การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 5 กินและดื่มให้อิ่ม
บทที่ 5 กินและดื่มให้อิ่ม
บทที่ 5 กินและดื่มให้อิ่ม
เมื่อเฮ่อหลานได้ยินคำพูดของลูกสาวคนโต เธอก็มองด้วยความประหลาดใจ “ซวงเอ๋อร์… นี่…”
ถังซวงชำเลืองมองแม่ของเธอแล้วพูดว่า “ไม่อย่างนั้นแม่คิดว่าเราจะทำอะไรกันในครัวล่ะ? จะให้ฉันทำอาหารให้คนพวกนั้นจริง ๆ เหรอ? หน้าตาไม่ดีไม่พอ จิตใจยังต่ำช้าอีก”
ดวงตาของถังเซวี่ยเป็นประกายเมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น เธอรีบกระตุ้นให้แม่ของเธอทำอาหารทันที
“แม่คะ เร็วเข้า เรามาเตรียมอาหารกินเองเถอะ”
ตอนนี้เฮ่อหลานเข้าใจเจตนาของลูกสาวคนโตแล้ว แต่เธอยังรู้สึกกังวล “ซวงเอ๋อร์…”
ถังซวงชำเลืองมองเฮ่อหลานอีกครั้งและพูดว่า “แม่ ไม่ต้องกังวลไป แค่ทำอาหารก็พอ”
“ก็ได้จ้ะ”
ท้ายที่สุดเฮ่อหลานก็เริ่มทำอาหารตามที่เธอบอก
หลังจากทำอาหารเสร็จ ถังซวงก็ตักมันกินทันที เธอเหลือบมองถังเซวี่ยและเฮ่อหลานที่ยืนตัวแข็งและพูดว่า “รีบกินสิ”
ถังเซวี่ยเป็นคนแรกที่ตอบสนอง หลังจากเติมข้าวเต็มชามแล้ว เธอก็พาเฮ่อหลานเข้ามาใกล้ ๆ
เมื่อเห็นความลังเลของเฮ่อหลาน ถังซวงก็พูดอย่างเย็นชา “ทำไม…แม่ไม่อยากกินเหรอ? อยากเป็นพวกเดียวกันกับพวกเขาเหรอ? แล้วสุดท้ายก็ทำร้ายเราสองพี่น้อง”
“ไม่…ไม่แน่นอน”
“งั้นก็กินกับเราสิ”
ความคิดของถังซวงนั้นแข็งกร้าว และเฮ่อหลานไม่ต้องการให้ลูกสาวของเธอคิดว่าเธอไม่ใส่ใจพวกเขา ดังนั้นจึงกัดฟันและนั่งกินข้าวกับพวกเขา
ทั้งสามกินอาหารทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าแม่เฒ่าถังจะเตรียมอาหารไว้สำหรับทั้งครอบครัว แต่ก็ไม่ได้มีมากมายนัก น้อยเกินไปสำหรับครอบครัวใหญ่ด้วยซ้ำ แต่มันก็พอดีสำหรับสามแม่ลูกที่จะกินให้อิ่ม แถมยังอร่อยมากอีกด้วย
“อิ่มจัง เป็นวันที่มีความสุขจริง ๆ”
ถังเซวี่ยรู้สึกพึงพอใจและต้องการให้เป็นเช่นนี้ทุกวัน
ถังซวงรู้สึกดีมากเช่นกัน เธอไม่ได้กินให้อิ่มท้องมา 2-3 วันแล้ว ทั้งยังรู้สึกว่าผมที่แห้งกร้านก็เริ่มดีขึ้น “แม่คะ กลับไปพักผ่อนกันเถอะ”
แต่ก่อนที่ถังซวงและคนอื่น ๆ จะเดินออกจากครัว แม่เฒ่าถังกับจ้าวเหม่ยฉินก็เข้ามา
“พวกแกสามคนเอะอะอะไรกัน พวกแกมันไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ แล้วนี่ยังไม่ได้ทำอาหารกันเลยเหรอ”
ถังซวงเห็นคนทั้งสองกำลังมา จึงพูดเบา ๆ ว่า “อ่อ เราทำอาหารเสร็จแล้วแหละ ถ้าอยากกินก็ทำเองได้เลย”
“แกหมายความว่ายังไง?”
แม่เฒ่าถังยังไม่รู้ตัวในตอนแรก แต่จ้าวเหม่ยฉินวิ่งไปที่เตาเพื่อดูและพบว่าไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยนอกจากจานและชามที่ยังไม่ได้ล้าง “แม่คะ พวกมันกินทุกอย่างหมดเลยค่ะ”
เมื่อหญิงชราได้ยิน เธอก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “แกกล้ามากนะ แกกินทุกอย่างเลยเหรอ ฉันจะฆ่าแก” ในตอนท้ายของคำพูด หญิงชรารีบพุ่งตรงเข้าไปทันที
แต่ปฏิกิริยาของถังซวงนั้นรวดเร็วกว่า ดึงเฮ่อหลานกับถังเซวี่ยไปข้างหลัง จากนั้นหยิบไม้ขึ้นมาแล้วเดินไปที่เตา
เมื่อเห็นการกระทำของถังซวง จ้าวเหม่ยฉินรีบพูดว่า “ถังซวง แกกำลังทำอะไร?”
“ในเมื่อไม่ต้องการทำอาหารมากซะขนาดนั้น ก็ทุบหม้อทิ้งซะ เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์”
แม้ว่าถังซวงจะพูดเสียงเบา แต่สีหน้าของเธอดูจริงจังมาก จ้าวเหม่ยฉินรีบหยุดเธอ “ถังซวง อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ”
ตอนนี้แม้แต่แม่เฒ่าถังก็ไม่กล้าหยาบคายอีกต่อไป เธอมองไปยังถังซวงแล้วพูดว่า “วางไม้ลงเร็ว ๆ”
ตอนนี้ทั้งบ้านมีหม้อเหล็กแบบนี้แค่ใบเดียว ถ้าทุบทิ้งจะหาหม้อได้จากที่ไหน? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะซื้อหม้อเหล็กเลย มันต้องใช้คูปองแลกมา แล้วสำหรับชาวนาก็ยิ่งยากไปใหญ่ที่จะได้คูปองนี้
ถังซวงยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดนั้น มองไปที่แม่เฒ่าถัง แล้วถามว่า “ตกลงจะทำอาหารไหม?”
ก่อนที่หญิงชราจะทันได้พูดอะไร จ้าวเหม่ยฉินก็พยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ใช่ เดี๋ยวเราทำอาหารเอง”
“ดี งั้นเราขอตัวกลับไปพักผ่อนกันก่อนนะ”
ถังซวงนำเฮ่อหลานกับถังเซวี่ยกลับไปที่บ้านอย่างไม่รู้สึกรู้สาและปิดประตูจากข้างใน
ในเวลานี้ครัวของตระกูลถังเต็มไปด้วยความโกลาหล “ให้ตายเถอะ… ให้ตายเถอะ… ฉันไปทำอะไรมาถึงได้มีหลานสาวแบบนี้นะ”
เมื่อพ่อเฒ่าถังและคนอื่น ๆ ในตระกูลถังเข้ามา ก็เห็นแม่เฒ่าถังนั่งร้องไห้อยู่บนพื้น
“แม่ครับ มีอะไรเหรอ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกชายคนเล็กพูด หญิงชราก็มองเขาอย่างโกรธเคือง และพูดว่า “ฉันจะไปทำอะไรได้ นังเฮ่อหลานพาถังซวงและถังเซวี่ยมากินอาหารที่เตรียมไว้หมดแล้ว”
“อะไรนะ…”
ถังเจี้ยนกั๋วไม่อยากจะเชื่อ “พวกมันกล้าดียังไง”
“ทำไมพวกมันจะไม่กล้า นังถังซวง หมาตัวเมียนั่นยังจะทุบหม้อที่บ้านด้วยนะ”
ใบหน้าของพ่อเฒ่าถังบูดบึ้งมากเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ “ถังซวงจะทุบหม้อจริง ๆ เหรอ?”
จ้าวเหม่ยฉินพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ค่ะ คุณแม่เห็นว่าพวกเขากินอาหารหมดแล้ว จึงอยากจะพูดอะไรกับพวกเขา แต่ถังซวงกลับจะเอาไม้ไปทุบหม้อ”
ตอนนี้ทุกคนมองไปที่ถังเจี้ยนกั๋ว
ถังเจี้ยนกั๋ว รู้สึกเพียงว่าใบหน้าของเขาร้อนจนเดือดปุด ๆ “ฉันจะไปจัดการพวกมันเดี๋ยวนี้”
เมื่อถังเจี้ยนกั๋วเดินไปที่บ้าน เขาพบว่าประตูถูกล็อก “เปิดประตู! เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
เมื่อเห็นชายคนนั้นเคาะประตูอย่างแรง เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะคิดถึงประสบการณ์ที่ถูกทุบตีครั้งก่อน ความทรงจำเหล่านั้นฝังลึกมากจนร่างกายของเธอตอบสนองด้วยความเครียด และถังเซวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ เองก็เช่นกัน
แต่ถังซวงเดินไปที่ประตูช้า ๆ และพูดว่า “หยุดเคาะได้แล้ว! เราจะไม่เปิดประตู คืนนี้จะไปนอนที่ไหนก็ไป แล้วจะบอกอะไรให้นะ แม่ของฉันกำลังจะหย่ากับแกแล้ว”
“หย่า…”
หลังจากที่ถังเจี้ยนกั๋วได้ยินสิ่งที่ถังซวงพูด เขาก็หยุดการเคลื่อนไหวโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็ตวาดขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธจัด “เอาล่ะ แกเป็นคนคิดเรื่องนี้เองสินะ ฉันบอกได้เลยว่าอย่าแม้แต่จะคิด”
“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแกที่เป็นคนตัดสินใจหรอกนะ”
ถังซวงมีความทรงจำของร่างเดิม เธอจึงรู้ว่าถังเจี้ยนกั๋วเลวร้ายเพียงใดต่อแม่และน้องสาว ดังนั้นแต่งงานได้ก็ต้องหย่าได้
หลังจากที่ถังเจี้ยนกั๋วรู้แผนของเฮ่อหลาน เขาก็หยุดเคาะประตูและตรงไปหาแม่เฒ่าถัง
“ฮึ่ม…พวกมันกล้านักนะ นังเฮ่อหลาน หญิงเลวคนนั้นมันไม่รักดีสินะ ต้องการหย่าร้างตั้งแต่อายุยังน้อย ตั้งแต่เธอแต่งงานกับตระกูลถังของเรา เธอก็เป็นสมาชิกของตระกูลถังของเราแล้ว และเมื่อเธอตาย แม้แต่วิญญาณก็เป็นของตระกูลถัง”
จ้าวเหม่ยฉินรู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินสิ่งนี้
เธอไม่ต้องการให้เฮ่อหลานหย่า ถ้าเธอออกจากตระกูลถังไป ใครจะทำงานบ้านทั้งหมด ยังไงเธอก็จะไม่ยอมทำแน่
“แม่คะ ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ฉันจะดูเฮ่อหลานกับเด็ก ๆ เอง ตราบใดที่พวกมันยังอยู่ในบ้านหลังนี้ แล้วจะหย่ากันได้ยังไงล่ะคะ?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสะใภ้คนโตพูด แม่เฒ่าถังก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่ เอาตามนั้นแหละ” ในเวลาเดียวกัน เธอตัดสินใจว่าควรส่งถังซวงไปยังหมู่บ้านตระกูลหลี่ทันทีที่เป็นไปได้ มีเพียงถังซวงเท่านั้นที่เป็นก้างขวางคอ
ถังเจี้ยนกั๋วที่ไม่สามารถเข้าไปได้ ดังนั้นเขาจึงต้องนอนที่บ้านใหญ่ตลอดทั้งคืน
ในวันรุ่งขึ้นเมื่อทั้งสามแม่ลูกตื่นขึ้น พวกเขาพบว่าคนตระกูลถังกำลังกินอาหารเช้า และใกล้จะเสร็จแล้ว
เมื่อหญิงชราเห็นพวกเขา เธอแค่นเสียงอย่างเย็นชาและพูดว่า “ดูเหมือนว่าชีวิตของแกจะช่างง่ายดายซะเหลือเกินนะ และยังคิดที่จะหย่าร้างอีก เรื่องนี้มันไม่มีประตู*[1] หรอกนะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถ้าพวกแกทำตัวดี ๆ ฉันจะให้อาหารพวกแกด้วย แต่ถ้าทำตัวไม่ดีก็อดไปซะ”
ถังซวงไม่สนใจแม่เฒ่าถัง เธอตรงไปที่ห้องครัวและออกมาหลังจากนั้นไม่นาน
เมื่อเห็นเช่นนี้ หญิงชราก็เย้ยหยัน นังเด็กน้อยคงสงสัยว่ามีของกินอยู่ในครัวสินะ ฮึ่ม… เธอต้องจับตาดูแม่ลูกพวกนี้ให้ดี
ถังชุนหยาน หลานสาวคนที่สองซึ่งนั่งถัดจากแม่เฒ่าถังพูดอย่างสงสัย “คุณย่าคะ ดูเหมือนว่าเธอจะไปที่สวนหลังบ้านนะ”
“ปล่อยไป เรากินกันต่อเถอะ”
แต่แล้วเมื่อได้ยินเสียงไก่ขัน ทุกคนในตระกูลถังก็รู้สึกว่าแย่แล้ว ก่อนที่พวกเขาจะวิ่งไปดู ถังซวงก็ได้ถือไก่หัวขาดเปื้อนเลือดมาแล้ว
“ในเมื่อไม่มีอาหารเช้าเตรียมไว้ให้ พวกเราเลยต้องทำกินเองน่ะ”
“อะไรนะ…”
[1] ไม่มีประตู เป็นสำนวนหมายถึง เป็นไปไม่ได้และไม่มีทางเลย