การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 507 ปาน
บทที่ 507 ปาน
บทที่ 507 ปาน
เมื่อได้ยินคำพูดของถังคุนเฉิน หัวเฟยเฟิ่งก็หัวเราะออกมา “ถังคุนเฉิน นายก็อยู่ที่นี่ ทำไมฉันจะมาบ้างไม่ได้ล่ะ?”
ถังอวี้สือประหลาดใจมากเมื่อได้พบหัวเฟยเฟิ่งที่นี่ เธอตื่นตระหนกเล็กน้อยก่อนจะมองหัวเฟยเฟิ่งและถังซวงสลับกัน ตอนนี้เธอสัมผัสได้ว่าทุกสิ่งอยู่เหนือการควบคุมของฝ่ายตนแล้ว
แต่ถังคุนเฉินเหลือบมองหัวเฟยเฟิ่งด้วยความประหลาดใจ
พี่สะใภ้ของเขาอยู่ในสภาวะซึมเศร้านับตั้งแต่ลูกหายตัวไป และใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมออกไปไหน จนเขาไม่ได้พบเจอกับหัวเฟยเฟิ่งมานานแล้ว หากไม่ใช่เพราะผมสีขาวที่เป็นเอกลักษณ์รวมถึงรูปร่างหน้าตาที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย เขาคงไม่สามารถจดจำพี่สะใภ้คนนี้ได้
เมื่อกลับมาพบกันอีกครั้ง ดูเหมือนว่าพี่สะใภ้คนนี้จะแตกต่างไปจากความทรงจำโดยสิ้นเชิง นี่คือพี่สะใภ้ที่ปลีกตัวจากเรื่องทางโลกไปแล้วใช่ไหม?
“คุณตา…”
เมื่อเห็นว่าตาเงียบไปนาน ถังอวี้สืออดไม่ได้ที่จะร้องเสียงแผ่ว
เมื่อได้ยินเสียงของถังอวี้สือ ถังคุนเฉินก็ฟื้นคืนสติกลับมาก่อนจะหันมองหัวเฟยเฟิ่งด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้พูดอะไรกันครับ ผมมาที่นี่เพื่อมาพบกับอวี้สือต่างหาก”
“ฮ่าฮ่า… มาหาถังอวี้สืองั้นหรือ? ไม่ใช่มาเพื่อฆ่าปิดปากพวกเขาหรือไง?”
หัวเฟยเฟิ่งหันมองถังคุนเฉินด้วยแววตาเย็นชา ไร้ซึ่งความปรานีใด ๆ
“พี่สะใภ้ ผมจะไปฆ่าปิดปากพวกเขาได้ยังไง ผมจะทำอย่างนั้นไปทำไมล่ะ อีกอย่าง…” ถังคุนเฉินยังคงคิดจะแก้ตัว “ทำไมผมจะต้องปิดปากพวกเขา? เด็กตรงหน้าคนนี้มีความขัดแย้งกับอวี้สือ เจ๋อหลิ่ว และใช้คนมารังแกหลานของผม แล้วผมจะทวงความยุติธรรมให้หลานตัวเองไม่ได้หรือ?”
หัวเฟยเฟิ่งได้ยินจึงระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
“ถังคุนเฉิน จนถึงตอนนี้ยังจะโกหกอยู่อีกหรือ นายนี่มันนิสัยขี้โกหกไม่เปลี่ยนเลยนะ แค่ถังอวี้สือรู้ว่าหลานสาวของฉันยังมีชีวิตอยู่ นายเลยมาที่นี่เพื่อจะฆ่าปิดปากหล่อนก่อนที่พวกเราจะรู้เรื่อง วางแผนไว้ดีจริง ๆ”
ถังคุนเฉินขมวดคิ้วเมื่อเห็นหัวเฟยเฟิ่งมั่นใจว่าถังซวงเป็นหลานสาวของตัวเอง
ตอนนี้เขายังคิดโน้มน้าวอีกฝ่าย “พี่สะใภ้ หล่อนเป็นเพียงเพื่อนร่วมชั้นของอวี้สือเท่านั้น ไม่ใช่หลานสาวของพี่แน่นอน ลูกสาวของพี่ตายไปตั้งนานแล้ว จะมีหลานสาวได้ยังไงล่ะครับ? ต่อให้ผมจะรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้หน้าคล้ายกับแม่ของผมอยู่บ้าง แต่มีคนบนโลกตั้งมากมายที่หน้าคล้ายกัน เราอย่าคิดไปเองดีกว่า ไม่มีทางที่สายเลือดตระกูลถังของเราจะเล็ดลอดออกไปได้”
หัวเฟยเฟิ่งไม่สนใจสิ่งที่ถังคุนเฉินพูดแม้แต่น้อย แววตาของเธอเย็นชา หยิบกิ่งไม้แห้งขึ้นมาแล้วเริ่มลงมือกับถังคุนเฉิน
ทันทีที่ถังซวงเห็นอย่างนั้น ในใจของเธอพลันตื่นตระหนก
เธอได้ต่อสู้กับถังคุนเฉินแล้ว และรู้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหน เธอกลัวว่าหัวเฟยเฟิ่งจะสู้ถังคุนเฉินไม่ได้ แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าบุคคลนี้เป็นยายของเธอจริงไหม แต่หัวเฟยเฟิ่งก็ช่วยชีวิตของเธอไว้เมื่อสักครู่ แน่นอนว่าเธอไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเจ็บตัว
เมื่อเห็นความกังวลของถังซวง โม่เจ๋อหยวนก็กล่าวปลอบใจเบา ๆ “ซวงเอ๋อร์ ไม่ต้องกังวล คุณยายจะไม่เป็นไรแน่นอน เห็นไหมว่าพวกเขากำลังต่อสู้กัน ดูเหมือนคุณยายจะสามารถต่อกรกับถังคุนเฉินได้นะ”
ถังซวงจึงมองภาพตรงหน้าอย่างระมัดระวัง หลังจากมองดูแล้วเธอพบว่าทักษะของทั้งสองคนแทบจะทัดเทียมกันได้ และถ้ามองให้ลึกทุกกระบวนท่าจะเห็นว่ายายของเธอดูได้เปรียบกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ เธอไม่คิดมาก่อนว่าหัวเฟยเฟิ่งจะเก่งกาจขนาดนี้
เห็นอย่างนั้น ถังซวงก็โล่งใจ หยิบขวดยาออกมาแล้วแจกจ่ายให้กับผู้บาดเจ็บ ยาเหล่านี้สามารถรักษาบาดแผลได้ เหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้
อีกด้านหนึ่ง ถังคุนเฉินกำลังหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากว่าสามสิบครั้ง พวกเขาถอยห่างออกจากกันชั่วคราว
ถังคุนเฉินมองหัวเฟยเฟิ่งด้วยใบหน้าเศร้าหมองก่อนจะกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “พี่สะใภ้ ผมไม่คิดจริง ๆ ว่าทักษะการต่อสู้ของพี่จะไม่ลดน้อยลงเลยหลังจากผ่านมานานหลายปี ดูเหมือนว่ามันจะดีขึ้นด้วย น่าประทับใจจริง ๆ”
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเองทำไม่สำเร็จตามแผนแล้วในคราวนี้
พี่สะใภ้คนนี้ไม่อาจรับมือได้ง่าย ๆ เธอไม่เรียบง่ายเหมือนภาพลักษณ์ ซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังใหญ่มานานหลายปีแล้วนับตั้งแต่ลูกสาวหายตัวไป เธอคงจะสะสมพลังเอาไว้และรอวันที่จะทำลายทุกอย่างเมื่อเขาคลายความระมัดระวัง พี่สะใภ้ของเขาคนนี้เคยถูกเรียกขานว่าหัวเฟยเฟิ่งกระบี่หยกมรกตเมื่อครั้งที่เธออายุยังน้อย แม้ว่าวันนี้เธอจะอายุมากขึ้น ก็ยังคงมีความสามารถที่โดดเด่นเช่นเคย
เมื่อหัวเฟยเฟิ่งได้ยินคำพูดของถังคุนเฉิน เธออดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน “แน่นอน ฉันจะหย่อนยานได้ยังไง เพราะฉันจะไม่ปล่อยให้นายได้ในสิ่งที่ต้องการ ฉันโชคดีที่ไม่เคยหย่อนยานจนกระทั่งพบเจอความจริง”
ในตอนท้ายของประโยค ดวงตาของหัวเฟยเฟิ่งเปล่งประกายสดใส
ใบหน้าของถังคุนเฉินกลายเป็นมืดมน แต่ถึงตอนนี้เขายังไม่คิดยอมรับ
“พี่สะใภ้เข้าใจพวกเราผิดแล้วละครับ ผมสามารถอธิบายได้จริง ๆ นะ”
“ฉัน… เบื่อจะฟังคำไร้สาระ!”
หัวเฟยเฟิ่งหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาก่อนจะเริ่มโจมตีถังคุนเฉิน
“คุณตา…”
ถังอวี้สือหันมองทั้งสองที่เริ่มต่อสู้กันอีกครั้งด้วยสีหน้ากังวล แน่นอนว่าเธอรู้ทักษะของหัวเฟยเฟิ่งดี ตาของเธอกำลังตกที่นั่งลำบาก และแผนการในวันนี้ถูกทำลายหมดสิ้น พวกเขาทั้งหมดล้มเหลวไม่เป็นท่า
ขณะนี้ถังคุนเฉินรู้สึกไม่สบายใจด้วยเช่นกัน หลังจากเขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารรุนแรงจากหัวเฟยเฟิ่ง เขาก็พยายามหลบการโจมตีของเธอ และคราวนี้เขาเห็นโอกาสที่จะเข้าใกล้เหวินเจ๋อหลิ่วและถังอวี้สือแล้ว ถังคุนเฉินคว้าทั้งสองก่อนจะทะยานออกไป ตัดสินใจที่จะถอยกลับ
ถังซวงเห็นอย่างนั้น แววตาของเธอกลายเป็นเย็นชา หยิบเข็มสีเงินสามเล่มออกมาพร้อมกับขว้างมันใส่ถังคุนเฉินทันที
ถังคุนเฉินได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้การเคลื่อนไหวของเขาไม่รวดเร็วเท่าคราวแรก เพราะเจ็บปวดที่แผ่นหลัง แต่ก็ไม่คิดสนใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือการหลบหนีออกไปจากที่แห่งนี้
หัวเฟยเฟิ่งหันมองถังซวงด้วยความประหลาดใจ แน่นอนว่าเธอเห็นเข็มเงินสามเล่มนั้นชัดเจน ดูเหมือนหลานสาวของเธอจะมีฝีมือไม่เบา
ตอนนี้หัวเฟยเฟิ่งเลิกคิดเรื่องอื่น หันมามองถังซวงด้วยความคาดหวัง “ลูกของฉัน… ฉันขอ… ขอพบแม่ของเธอได้ไหม?”
แน่นอนว่าถังซวงไม่เห็นด้วย แต่หญิงสาวก็ยังมีเหตุผลอยู่บ้าง “จริง ๆ แล้ว… คุณก็แค่คิดว่าฉันหน้าตาเหมือนคนในครอบครัว แต่เราไม่มีหลักฐานแน่ชัด นี่มันจะไม่เป็นการเดาสุ่มหรือคะ?”
“ลูกของฉัน… เธอจะต้องเป็นหลานของฉันแน่นอน”
หัวเฟยเฟิ่งกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แต่ก็เห็นความเด็ดขาดในแววตาของถังซวงด้วยเช่นกัน ตอนนี้เธอค่อย ๆ สงบลงก่อนจะมองถังซวงแล้วถามต่อว่า “เด็กน้อย ฉันขอถามสักคำสองคำได้ไหม?”
“ค่ะ”
ถังซวงพยักหน้ารับ
ส่วนโม่เจ๋อหยวนรีบไปจัดการเรื่องอื่น ๆ ต่อ การต่อสู้คราวนี้มีคนบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งหมดต้องการได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด
ที่มุมหนึ่ง หัวเฟยเฟิ่งหันมองถังซวงก่อนจะถามว่า “เด็กน้อย… แม่ของเธอมีปานสีแดงที่เอวไหม?”
…………………………………………………