การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 515 กลับตระกูลถัง
บทที่ 515 กลับตระกูลถัง
บทที่ 515 กลับตระกูลถัง
หัวเฟยเฟิ่งวางแผนไว้ในใจเรียบร้อยก่อนที่จะเรียกถังคุนหาวมาที่นี่ ก็เพื่อปกป้องลูกสาวและคนอื่น ๆ ให้รัดกุมยิ่งขึ้น เวลานี้เธอจึงพูดความคิดของตัวเองออกไป
“ถังคุนหาว ระดมคนของคุณมาปกป้องอาหลานและทุกคนหลังจากกลับตระกูลถังซะ ให้ถังเจี่ยและคนอื่น ๆ มาปกป้องอาหลานด้วย”
ถังคุนหาวอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
“ถังเจี่ยกับคนอื่น ๆ?”
ดังที่ทราบ ถังเจี่ย ถังอี้ และพี่น้องอีกสิบคนล้วนแต่เป็นผู้คุ้มกันลับที่เก่งกาจที่สุดของตระกูลถัง เพราะเขาคือบุตรชายคนโตของตระกูลถังคุณปู่ถังจึงมอบคนเหล่านี้ให้กับอีกฝ่าย ซึ่งตนไม่คาดคิดมาก่อนว่าภรรยาจะอยากเรียกใช้พวกเขาในวันนี้
เมื่อเห็นถังคุนหาวไม่ตอบรับ หัวเฟยเฟิ่งจึงเหลือบมองเขาพร้อมถามเสียงเข้ม “ทำไม… ไม่เห็นด้วยหรือ?”
ถังคุนหาวส่ายศีรษะ “ไม่ ผมเห็นด้วย”
แม้เขาจะรู้สึกว่าถังคุนเฉินคงไม่ทำร้ายใคร แต่เพราะภรรยาและลูกของเขาพูดเป็นเสียงเดียวกัน เขาจึงต้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างรอบคอบ และก่อนอื่นต้องรับรองความปลอดภัยของลูกสาวและคนอื่น ๆ ในช่วงนี้ให้ดีที่สุด
“ก็เท่านั้นแหละ”
หัวเฟยเฟิ่งเหลือบมองถังคุนหาว และไม่สนใจอีกฝ่ายอีกเลย นับตั้งแต่ที่เธอนึกสงสัยถังคุนเฉิน สามีกลับไม่เห็นด้วยและคิดว่าน้องชายของเขาดีเลิศ นั่นทำให้ระยะห่างของทั้งสองมากขึ้นเรื่อย ๆ
หัวเฟยเฟิ่งหันมาพูดคุยกับเฮ่อหลาน ถังซวง และคนอื่น ๆ เกี่ยวกับการกลับสู่ตระกูลถัง และหันไปมองถังคุนหาวก่อนจะพูดต่อว่า “นอกจากถังเจี่ย คุณก็ยังมีคนมากมายรอบตัวนิ เรียกพวกเขามาปกป้องอาหลานด้วย”
“ผมเข้าใจแล้ว”
หลังจากพูดคุยเรื่องนี้แล้ว ผู้อาวุโสจิงทั้งสองเดินเข้ามา ต้องการเข้ามาทักทาย แต่เมื่อรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็รีบกล่าวเข้าเรื่องในทันที
“คุณแม่ยาย พวกเราได้ยินว่าพ่อของอาหลานมาที่นี่ เราเลยแวะมาทำความรู้จักกับเขาน่ะค่ะ”
คุณนายจิงเดินเข้าหาหัวเฟยเฟิ่งด้วยรอยยิ้มก่อนจะมองถังคุนหาวด้วยความสงสัย ก่อนจะถามว่า “คุณพี่ นี่ใครหรือคะ?” เธอมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าชายหนุ่มรูปหล่อตรงหน้าคือคนแปลกหน้า เป็นไปได้หรือไม่ว่า… เขาคือพ่อของเฮ่อหลาน? แต่ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะอายุไม่ห่างจากลูกชายคนเล็กของเธอมากเท่าไหร่เลยนะ
หัวเฟยเฟิ่งจึงกล่าวแนะนำ “เขาคือพ่อผู้ให้กำเนิดอาหลาน ชื่อถังคุนหาวค่ะ”
หัวเฟยเฟิ่งค่อนข้างประทับใจตระกูลจิงมาก ทุกคนล้วนแต่อบอุ่นและใจดีกับอาหลาน ดังนั้นเธอจึงอ่อนโยนต่อพวกเขาเช่นกัน
แต่คุณนายจิงไม่คิดว่าตนจะคาดเดาถูก
“สวัสดีค่ะ คุณพ่อตา”
แม้เธอจะคิดว่าถังคุนหาวดูเด็กเกินไป แต่คุณนายจิงก็ยังทักทายอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท
ส่วนผู้เฒ่าจิงที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นว่า “สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับนะครับ”
“สวัสดีครับ”
ถังคุนหาวทักทายผู้เฒ่าจิงและคุณนายจิงอย่างสุภาพ ส่วนตัวแล้วเขาไม่รู้จะพูดคุยอะไร นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับลูกสาว และวันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอกับครอบครัวของลูกสาว เขาไม่คุ้นเคยกับผู้คนกลุ่มนี้เลย
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คุณนายจิงดึงถังคุนหาวมาพูดคุยด้วย
“คุณพ่อตา ฉันขอถามหน่อยเถอะค่ะ คุณอายุเท่าไหร่หรือคะ หน้าตาของคุณดูรุ่นราวคราวเดียวกับอาเจ้อเลย ถ้าไม่บอก ฉันคงไม่รู้ว่าคุณคือพ่อของอาหลาน เพราะคุณดูเด็กมากจริง ๆ”
ความจริงแล้ว หัวเฟยเฟิ่งเองก็ดูเด็กมากเช่นกัน แต่เพราะเส้นผมของเธอกลายเป็นสีขาวและโดดเด่น คนอื่นจึงสังเกตเห็นเส้นผมของเธอก่อน จึงไม่มีใครสนใจอายุของเธอ ส่วนถังคุนหาวนั้นเพียงได้เจอแวบแรก ไม่ว่าใครก็คิดว่าเขาอายุเพียงสามสิบต้น ๆ เท่านั้น
พอได้ยินที่คุณนายจิงพูด จิงเจ้อหรง เฮ่อหลาน ถังซวง และคนอื่น ๆ ก็หันมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นด้วยเหมือนกัน
ถังคุนหาวไม่คิดว่าหญิงชราจะกล้าถามคำถามนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ตอบออกมาอย่างเรียบง่าย “ผมอายุห้าสิบเก้าแล้วครับ”
“โอ้… อายุห้าสิบเก้าจริงหรือคะ”
คุณนายจิงประหลาดใจอย่างไม่ปิดบัง แต่เมื่อพิจารณาจากอายุของเฮ่อหลาน เธอรู้สึกว่ามันก็คงไม่แปลก
จิงเจ้อหรงมองพ่อตาของเขาอย่างสงบ จ้องมองใบหน้าอ่อนเยาว์และหล่อเหลาของอีกฝ่าย เขาคิดว่าหากสนิทสนมกันมากขึ้นเขาจะขอคำแนะนำในการดูแลตัวเองจากอีกฝ่าย
หลังจากนั้น หลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นก็เข้ามา พวกเขาเคยพบกับหัวเฟยเฟิ่งมาก่อน ตอนนี้พวกเขาได้ยินข่าวว่าพ่อของเฮ่อหลานมาที่นี่ ทั้งสองก็อยากพบจึงแวะมาเยี่ยมเยียน
หลังจากที่ถังคุนหาวรู้ว่าซูเหนียนอวิ๋นเป็นอาจารย์ของเฮ่อหลาน ท่าทางของเขาที่มีต่อหญิงชราก็ยิ่งสุภาพมากขึ้น
หลี่จงอี้มองถังคุนหาวและหัวเฟยเฟิ่งตรงหน้าก่อนจะลอบสะเทือนใจเบา ๆ เขาไม่คิดมาก่อนว่าวันหนึ่งเฮ่อหลานจะพบเจอพ่อแม่ในสายเลือดได้ และพ่อแม่ในสายเลือดของเธอกลับกลายเป็นผู้มีอิทธิพลเสียด้วย แต่ยังไงนี่ก็เป็นเรื่องราวดี ๆ ที่ได้พบเจอกับญาติของตัวเอง เขาพูดคุยกับถังคุนหาวอย่างอารมณ์ดีตลอดการสนทนา
หลังจากนั้น ครอบครัวของจิงไค่หรงและครอบครัวของจิงซิวหรงก็กลับมา พวกเขาทักทายถังคุนหาว ทุกคนเผยความประหลาดใจเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายหล่อเหลาและดูอ่อนเยาว์มาก
อวี๋มินถึงกับกระซิบกับเมิ่งผิงว่า “ฉันว่าเราควรหาโอกาสถามพ่อแม่ของเฮ่อหลานสักหน่อยว่าพวกเขาดูแลตัวเองยังไง ดูรูปร่างหน้าตาของพวกเขาสิ ถ้าบอกว่าทุกคนคือพี่น้องของอาหลาน ฉันก็เชื่อนะ”
“ใช่ ไว้เราค่อยถามเรื่องนี้ตอนทานมื้อเย็นดีกว่า”
เมื่อถึงเวลาทานอาหาร ทุกคนในครอบครัวร่วมโต๊ะกันอย่างอบอุ่น บรรยากาศเต็มไปด้วยชีวิตชีวา หลังจากนั้นเฮ่อหลานพาถังคุนหาวและหัวเฟยเฟิ่งไปที่ห้องรับรองแขก
“อาหลาน กลับไปพักผ่อนเถอะจ้ะ ยังไงเธอก็ต้องดูแลฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยด้วย ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก”
เฮ่อหลานนึกถึงเด็กทั้งสอง และต้องกลับไปให้นมพวกเขาแล้ว
“แม่คะ พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ”
“จ้ะ”
หลังจากเฮ่อหลานจากไปแล้ว หัวเฟยเฟิ่งเดินเข้ามาภายในห้อง และถังคุนหาวติดตามเธอเข้ามาทีหลัง
“สามีของอาหลานแซ่จิง แต่… ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยใช้สกุลถัง ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ?” คราวแรกเขาคิดว่าสองพี่น้องใช้สกุลของแม่ แต่ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าสกุลของอาหลานคือเฮ่อ จึงทำให้สับสน
ได้ยินคำพูดถังคุนหาวอย่างนั้น หัวเฟยเฟิ่งจึงเย้ยหยันอีกครั้ง “คุณก็รู้จักสังเกตเหมือนกันหรือ? เพราะซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยไม่ใช่ลูกของจิงเจ้อหรงไงล่ะ” ขณะพูดกล่าวเรื่องนี้ เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเฮ่อหลานตั้งแต่เด็กจนโต และเรื่องหลังแต่งงานกับตระกูลถัง
เมื่อกล่าวถึงอดีตของเฮ่อหลานอีกครั้ง หัวเฟยเฟิ่งยังคงไม่สามารถระงับความโกรธของตัวเองได้ เธอหันมองถังคุนหาวด้วยแววตาซับซ้อนและเจ็บปวด “ถ้าไม่ใช่เพราะคนพวกนั้น ถังคุนเฉินกับหลานอี้ไป๋! อาหลานของฉันคงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานตั้งแต่เด็ก เป็นพวกเขาที่ทำให้เราสองคนแม่ลูกต้องพรากจากกัน ฉันจะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปแน่”
“คุณ…”
เดิมทีถังคุนหาวบอกว่าเรื่องนี้จะต้องตรวจสอบให้ละเอียด แต่เมื่อเห็นความเกลียดชังและเจ็บปวดของหัวเฟยเฟิ่ง เขาไม่พูดอะไรต่อ ขณะเดียวกันเขาเองก็เจ็บปวดที่ได้ยินเรื่องราวในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเฮ่อหลาน
“อาหลาน… ต้องพบเจอกับความยากลำบากมากมาย”
เวลานี้หัวเฟยเฟิ่งสงบสติอารมณ์ และไม่คิดจะมองถังคุนหาว เธอหันหลังก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอน “ฉันจะพักผ่อน คุณก็ไปพักซะ”
“เฟยเฟิ่ง…”
ถังคุนหาวร้องเรียก แต่หัวเฟยเฟิ่งเพิกเฉยต่อเขาไปเสียแล้ว
เมื่อเห็นแผ่นหลังของภรรยาเดินจากไป ถังคุนหาวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เพราะลูกสาวหายตัวไป ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงยิ่งห่างเหิน แต่คราวนี้ได้พบลูกสาวอีกครั้ง เขาคงสามารถแก้ไขความสัมพันธ์ให้กลับมาดีเช่นเดิมได้ใช่ไหม…
เพียงแต่ว่าท่าทีของหัวเฟยเฟิ่งที่มีต่อถังคุนหาวมักจะเย็นชาอยู่เสมอ จนกระทั่งถึงวันที่จะออกจากเมืองหลวงกลับคืนสู่ตระกูลถัง หัวเฟยเฟิ่งหันกลับมาพูดคุยกับถังคุนหาว
“จำสิ่งที่คุณสัญญาไว้ก่อนหน้านี้ให้ดี ต้องปกป้องอาหลานและทุกคนให้ดีที่สุด”
“ผมเข้าใจแล้ว”
ถังคุนหาวพยักหน้าอย่างหนักแน่น
หลังจากเฮ่อหลาน จิงเจ้อหรง และคนอื่น ๆ กล่าวลากับผู้เฒ่าจิงและคุณนายจิง พวกเขาติดตามทั้งสองกลับไปยังตระกูลถัง
คราวนี้ผู้ที่เดินทางไปด้วยมีเฮ่อหลาน จิงเจ้อหรง ถังซวง โม่เจ๋อหยวน ถังเซวี่ย และเฟิงเยี่ยหาน ส่วนฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยจะอยู่ในเมืองหลวงให้อาวุโสตระกูลจิงดูแล เพราะทั้งสองยังเด็กเกินกว่าจะเดินทางไกล เฮ่อหลานจึงค่อนข้างเป็นห่วงและไม่อยากให้ไปที่นั่น
เหลิ่งตงและคนอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่ปกป้องถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนอย่างลับ ๆ ก็ติดตามมาด้วย แม้บางคนได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เมื่อกินยาที่ถังซวงมอบให้แล้ว พวกเขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเคลื่อนไหวในความมืดได้อย่างอิสระอีกครั้ง
สำหรับผู้เฒ่าจิง เขาเองก็ยังส่งคนของตัวเองติดตามถังซวงและคนอื่น ๆ ด้วย
ทั้งกลุ่มมุ่งหน้าสู่ตระกูลถังอย่างพร้อมเพรียง