กน้อยได้แล้ว เดี๋ยวชุนหยานจะอยู่ช่วยเหลือฉันเอง”
ถังชุนหยานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ป้าเฮ่อไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะช่วยเหลือทางนี้เองค่ะ”
เกอชิงเหม่ยยังคงผลักเฮ่อหลานออกจากประตู เธอจึงไม่สามารถทำอะไรได้ “จ้ะจ้ะ งั้นฉันจะกลับแล้ว ถ้ามีอะไรก็บอกให้ชุนหยานช่วยเหลือนะคะ เธอสามารถจัดการทุกอย่างได้ ไม่มีปัญหาแน่นอน”
“รู้แล้วหน่า รีบกลับไปได้แล้ว”
“กลับก็กลับค่ะ ฉันยอมแล้ว ๆ” สุดท้ายเฮ่อหลานต้องยอมกลับไป
อีกด้านหนึ่ง ถังซวงมาถึงมหาวิทยาลัยแล้ว และตรงไปที่ชั้นเรียนทันที
ต้วนเฟิ่งหยิงเห็นถังซวงมาถึงแล้วจึงรีบโบกมือ “ถังซวง ทางนี้ ๆ ฉันมีเรื่องจะบอกด้วยแหละ มานั่งเร็วเข้า”
เจียนหวานหว่านโบกมือให้ถังซวงก่อนจะบอกให้เธอนั่งลง
หลังจากถังซวงนั่งลงแล้ว ต้วนเฟิ่งหยิงมองที่นั่งด้านหน้าซึ่งยังว่างอยู่แล้วพูดขึ้น “ถังซวง รู้ไหมว่าถังอวี้สือย้ายเข้ามาอยู่ในห้องพักของพวกเราแล้วนะ”
“อะไรนะ…”
ถังซวงไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ยินเรื่องแบบนี้ “ถังอวี้สือก็อยู่ในหอพักของหล่อนได้ไม่ใช่หรือ? ทำไมต้องย้ายมาที่ห้องของพวกเราด้วย?”
“เธอบอกว่าเธอสนิทกับเหวินเจ๋อหลิ่ว และเห็นว่าเตียงในหอพักเรายังว่างเธอเลยอยากย้ายมาที่นี่ และตอนที่เธอย้ายมานะ คนจากหอพักเก่าของเธอช่วยกันขนย้ายของให้เธออย่างกระตือรือร้น เหมือนว่าพวกเขาไม่อยากจะให้เธอย้ายออกอย่างนั้นแหละ”
ถังซวงเลิกคิ้วสงสัย “ก็ในเมื่อเพื่อนร่วมห้องของเธอไม่อยากจะให้เธอไป แล้วทำไมถังอวี้สือยังคิดจะย้ายล่ะ? เธอไม่ใช่คนใจกว้าง มีน้ำใจ และอ่อนโยนกับคนอื่นเสมอหรอกหรือ?” แววตาของถังซวงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
นับตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย ถังอวี้สือพยายามทำตัวเรียบง่ายและใจกว้างกับทุกคนเสมอมา มีรอยยิ้มให้กับทุกคน และคนในชั้นเรียนจำนวนมากต่างชอบเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอทำให้อีกฝ่ายประทับใจได้อย่างไร แม้แต่เพื่อนร่วมหอพักยังไม่ยินดีเมื่อเธอย้ายออก แต่ถังซวงกลับรู้สึกว่าถังอวี้สือเป็นคนปลอมเปลือก เหวินเจ๋อหลิ่วต่างหากที่คอยแสดงสีหน้าแท้จริงของถังอวี้สือออกมา
ได้ยินที่ถังซวงพูด เจียนหวานหว่านถามด้วยความสงสัย “ใช่ ฉันก็คิดว่าถังอวี้สืออยู่ในหอพักเดิมดีกว่า ถึงจะสนิทกับเหวินเจ๋อหลิ่ว เจอกันในเวลาเรียนหรือเวลาอื่นได้ เวลากลางคืนไม่เห็นจำเป็นเลย”
ถังซวงกลับไปพักผ่อนที่นั่นเป็นครั้งคราวเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงไม่รู้เรื่องที่ถังอวี้สือย้ายหอพัก เมื่อนึกถึงถังอวี้สือกับเหวินเจ๋อหลิ่ว เธออดไม่ได้ที่จะหันมองต้วนเฟิ่งหยิงกับเจียนหวานหว่าน “พวกเธอต้องระวังตัวให้มากนะ อยู่ให้ห่างจากเหวินเจ๋อหลิ่วกับถังอวี้สือเข้าไว้”
ต้วนเฟิ่งหยิงพยักหน้ารับก่อนจะตอบกลับว่า “อื้ม ฉันรู้ ฉันก็ไม่ได้ชอบสองคนนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
แต่เจียนหวานหว่านกลับถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “ฉันไม่ค่อยชอบเหวินเจ๋อหลิ่วเท่าไหร่ แต่ว่า… ถังอวี้สือค่อนข้างใช้ได้นะ ฉันคิดว่าเธอนิสัยดี”
ก่อนถังซวงจะพูดอะไร ต้วนเฟิ่งหยิงหันมองเจียนหวานหว่านแล้วพูดว่า “หวานหว่าน ถังอวี้สือน่ะนิสัยไม่ดี อย่าถูกรอยยิ้มกับหน้าตาใสซื่อนั่นหลอกลวงเอาได้ คนคนนั้นเสแสร้ง”
ถังซวงเหลือบมองต้วนเฟิ่งหยิงด้วยความประหลาดใจ “ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”
“ฉันสัมผัสได้น่ะ และฉันจะตัดสินคนจากความรู้สึกเสมอ”
ถังซวงต้องการพูดบางอย่างต่อ แต่เธอกลับเห็นว่าถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่วเดินเข้ามาแล้ว
ถังซวงเห็นว่าสายตาที่ถังอวี้สือกับเหวินเจ๋อหลิ่วจ้องมองมาที่เธอนั้นแปลกออกไป แม้ทั้งสองจะเบือนหน้าหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ถังซวงก็สัมผัสได้ถึงความโกรธและไม่พอใจในแววตานั้น
หึหึ… น่าสนุก ดูท่าพวกนั้นคิดจะมีเรื่องกับฉันจริง ๆ