การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 502 ถังคุนเฉิน
บทที่ 502 ถังคุนเฉิน
บทที่ 502 ถังคุนเฉิน
ถังเซวี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดีใจที่พี่สาวเห็นด้วยกับตน
“เราบอกพ่อกับแม่ดีแล้วละค่ะ พ่อก็รู้จักคนเยอะแยะ รู้มากกว่าพวกเราด้วย บางทีอาจจะช่วยอะไรได้”
ถังซวงพยักหน้ารับ “ใช่ แต่ถ้าทุกอย่างเป็นแค่การคาดเดาของฉัน ถ้าเดาผิดพลาดจะทำยังไงล่ะ?”
“พี่คะ ต่อให้เดาผิดก็ไม่เป็นไรหรอก มันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือที่เราควรจะระวังตัวไว้ก่อน”
เห็นความรอบคอบของถังเซวี่ยแล้ว ถังซวงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม “ใช่ ระมัดระวังไว้ย่อมดีกว่า”
เดิมทีเฟิงเยี่ยหานคิดว่าที่เข้าเมืองหลวงคราวนี้จะได้ใช้เวลากับถังเซวี่ยเต็มที่ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องมาพบเจอเรื่องราวเช่นนี้ อีกทั้งกำลังคนที่พามาด้วยไม่เพียงพอ ตอนนี้เขาจึงคิดจะติดต่อเฟิงอู๋ให้นำคนเข้ามาที่เมืองหลวงเพิ่ม
โม่เจ๋อหยวนเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เขาต้องบอกเรื่องนี้กับปู่ เพราะตระกูลถังไม่ใช่ตระกูลธรรมดา ๆ “ซวงเอ๋อร์ เราควรบอกคุณปู่ของฉันด้วย และให้พวกเขาช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ดีกว่า”
ถังซวงรู้สึกว่าเรื่องราวกำลังใหญ่โตเกินกว่าที่คิด
“อย่างนั้น… เราควรรอจนกว่าจะสอบสวนเรื่องนี้เสร็จก่อนดีไหมแล้วค่อยบอกคุณปู่ ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่นะคะ”
โม่เจ๋อหยวนเผยความไม่พอใจออกมาทันที
“เราควรรีบบอกคุณปู่เดี๋ยวนี้ ระวังตัวไว้จะดีที่สุด”
เฟิงเยี่ยหานพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ บอกคุณปู่จิงกับคุณปู่โม่เอาไว้ดีกว่า และขอให้พวกเขาช่วยตรวจสอบ”
เมื่อทั้งสองคนพูดแบบนี้แล้ว ถังซวงพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “ก็ได้ เราจะบอกพวกเขาทุกคน”
งานแต่งงานจบลงแล้ว แต่ทุกคนยังคงรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรมต่อ หลังจากทานเสร็จแล้วจึงค่อยแยกย้าย
ถังซวงมีโอกาสได้คุยกับผู้เฒ่าจิงและจิงเจ้อหรงเกี่ยวกับเรื่องของถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่ว ส่วนเฮ่อหลานยังไม่ทราบเรื่องเพราะถึงซวงกลัวว่าตนจะเดาผิดพลาดและส่งผลกระทบให้แม่อย่างไม่ตั้งใจ เพราะยังไงเรื่องนี้มันก็เกี่ยวข้องกับอดีตของเฮ่อหลาน
ทั้งผู้เฒ่าจิงและจิงเจ้อหรงไม่คาดหวังว่าทั้งสองจะพบเจอเรื่องแบบนี้เช่นกัน
“ซวงเอ๋อร์ หลาน… ไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม นี่… เป็นไปได้จริง ๆ หรือ?”
ผู้เฒ่าจิงหวาดหวั่น เขาไม่รู้เลยว่าเฮ่อหลานจะเชื่อมโยงกับตระกูลถัง เด็กกำพร้าคนหนึ่งไร้ซึ่งรากเหง้า พ่อและแม่เป็นใครไม่มีใครรู้ อีกทั้งฝ่ายนั้นเป็นครอบครัวที่ทรงอำนาจและลึกลับ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นยังไง หากคิดไตร่ตรองอย่างถึงที่สุดก็ไม่อาจเชื่อมโยงพวกเขาเข้าหากันได้เลย อีกทั้งลูกหลานของตระกูลถังไม่ควรจะถูกเนรเทศออกจากตระกูลด้วยซ้ำ
ใบหน้าของจิงเจ้อหรงยังเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“ซวงเอ๋อร์ ที่คุณเว่ยพูดก่อนหน้านี้ว่าลูกคล้ายกับคนที่เขารู้จัก ไหนจะเพื่อนร่วมชั้นสองคนของลูกที่ตั้งตัวเป็นศัตรู และต้องการจัดการลูกหลังจากลูกพบเว่ยเหิงอีกครั้งเป็นเรื่องจริงหรือ?”
“ค่ะ หนูจำไม่ผิดแน่นอน”
ใบหน้าของจิงเจ้อหรงเคร่งขรึมขึ้นมา
“ถ้าเป็นไปตามที่ลูกคาดเดา เรื่องนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงมาก บางทีลูกอาจจะเหมือนกับคนที่พวกเขารู้จักจริง ๆ และบังเอิญว่าเพื่อนร่วมชั้นสองคนของลูกก็รู้จักด้วย อีกอย่างลูกหน้าเหมือนกับแม่มาก บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีตของแม่ลูกจริง ๆ ก็ได้”
หลังจากพิจารณาว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลถัง ใบหน้าของจิงเจ้อหรงยิ่งมืดมน
“ซวงเอ๋อร์ เราจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด ลูกอย่าเพิ่งลงมือทำอะไรล่ะ”
ผู้เฒ่าจิงเองก็เชื่อเช่นกัน ก่อนจะหันมาบอกกับถังซวงว่า “ใช่ ซวงเอ๋อร์ เรื่องนี้หลานต้องระวังให้มาก จะหุนหันพลันแล่นไม่ได้เด็ดขาด”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณปู่ คุณพ่อ หนูจะระวัง”
ผู้เฒ่าจิงและจิงเจ้อหรงถึงกับโล่งใจมาก จากนั้นทั้งสองหันกลับมากังวลเรื่องถังเซวี่ย เพราะถังเซวี่ยหน้าเหมือนกับเฮ่อหลานยิ่งกว่าถังซวงเสียอีก “เสี่ยวเซวี่ย ลูกก็ควรจะระมัดระวังตัวให้มาก เพื่อความปลอดภัย พวกเราจะส่งคนมาคุ้มกันลูกเพิ่มด้วย”
ถ้าเป็นถังซวงทุกคนคงไม่ต้องเป็นห่วงถึงขนาดนี้ เพราะทุกคนล้วนทราบถึงทักษะอันยอดเยี่ยมของถังซวงเป็นอย่างดี แต่ถังเซวี่ยเพียงฝึกฝนกังฟูไปแค่เล็กน้อย ไม่สามารถจัดการกับใครได้เลย
ซึ่งถังเซวี่ยก็รู้จุดอ่อนของตัวเองดี เธอพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “ค่ะ”
แต่ทว่าเฟิงเยี่ยหานกลับพูดขึ้น “คุณปู่ คุณลุงจิง ผมจะจัดส่งคนมาคุ้มกันเสี่ยวเซวี่ยเพิ่มครับ”
ทั้งผู้เฒ่าจิงและจิงเจ้อหรงไม่คิดเหนียมอายอีกต่อไป ทั้งสองพยักหน้ารับ “อื้ม เธอก็ควรจะใส่ใจความปลอดภัยของเสี่ยวเซวี่ยให้มากด้วยล่ะ”
หลังจากทั้งหมดพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้เสร็จ พวกเขาก็แยกย้ายกลับไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ผู้เฒ่าจิงและจิงเจ้อหรงรู้สึกกังวลมาก ส่วนถังซวงและคนอื่น ๆ กำลังคิดหาวิธีอื่นมาตรวจสอบเรื่องทั้งหมด
แม้ถังซวงจะบอกว่าเธอจะระมัดระวังตัวและไม่หุนหันพลันแล่น แต่ถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่วกลับไม่คิดจะให้โอกาสเธอทำอย่างนั้นแน่
ถังอวี้สือมองบุคคลที่ปรากฏตัวต่อหน้าด้วยความประหลาดใจ
“คุณตา… คุณ… ทำไมมาที่นี่ด้วยตัวเองล่ะคะ?”
ถังคุนเฉินหันมองหลานสาวก่อนเอ่ยเสียงเข้ม “ข่าวที่ให้เจ๋อหลิ่วบอกกล่าวกับตาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? มีเด็กสาวที่เหมือนกับคุณทวดของหลานจริงหรือ?”
ถังอวี้สือพยักหน้ารับอย่างเร่งรีบก่อนจะพูดว่า “ค่ะคุณตา แต่หนูไม่รู้ว่าคุณย่าทวดหน้าตาเป็นยังไงในตอนยังเด็ก แต่คุณเว่ยเหิงบอกเรื่องนี้กับหนูตอนที่เขาได้พบกับเพื่อนร่วมชั้นคนนั้นค่ะ”
ทันทีที่ถังคุนเฉินได้ยิน เขาขมวดคิ้วแน่น
“หลานบอกว่า… เว่ยเหิงก็พบหล่อนแล้วหรือ?”
“ค่ะ”
ใบหน้าของถังคุนเฉินยิ่งบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด
“ตาเฒ่าเว่ยเหิงเห็นคนที่ดูคล้ายกับแม่ของตา แต่ไม่คิดจะบอกตาเลย ถ้าเจ๋อหลิ่วกับหลานไม่มาบอก ตาคงจะไม่มีวันรู้เรื่องนี้”
ใบหน้าของถังอวี้สือเผยความเย็นชาออกมาเมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนกับเว่ยชื่อเหอ
เธอคิดว่าตนเองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลเว่ยมาตลอด เพราะทั้งเธอและเว่ยชื่อเหอต่างเติบโตมาด้วยกัน ไม่คิดมาก่อนว่าเว่ยเหิงจะไม่อยู่ข้างตน ถังอวี้สือหันมองถังคุนเฉินด้วยความกังวล “คุณตาคะ… คุณตาว่าคุณเว่ยเหิงจะบอกเรื่องนี้กับคุณทวดไหม?”
“ไม่ต้องกังวลหรอก ตาอยู่กับทวดของหลานตลอด และรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นช่วงนี้ เว่ยเหิงไม่เข้ามาหาทวดของหลานหรอก และจะไม่มีใครบอกเรื่องนี้กับเขาแน่”
ได้ยินอย่างนั้น ถังอวี้สือโล่งใจขึ้นมา
ถังคุนเฉินหันมองถังอวี้สือแล้วพูดว่า “แล้วเพื่อนร่วมชั้นของหลานอยู่ที่ไหน? พาหล่อนออกมา ตาอยากเจอเด็กคนนั้น” เขาต้องการเห็นมันด้วยตาของตัวเองเท่านั้นจึงจะสามารถวางใจได้
“คุณตาคะ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ เราไม่มีเรียน… เพื่อนร่วมชั้นของหนูไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกค่ะ”
คิ้วของถังคุนเฉินขมวดเข้าหากันแน่น เพราะไม่คิดว่าตนจะไม่ได้เจอใครในวันนี้
“หลานบอกว่าเพื่อนร่วมชั้นคนนั้นอยู่ในเมืองหลวงไม่ใช่หรือ? ไม่รู้จักบ้านหล่อนหรือไง?”
“หนู… ไม่รู้ค่ะ”
ถังอวี้สือไม่รู้จริง ๆ
เหวินเจ๋อหลิ่วที่ยืนอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะเหนื่อยหน่ายใจ “นายท่านรองคะ ทั้งหมดเป็นความผิดฉันที่ไม่เตรียมการล่วงหน้าเอาไว้เองค่ะ”
“หึ… พวกเธอสองคนนี่นะ”
ใบหน้าของถังคุนเฉินบูดบึ้งจนน่าเกลียด ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พรุ่งนี้ตาจะต้องได้เจอหล่อน”