การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 511 เรื่องราวในอดีต
บทที่ 511 เรื่องราวในอดีต
บทที่ 511 เรื่องราวในอดีต
ท่าทีของจิงเจ้อหรงเปลี่ยนไปทันทีหลังได้ยินเรื่องราวจากถังซวง
“ซวงเอ๋อร์ เจ๋อหยวน เธอสองคนเป็นยังไงบ้าง?” แม้จะรู้ก่อนหน้าแล้วว่าถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่วเป็นตัวปัญหา และจ้องจะเล่นงานถังซวง แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องในวันนี้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะหัวเฟยเฟิ่งเข้าช่วยเหลือ ไม่รู้เลยว่าลูกสาวของเขาจะเป็นอย่างไร
ส่วนถังซวงเมื่อเห็นความกังวลของจิงเจ้อหรงแล้ว ก็ส่ายศีรษะก่อนจะพูดต่อว่า “พ่อไม่ต้องกังวลนะคะ หนูสบายดีค่ะ”
โม่เจ๋อหยวนเองก็รีบพูดเช่นกัน “ลุงจิงครับ พวกเราไม่เป็นไร แต่ว่าเหลิ่งตงกับคนอื่นได้รับบาดเจ็บ ถูกส่งไปโรงพยาบาลแล้ว ผมจะส่งคนไปถามอาการพวกเขาทีหลัง”
จิงเจ้อหรงถอนหายใจหลังได้ยินอย่างนั้น
“พวกเธอปลอดภัยก็ดีแล้ว”
ในตอนแรกเฮ่อหลานตกใจมาก แต่เมื่อเข้าใจเรื่องราวแล้วเธอรีบหันไปมองถังซวง “ซวงเอ๋อร์ คนจากตระกูลถังได้พบลูกแล้วหรือ?”
เวลานี้ถังซวงรู้แล้วว่าเธอไม่สามารถซ่อนเรื่องราวต่าง ๆ ได้อีกต่อไป ไม่สามารถหลบเลี่ยงเฮ่อหลานได้ด้วย “ค่ะ หลานสาวของถังคุนเฉินเป็นเพื่อนร่วมชั้นของหนู ก่อนหน้านี้มีคนมาหาพวกเขา และคนคนนั้นเห็นว่าหนูดูคุ้น ๆ พวกเธอเลยเอาเรื่องของหนูไปบอกถังคุนเฉิน”
“ซวงเอ๋อร์ ลูกก็รู้ว่าเพื่อนร่วมชั้นของลูกไม่ใช่คนธรรมดา ลูกก็ควรจะเตรียมตั้งรับให้ดี”
“ค่ะแม่ หนูเตรียมตัวแล้ว”
หลังได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “ลูกปิดบังแม่ตลอดเลยไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร ที่จริงแล้วแม่ไม่ได้อ่อนแอหรือใจเสาะอย่างที่ลูกคิด ต่อให้แม่จะช่วยอะไรไม่ได้ แต่แม่ก็อยากจะรู้เรื่องของลูกบ้าง”
ถังซวงได้ยินอย่างนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก เฮ่อหลานดูเสียใจมาก และเธอก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่ทำลงไปไม่ถูกต้อง แม่ของเธอมีสิทธิ์จะรู้เรื่องราวทั้งหมด แต่เพราะทุกคนเป็นห่วงสภาพจิตใจของเฮ่อหลานจึงไม่มีใครกล้าพูดอะไร ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เฮ่อหลานต้องการ
“แม่คะ คราวหน้าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีก หนูจะบอกแม่แน่นอน”
จิงเจ้อหรงเองก็รีบปลอบโยนเฮ่อหลาน “อาหลาน ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง หลังจากนี้เราทุกคนจะพูดคุยกันให้มากขึ้นนะครับ”
เฮ่อหลานที่ยังเสียใจ หลังได้ยินถังซวงและจิงเจ้อหรงพูด เธอมองพวกเขาก่อนจะถามว่า “ครั้งต่อไปงั้นหรือ? พวกคุณยังคิดว่ามันจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกหรือ? หึ มันสมควรไหม… ที่จะยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก?”
“ครับครับ ไม่มีครั้งต่อไปแล้ว”
จิงเจ้อหรงยอมเฮ่อหลานทุกถ้อยคำไม่โต้แย้ง
ถังซวงเองก็รีบกล่าวปลอบโยนและยืนยันด้วยเช่นกัน พอเห็นเฮ่อหลานอารมณ์ดีขึ้น เธอก็รีบเปลี่ยนเรื่อง “แม่คะ คุณยายคงจะหิวแล้ว เราไปกินข้าวกันก่อนเถอะค่ะ แล้วค่อยคุยกันต่อหลังทานอาหารเสร็จ”
“อื้ม”
ตอนนี้หัวเฟยเฟิ่งกำลังพูดคุยกับคุณนายจิงอยู่ เธอลอบถามเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งยังได้รู้ว่าบิดาที่ให้กำเนิดถังซวงกับถังเซวี่ยไม่ใช่จิงเจ้อหรง เธออยากจะถามถึงเหตุผลแต่กลับไม่กล้าเอ่ยปาก เฮ่อหลานจึงเรียกเธอให้มาร่วมทานอาหาร เมื่อได้ยินแล้วเธอยกยิ้มสดใสก่อนจะเดินตามไป
“คุณแม่ยาย คืนนี้เรามาดื่มและฉลองให้กับการพบเจอลูกสาวของคุณดีกว่าค่ะ อีกอย่างอาหลานก็ได้พบเจอกับมารดาผู้ให้กำเนิดแล้วด้วย”
หัวเฟยเฟิ่งได้ยินอย่างนั้นจึงหัวเราะออกมาแล้วตอบกลับว่า “ใช่ ด้วยความยินดีค่ะ”
ครอบครัวของจิงไค่หรงและจิงซิวหรงกลับมา พวกเขาเห็นมารดาผู้ให้กำเนิดเฮ่อหลานอยู่ที่นี่ด้วย แม้จะอยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยปากถามให้เสียมารยาท อีกทั้งอวี๋มินและเมิ่งผิงต่างช่วยกันต้อนรับเธอเป็นอย่างดี
จูรุ่ยกลับมาพร้อมกับถังชุนหยาน วันนี้ทั้งสองออกไปเดินเล่นในเมืองหลวง ซึ่งทั้งคู่งุนงงมากที่สุด ครอบครัวของเฮ่อหลานไม่ใช่ครอบครัวของตระกูลเฮ่อในเมืองก่างเฉิงงั้นหรือ? แล้วมารดาผู้ให้กำเนิดมาที่นี่ได้อย่างไร? แต่เพราะไม่มีใครเอ่ยปาก เธอจึงขยับไปใกล้ถังเซวี่ยก่อนจะกระซิบถามแผ่วเบา “เสี่ยวเซวี่ย นั่นคุณยายของเธอจริงหรือ?”
ถังชุนหยานหันมองถังเซวี่ยด้วยความอยากรู้เช่นเดียวกัน แม้จะรู้ว่าเฮ่อหลานเป็นบุตรบุญธรรม แต่เธอก็ไม่คิดว่าแม่ผู้ให้กำเนิดจะมาเคาะประตูในวันนี้ เพราะทุกคนต่างคิดว่าเฮ่อหลานถูกครอบครัวทอดทิ้งเพราะเธอเป็นเด็กผู้หญิง
“คงจะเป็นอย่างนั้น แต่พรุ่งนี้ฉันจะต้องพาแม่ไปตรวจเลือด”
“แต่ว่า… คุณลุงเฮ่อ…”
จูรุ่ยยังคงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ถังเซวี่ยตอบออกไปอย่างไม่ปิดบัง “แม่ของฉันเป็นลูกบุญธรรมของพวกเขา”
ได้ยินอย่างนั้น จูรุ่ยยิ่งรู้สึกละอายใจ “ฉันขอโทษด้วยนะ ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่ความลับอะไร”
เมื่อเห็นถังเซวี่ยไม่ถือสา จูรุ่ยก็โล่งใจมาก ช่วงนี้ถังซวงกับถังเซวี่ยไม่มีเวลาว่างให้กับเธอนัก แต่เธอก็ยังไปเที่ยวเล่นกับถังชุนหยานได้ทุกวัน และเมื่อถังซวงกับถังเซวี่ยว่าง พวกเขาก็จะออกไปเดินเล่นกับเธอ ด้วยเหตุผลนี้ยิ่งทำให้จูรุ่ยรู้สึกประทับใจในตัวถังซวงและอีกทั้งสองคนมาก
หลังจากถังเซวี่ยพูดจบ เธอดึงถังชุนหยานและจูรุ่ยให้นั่งลง
คุณนายจิงที่มีความสุขเพราะได้พบเจอญาติ เธอจึงเชิญชวนให้หัวเฟยเฟิ่งทานเยอะ ๆ
“คุณแม่ยาย ทานให้มาก ๆ นะคะ”
หัวเฟยเฟิ่งยิ้มและพูดคุยกับคุณนายจิงอย่างสนุกสนาน นี่ถือเป็นงานฉลองของเจ้าบ้านและแขกอย่างสมบูรณ์
หลังรับประทานอาหารแล้ว เฮ่อหลาน ถังซวง และถังเซวี่ยพาหัวเฟยเฟิ่งไปพบเด็กแฝดที่ลานบ้านของเฮ่อหลาน ส่วนจิงเจ้อหรงไปห้องทำงานกับโม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหาน
เมื่อหัวเฟยเฟิ่งเห็นฟักขาวน้อยกับฟักทองน้อย หัวใจของเธอราวกับละลายอย่างช่วยไม่ได้
“อาหลาน นี่… ลูกให้กำเนิดลูกแฝดเชียวหรือ? น่ารักมาก แม่… ขออุ้มพวกเขาได้ไหม?”
“ได้สิคะ”
เฮ่อหลานตอบกลับด้วยรอยยิ้มก่อนจะอุ้มฟักทองน้อยใส่อ้อมแขนของหัวเฟยเฟิ่ง
ร่างกายของหัวเฟยเฟิ่งกลายเป็นแข็งทื่อ แม้จะไม่กล้าขยับตัวแต่ก็คว้าเด็กไว้มั่นคง
เวลานี้ฟักขาวน้อยกับฟักทองน้อยตื่นแล้ว ฟักทองน้อยเปิดเปลือกตากลมโตจ้องมองหัวเฟยเฟิ่งราวกับต้องการจดจำหญิงชราตรงหน้าเอาไว้ในใจ
ทำให้ดวงตาของหัวเฟยเฟิ่งกลายเป็นแดงก่ำออกมาอีกครั้งหลังได้พบเจอแววตาไร้เดียงสาของเด็กน้อย เธอไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้พบลูกสาวตัวเอง แล้วยังอุ้มหลานชายไว้ในอ้อมแขนแบบนี้ ความทุกข์ทรมานที่เธอต้องอดทนมาตลอดหลายปีนี้คุ้มค่าเหลือเกิน
หลังจากกอดฟักทองน้อยแล้ว หัวเฟยเฟิ่งก็กอดฟักขาวน้อยด้วย เธออยู่กับเด็กน้อยทั้งสองสักครู่ก่อนจะเห็นว่าพวกเขาเริ่มหาว จึงเตรียมตัวกลับห้องพักของตัวเอง
“เดี๋ยวฉันไปส่งนะคะ”
ได้ยินเฮ่อหลานพูดอย่างนั้น หัวเฟยเฟิ่งยิ้มกว้างก่อนโบกมือ “อาหลานอยู่กับลูกเถอะ เดี๋ยวซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยไปส่งแม่เอง” หลังจากนั้นเธอกวักมือเรียกถังซวงและถังเซวี่ย
เห็นหัวเฟยเฟิ่งรีบจากไป เฮ่อหลานยกยิ้มพร้อมส่ายศีรษะน้อย ๆ อย่างมีความสุข ดวงตาของเธอแดงรื้นขึ้นมา เธอไม่ได้ถูกพ่อกับแม่ทอดทิ้ง แต่ถูกลักพาตัวไปจากบุคคลที่มุ่งร้ายต่อครอบครัว และดูเหมือนพ่อกับแม่จะแตกต่างจากที่เธอคาดหวังไว้ก่อนหน้านี้มากด้วย
อีกด้าน ถังซวงและถังเซวี่ยเดินตามหัวเฟยเฟิ่งไปที่ห้องพัก
ขณะทั้งสองกำลังจะกลับออกไป หัวเฟยเฟิ่งหยุดพวกถังซวงเอาไว้ก่อน “ซวงเอ๋อร์ ยายขอคุยกับหลานได้ไหม?”
…………………………………………………