การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 508 แม่ลูกได้พบกัน
บทที่ 508 แม่ลูกได้พบกัน
บทที่ 508 แม่ลูกได้พบกัน
พอได้ยินคำพูดหัวเฟยเฟิ่ง ถังซวงก็มองดูอีกฝ่ายด้วยความสับสนก่อนพยักหน้ารับ “ค่ะ แม่มีปานสีแดงที่เอวจริง ๆ”
แม้จะพยายามสงบสติอารมณ์ไว้ แต่หัวเฟยเฟิ่งก็ยังหลั่งน้ำตาออกมาราวเขื่อนแตก
“จริงหรือ… ลูกสาวของฉัน ลูกสาวของฉันยังมีชีวิตอยู่…”
หัวเฟยเฟิ่งก็ร้องไห้ออกมาเสียงดังอย่างไม่คิดอดกลั้นเอาไว้ ราวกับความโศกเศร้าตลอดหลายปีถูกระบายออกหมดสิ้น แต่ตระหนักว่าถังซวงยังอยู่ตรงนี้ จึงพยายามสงบสติลงอีกครั้งก่อนจะหันมองถังซวง “สาวน้อย ยายขอไปพบกับแม่ของหนูได้ไหม? ทั้งหมดเป็นความผิดของพวกเราเองที่เธอต้องออกมาอาศัยในโลกภายนอก แต่ยาย… คิดถึงเธอ คิดถึงมาก ให้ยายมองเธอจากไกล ๆ ก็ได้”
เห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและรู้สึกผิดแรงกล้าของหัวเฟยเฟิ่งอย่างนั้น ในใจของถังซวงอ่อนยวบลงอย่างบอกไม่ถูก
“ค่ะ”
“จริงหรือ? หนูยินดีที่จะพายายไปจริงหรือ?”
หัวเฟยเฟิ่งหันมองถังซวงอย่างตกตะลึง ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เธอหันมาถามถังซวงด้วยความกังวล “ยาย… ดูแย่ไหม? หรือยายควรไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดี?”
“ดีแล้วค่ะ”
แม้หัวเฟยเฟิ่งจะเพิ่งต่อสู้กับถังคุนเฉิน แต่เธอก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่มอซออะไรเลย ไม่มีอะไรผิดปกติไปนอกจากดวงตาที่บวมแดงจากการร้องไห้
หัวเฟยเฟิ่งรีบพูดว่า “เอาละ” จากนั้นเธอหันมองถังซวงก่อนจะถามว่า “สาวน้อย แล้วหนูชื่ออะไรหรือ?” เพราะก่อนหน้านี้เธอเอาแต่ร้องไห้ราวกับเด็กน้อย จึงยังไม่ทันได้ถามชื่อของถังซวง
พอถังซวงเห็นท่าทางอ่อนโยนของหัวเฟยเฟิ่งอย่างนั้น ก็ยิ่งโศกเศร้าในใจ
“หนูชื่อถังซวงค่ะ”
“ถังซวง… ดูดีเลยนะ ปู่ของหนูก็ใช้สกุลถังเหมือนกันสินะ” หัวเฟยเฟิ่งรู้สึกว่าทุกสิ่งอย่างถูกกำหนดโดยโชคชะตาไว้แล้ว
หลังพูดคุยกันสักพัก เธอเดินไปหาโม่เจ๋อหยวน
ส่วนโม่เจ๋อหยวนเห็นถังซวงและหัวเฟยเฟิ่งเดินเข้ามา ก็รีบถาม “ซวงเอ๋อร์ เรากลับบ้านกันเลยดีไหม?”
ตอนนี้เหลิ่งตงและคนอื่น ๆ ไม่อยู่แล้ว “พวกเขาไปไหนแล้วคะ? ส่งพวกเขาไปโรงพยาบาลหรือยัง?”
“พวกเขาถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลแล้ว เหลิ่งตงกำลังดูแลทุกคนอยู่ เธอไม่ต้องห่วงนะ”
ถังซวงพยักหน้ารับ “ค่ะ” ก่อนเธอจะคว้าข้อมือของโม่เจ๋อหยวนมาตรวจสอบชีพจร แล้วก็ต้องโล่งอกหลังทราบว่าโม่เจ๋อหยวนไม่เป็นไร เธอหยิบยาออกมาอีกขวดแล้วพูดว่า “กินเข้าไปอีกสองเม็ดนะ”
โม่เจ๋อหยวนยอมกินยาสองเม็ดอย่างว่าง่าย
หัวเฟยเฟิ่งมองดูถังซวงด้วยความสงสัย ก่อนจะหันมองโม่เจ๋อหยวน ราวกับมีคำถามมากมายอยู่ในใจของเธอ เวลานี้เธออยากจะถามว่าโม่เจ๋อหยวนเป็นใคร และถังซวงมีทักษะการแพทย์ด้วยหรือ แต่เพราะไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อน อีกทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ได้พบกันอีกด้วย
จากนั้นโม่เจ๋อหยวนกล่าวทักทายหัวเฟยเฟิ่ง “สวัสดีครับ” เขารู้ว่าผู้หญิงผมขาวที่หน้าตาคล้ายกับถังซวงนี้จะต้องเป็นคุณยายของถังซวงแน่นอน เขาจึงสุภาพมาก
หัวเฟยเฟิ่งทนไม่ไหวหันมองโม่เจ๋อหยวนแล้วถามว่า “เธอเป็นใครหรือ?”
ถังซวงแนะนำอย่างเรียบง่าย “คู่หมั้นของหนูค่ะ ชื่อโม่เจ๋อหยวน”
“คู่หมั้น?”
หัวเฟยเฟิ่งมองโม่เจ๋อหยวนอย่างประหลาดใจ ก่อนจะหันมองถังซวงแล้วพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “เป็นคู่ที่เหมาะสมจริง ๆ ทั้งความสามารถและหน้าตา พวกเธอดูดีจริง ๆ แล้วยายคนนี้จะรอดื่มเหล้าฉลองในงานมงคลของพวกเธอนะ”
“ครับคุณยาย”
โม่เจ๋อหยวนถือโอกาสเรียกอีกฝ่ายว่าคุณยายทันที เพราะเขาประทับใจหัวเฟยเฟิ่งมาก หากไม่ใช่เพราะหล่อน ซวงเอ๋อร์คงจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
เห็นโม่เจ๋อหยวนเรียกตนว่าคุณยาย หัวเฟยเฟิ่งยิ่งมีความสุข อย่างไรเสียคราวนี้เธอรีบเดินทางมากจนไม่มีเวลาตระเตรียมของขวัญ ทำได้เพียงกล่าวด้วยความอับอาย “วันนี้ยายรีบมาที่นี่จึงยังไม่ได้เตรียมอะไรมาด้วย อย่างนั้นไว้รอคุณยายคนนี้แต่งตัวแต่งหน้าให้ดี ๆ และจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้พวกเธอทานนะ” ดูเหมือนว่าเธอจะมั่นใจในทักษะการทำอาหารของตัวเองมาก
“ขอบคุณครับคุณยาย”
โม่เจ๋อหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปหาถังซวง “ซวงเอ๋อร์ เรากลับบ้านกันเถอะ”
“ค่ะ”
หัวเฟยเฟิ่งเองก็กระตือรือร้นที่จะได้พบเจอลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองมาก ความกังวลและวิตกเผยออกมาอย่างปิดไม่มิด เดินติดตามถังซวงและโม่เจ๋อหยวนไปยังบ้านตระกูลจิงอย่างถ่อมตัว
เมื่อเห็นว่ามาถึงบ้านตระกูลจิงแล้ว หัวเฟยเฟิ่งกลายเป็นกังวลขึ้นมา เธอคว้ามือของถังซวงไว้โดยไม่รู้ตัวก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ถังซวง หนูคิดว่า… แม่ของหนูจะอยากเจอยายไหม?”
เห็นความกังวลของหัวเฟยเฟิ่งอย่างนั้น ถังซวงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มปลอบใจ “แน่นอนค่ะ แม่เองก็อยากรู้ต้นกำเนิดของตัวเองเหมือนกัน” แม้เฮ่อหลานจะไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ แต่ถังซวงก็รู้ดีว่าเฮ่อหลานอยากทราบว่าทำไมตัวเองถึงถูกทิ้งไว้ในหมู่บ้านเถาฮวา และพ่อแม่จริง ๆ ของเธอเป็นใคร เป็นคนแบบไหน
หัวเฟยเฟิ่งอยากเจอเฮ่อหลานมาก แต่ก็กังวลมากเช่นกัน หลังได้ยินคำพูดของถังซวงแล้ว เธอพยายามทำใจให้สงบลงอีกครั้งก่อนจะเดินตามถังซวงเข้าไปด้านใน
ทันทีที่ผ่านประตูเข้าไป มีเสียงหวานดังขึ้นมา
“พี่คะ พี่เขย พวกพี่กลับมาแล้ว”
ถังเซวี่ยวิ่งมาทักทายถังซวงด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่าใบหน้าของถังซวงและโม่เจ๋อหยวนมีบาดแผล เธออดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “พี่คะ เกิดอะไรขึ้น?” จากนั้นเธอหันมองหัวเฟยเฟิ่งที่เดินตามหลังมาด้วยแววตาใคร่รู้
เฟิงเยี่ยหานรีบถามถังซวงกับโม่เจ๋อหยวน “พวกคุณได้รับบาดเจ็บหรือ?”
ถังซวงโบกมืออย่างลวก ๆ พร้อมตอบว่า “ไม่มีอะไร เรื่องเล็กน้อยน่ะ”
หัวเฟยเฟิ่งหันมองถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหานด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะหันไปถามถังซวงว่า “พวกเขาเป็นใครหรือถังซวง?”
ถังซวงจึงแนะนำ “คนนี้คือถังเซวี่ย น้องสาวของหนูค่ะ ส่วนคนนี้คือเฟิงเยี่ยหาน คนรักของเสี่ยวเซวี่ย”
“เธอ… เธอคือหลานสาวของฉันหรือ?”
หัวเฟยเฟิ่งรีบหันมองถังเซวี่ยด้วยความตื่นเต้น และยิ่งเห็นว่าถังเซวี่ยและถังซวงหน้าตาคล้ายคลึงกันจริง ๆ แต่ว่าเหมือนกับสามีของเธอมากกว่า “เด็กน้อย หนู… ดูเหมือนคุณตาเลย เหมือนกันจริง ๆ”
“อะไรนะ…”
ถังเซวี่ยหันมองหัวเฟยเฟิ่งอย่างไม่เข้าใจ และทันใดนั้นเธอก็รู้สึกสงสัยอีกครั้ง คุณตาอะไรหรือ?
ไม่นาน ถังเซวี่ยก็นึกได้ว่าแม่ของเธอเป็นบุตรบุญธรรมของใครบางคน เธอหันมองหัวเฟยเฟิ่งด้วยความไม่เชื่อก่อนจะหันมองถังซวงแล้วถามว่า “พี่คะ นี่ใครหรือ?”
“คุณยาย”
ได้ยินอย่างนั้น ดวงตาของถังเซวี่ยก็เบิกกว้าง แม้เธอจะพอคาดเดาบางอย่างได้แล้วแต่ก็ยังตกใจเมื่อได้ยินคำตอบ
เฟิงเยี่ยหานที่อยู่ข้าง ๆ เองก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเช่นกัน
หัวเฟยเฟิ่งมองถังเซวี่ยด้วยดวงตาเปียกชื้น ก่อนจะกล่าวแผ่วเบา “เสี่ยวเซวี่ย…”
ถังเซวี่ยกลับมามีสติอีก เธอคิดจะตอบสนองแต่ว่าไม่รู้จะพูดอย่างไร
เป็นถังซวงที่พูดขึ้น “เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
ทั้งหมดจึงเดินเข้าไป
เฮ่อหลานบังเอิญอยู่ภายในห้องโถงพอดี กำลังเตรียมอาหารและเรียกพวกเขามากินข้าวในภายหลัง แต่จู่ ๆ ลูกสาวของเธอและคนอีกมากมายก็โผล่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ทำไมกลับมาพร้อมกันได้ล่ะจ๊ะ?”
ขณะถาม เฮ่อหลานสังเกตเห็นหัวเฟยเฟิ่งที่มีเส้นผมสีขาวโพลนค่อนข้างสะดุดตาไม่น้อย
แต่ก่อนเฮ่อหลานจะถาม หัวเฟยเฟิ่งพุ่งไปด้านหน้าพร้อมน้ำตาอาบแก้มสองข้างอย่างไม่สามารถอดกลั้น “ลูก… ลูกของแม่…”
…………………………………………………