การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 51 ไปกันเถอะ
บทที่ 51 ไปกันเถอะ
บทที่ 51 ไปกันเถอะ
เมื่อได้ยินเสียงจากด้านหลัง สีหน้าของถังซวงก็มืดครึ้มลงทันที
ดูเหมือนว่าอีก 2 คนที่เหลือจะรู้ตัวแล้ว
เด็กสาวคนอื่น ๆ เองก็มองไปที่เด็กคนนั้น ใบหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยความโกรธ
“เมื่อกี้เธอเป็นคนที่กินขนมปังได้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้เธอวิ่งไม่ได้เนี่ยนะ งี่เง่าจริง ๆ” หนึ่งในเด็กสาวผิวคล้ำพูดออกมา ดวงตาสดใสของเธอจ้องไปที่เด็กสาวที่ล้ม แต่ในที่สุดเธอก็ดึงอีกฝ่ายขึ้นมาแล้ววิ่งต่อไป
“ฮือ… ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ฉันแค่สะดุดก้อนหิน”
“หุบปาก”
ถังซวงตะโกนออกมาพร้อมสีหน้าหงุดหงิด
ได้ยินแล้ว คนอื่น ๆ ก็เงียบลงทันที พวกเธอได้มีโอกาสหลบหนีก็เพราะถังซวง แต่มันจบลงด้วยการที่ถูกหนึ่งในพวกเธอทำให้แผนพัง
ทั้งหมดยังวิ่งไปได้ไม่ไกล แต่คนข้างหลังก็ไล่ตามมาทันแล้ว
เด็กสาวผิวคล้ำที่มีดวงตาสดใสชื่อจางฉินมองตรงไปที่ถังซวงแล้วพูดว่า “พวกเธอสามคนวิ่งไปก่อนเลย พวกเราจะหยุดเขาเอง”
เด็กสาวที่ล้มลงเมื่อกี้ชื่อ หวังดันดัน เต็มไปด้วยแรงต่อต้าน
“ทำไมต้องอยู่ด้วย ฉันไม่อยากอยู่ หนีไปด้วยกันสิ”
“หวังดันดัน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ตอนนี้คนสองคนนั้นจะรู้ได้ไหมว่าเราหนี?”
“ฉัน…”
หวังดันดันตะลึงจนพูดไม่ออก น้ำตาไหลไม่หยุด เธอเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
“ถ้าพูดกันเก่งนักก็ควรคิดนะว่าจะหนียังไง” ถังซวงพูดเบา ๆ แต่จากความเร็วของคนพวกนั้นแล้ว สุดท้ายพวกเธอก็จะไม่สามารถหลบหนีได้
แน่นอนว่าเจ้านายและเหล่าซื่อตามทันแล้ว พวกเขาเข้ามาขวางทาง สายตาจดจ้องถังซวงอย่างโกรธเคือง
“แล้วเหล่าเอ้อร์กับเหล่าซานล่ะ? พวกเธอหนีมาได้ยังไง?”
เมื่อเห็นว่าถังซวงและคนอื่น ๆ แก้เชือกแล้ววิ่งออกมาไกลมาก ทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะถาม
แต่ถังซวงไม่ตอบคำถามนี้ เธอหันไปหาถังเซวี่ยพลางถามว่า “เสี่ยวเซวี่ย เธอกลัวไหม?”
เมื่อเห็นสายตาที่แน่วแน่ของพี่สาว ถังเซวี่ยก็ส่ายหัวแล้วตอบว่า “พี่สาว ฉันไม่กลัว”
“งั้นพาคนอื่น ๆ ไปซ่อนซะ จำไว้ว่าอย่าออกมา ไม่งั้นมันจะทำให้พี่เสียสมาธิ”
“ได้พี่สาว ฉันเข้าใจแล้ว”
ถังเซวี่ยพยักหน้าอย่างรีบร้อน จากนั้นเธอกับถังชุนหยานก็ดึงจางฉินและคนอื่น ๆ ก็ไปซ่อนหลังหินก้อนใหญ่
จางฉินโผล่หัวออกมาอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะมองไปที่ถังซวงอย่างประหม่า
“พี่สาวของเธออยู่คนเดียวจะไม่เป็นไรจริง ๆ หรือ? ถ้าสองคนนั้นจับตัวพี่สาวของเธอไป มันก็ไม่มีประโยชน์ที่เราจะซ่อนที่นี่นะ เราเองก็จะถูกพาตัวไปด้วย”
“หุบปาก”
สีหน้าของถังเซวี่ยย่ำแย่ เธอก็มองหวังดันดันอย่างขุ่นเคืองแล้วพูดว่า “อย่าถ่วงพี่ฉัน ถ้ากลัวโดนจับนัก งั้นเธอหนีต่อไปคนเดียวเลยไป”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังดันดันก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ย่อตัวลงอย่างเงียบ ๆ
ถังซวงที่อยู่ข้างหน้ามองตรงไปที่เจ้านายและเหล่าซื่อแล้วพูดว่า “ถ้ายังมีสติอยู่ก็ไสหัวไปซะ ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าฉันหยาบคาย”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวง หัวหน้าอย่างต้วนหยงก็มองเธออย่างเย็นชา จากนั้นก็หัวเราะลั่น “งั้นไอ้พวกโง่ เหล่าเอ้อร์กับเหล่าซานก็ถูกแกจัดการสินะ”
ถังซวงหัวเราะและพูดว่า “ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นเราจะหนีไปได้ยังไง”
เหล่าซื่ออ้าปากกว้างด้วยความประหลาดใจ
“นี่… เป็นไปไม่ได้หรอก”
เพราะยังไง เหล่าเอ้อร์และเหล่าซานก็เป็นชายร่างใหญ่สองคนเช่นกัน และทักษะของพวกเขาก็ไม่เลว พวกเขาจะตกไปอยู่ในมือของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าพวกเขาได้อย่างไร?
แต่นี่ก็นานมากแล้ว เหล่าเอ้อร์และเหล่าซานก็ยังไม่โผล่มาเลย เหล่าซื่อจึงค่อย ๆ เชื่อตามนั้น
ดูเหมือนว่าสิ่งที่สาวน้อยพูดจะเป็นความจริง
“เธอทำอะไรกับสองคนนั้น”
ถังซวงยิ้มและพูดว่า “ไม่มีอะไรมากก็แค่มัดไว้ นายไม่ต้องกังวลหรอก” ในขณะที่พูด เธอขยับมือตัวเองอย่างเงียบ ๆ ไปที่เอว และเลื่อนมือไปที่ใต้เสื้อผ้าของเธอ จากนั้นก็หยิบมีดปอกผลไม้ออกมาจากมิติ
“พี่ใหญ่ เดี๋ยวฉันจัดการกับนังเด็กนี่เอง”
เมื่อเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หยิ่งยโส เหล่าซื่อก็ทนไม่ได้อีก
ต้วนหยงพยักหน้า “รีบจับนังนี่เร็วเข้าเถอะ พวกที่เหลือมันจะได้หนีเราไม่รอด”
เหล่าซื่อพยักหน้าตอบรับ “ได้ พี่ใหญ่ ฉันไม่เหมือนไอ้โง่สองคนอย่างเหล่าเอ้อร์กับเหล่าซานหรอก อืม… สงสัยว่าเหล่าซานคงหื่นกามอีกแล้ว เขาเลยตกอยู่ในมือของเด็กสาวคนนี้ แต่ฉันแตกต่าง ฉันจะไม่พลาดแบบเขาแน่”
พูดจบ เหล่าซื่อก็พุ่งไปข้างหน้า
แต่ถังซวงก็พุ่งเข้าหาเขาเช่นกัน
เมื่อเห็นแบบนี้ เหล่าซื่อก็เย้ยหยัน “สาวน้อย เธอคิดว่าจะสู้ฉันได้จริง ๆ หรือ? ไม่แม้แต่จะมอง…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็รู้สึกเย็น ๆ ที่ท้อง และเมื่อเขามองลงไป เขาก็พบว่ามีเลือดไหลออกมาจากท้องของเขา
“อ๊ากก…”
เหล่าซื่อกรีดร้องด้วยความงุนงง เขารีบเอามือปิดท้อง ไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวว่าบาดแผลจะกว้างขึ้นและเลือดออกมากกว่านี้
แต่ถังซวงยังไม่หยุด เธอถือมีดที่เปื้อนเลือดตรงไปหาเจ้านายอย่างต้วนหยงต่อ
เมื่อต้วนหยงเห็นดวงตาที่เย็นชาของถังซวง รูม่านตาของเขาก็หดลง
ตอนที่เด็กสาวเพิ่งแทงใครสักคนไป เธอไม่แม้แต่จะลังเลเลยราวกับว่าเธอแทงไก่เท่านั้น ดูเหมือนว่าคราวนี้พวกเขาจะพลาดที่ดันจับเด็กคนนี้มา
แต่ในไม่ช้าเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว
เขาต้องการเห็นว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้มีจะเก่งสักแค่ไหน เหล่าซื่อเพิ่งถูกแทงเพราะเธอ เหล่าซื่อประเมินศัตรูต่ำเกินไป แต่เขาจะไม่ทำแบบนั้น
ครั้งนี้ถังซวงแทงต้วนหยงไม่สำเร็จ เธอจึงต้องต่อสู้กับต้วนหยงต่อ
เดิมทีต้วนหยงคิดว่าเขาระวังตัวและจะสามารถควบคุมผู้หญิงคนนี้ได้ในไม่ช้า แต่เขาไม่คาดคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะคล่องแคล่วขนาดนี้ อีกทั้งทุกการเคลื่อนไหวของเธอล้วนรุนแรง
ในขณะนี้ ต้วนหยงตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าเขาประเมินเด็กสาวที่อยู่ข้างหน้าเขาต่ำเกินไป
ดูเหมือนว่าเด็กสาวคนนี้ค่อนข้างคล้ายกับพวกเขา การโจมตีของเธอนั้นไร้ความปรานีและเด็ดขาด เธอจะลงมือให้ถึงตาย ไม่สนใจว่าตัวเองจะตายหรือไม่
สาวน้อยคนนี้น่าสนใจจริง ๆ
ในขณะนี้ ต้วนหยงก็สังเกตเห็นว่าเธอก้าวถอยหลัง ดังนั้นทั้งสองคนจึงแยกออกจากกันทันที
ถังซวงเอาบางอย่างออกมาจากพื้นที่มิติอย่างเงียบ ๆ อีกครั้งและโยนมันไปที่ต้วนหยงตรง ๆ
ตู้มม!
เสียงระเบิดดังขึ้น ต้วนหยงถูกระเบิดจนกระเด็น และในที่สุดก็ล้มลงกับพื้นอย่างแรง
ถังซวงไม่ได้มองต้วนหยงที่นอนตายอยู่บนพื้น เธอหันหลังกลับ เดินไปหาถังเซวี่ยและคนอื่น ๆ แทน
ที่จริงเธอไม่ต้องการใช้ระเบิดดินเลย แม้จะเป็นแบบธรรมดาที่ประกอบจากประทัดก็ตาม เพราะมันก็ค่อนข้างรุนแรงหากต้องหาคำอธิบาย
เธอหูตาไว เมื่อได้ยินเสียงรถอีกคันที่ใกล้เข้ามาทางนี้ก็ไม่รีรออะไรอีก
“เสี่ยวเซวี่ย ไปกันเถอะ”