การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 520 สั่งสอน
บทที่ 520 สั่งสอน
ถังซวงเอาแต่คิดถึงตำรับยาเล่มนั้น หลังจบมื้ออาหารแล้ว เธอรีบไปหาผู้เฒ่าตระกูลทันที
ผู้เฒ่าตระกูลเห็นถังซวงมาหา เขาก็ยกยิ้มกว้าง “ดูเหมือนว่าเธอจะสนใจตำรับยาประจำตระกูลจริง ๆ นะ อย่างนั้นเอากลับไปอ่านเถอะ แล้วหลังอ่านจบส่งคืนให้กับฉันด้วยนะ แม้บันทึกนี้จะไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร แต่มันก็เป็นสิ่งสำคัญที่สืบทอดกันมานับตั้งแต่บรรพบุรุษ”
ถังซวงยกยิ้มก่อนจะพูดต่อว่า “ท่านผู้เฒ่าตระกูลไม่ต้องกังวลนะคะ หลังจากอ่านจบฉันจะรีบเอามาคืนทันทีค่ะ”
“อื้ม รีบกลับไปได้แล้ว คุณยังไม่ได้พักผ่อนเลยตั้งแต่มาถึงที่นี่”
ได้ยินแล้วถังซวงโบกมือลา “งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะท่านผู้เฒ่าตระกูล”
เมื่อถังซวงมาถึงหน้าประตู เธอก็เห็นว่าโม่เจ๋อหยวนยืนรออยู่ “ซวงเอ๋อร์ กลับกันเถอะ คุณยายจัดการให้คนอื่น ๆ เก็บข้าวของให้เราแล้ว”
“ค่ะ ไปกันเถอะ”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนจะออกไปไหน ทั้งคู่กลับพบเหวินเจ๋อหลิ่วและชายวัยกลางคนร่างใหญ่สองคน
“ถังซวง หยุด”
เหวินเจ๋อหลิ่วเรียกถังซวงให้หยุดฝีเท้า ตอนนี้ถังซวงหันกลับมามองด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม “อะไร? ก่อนหน้านี้ยังไม่พออีกหรือ? ดูเหมือนว่าเธออยากจะให้ฉันไปส่งเธอที่หน้าประตูบ้านด้วยตัวเองสินะ”
ได้ยินอย่างนั้น เหวินเจ๋อหลิ่วเย้ยหยัน “ดูเหมือนเธอจะคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งจริง ๆ นะ”
ก่อนหน้านี้ ทั้งเหวินเจ๋อหลิ่วและถังอวี้สือล้มเหลวในการจัดการกับถังซวง เพราะอีกฝ่ายมีคนมากกว่า และพวกเขายังไม่เคยต่อสู้กับถังซวงเลย ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีประสบการณ์มากนัก แต่สุดท้ายแล้วเหวินเจ๋อหลิ่วก็ได้เห็นถังซวงต่อสู้กับถังคุนเฉิน จึงพอจะรู้ว่าทักษะของถังซวงไม่ธรรมดาเลย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย เธอจึงเรียกคนมาช่วยเหลือ วันนี้เธอไม่ได้ต้องการอะไรมาก แค่อยากจะสั่งสอนให้ถังซวงรู้ว่าตัวเธอเองก็ไม่อ่อนแอ
แววตาของถังซวงยิ่งเย็นชาเมื่อเห็นท่าทีก้าวร้าวของเหวินเจ๋อหลิ่ว
โม่เจ๋อหยวนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เข้ามาตระกูลถัง เหวินเจ๋อหลิ่วจะสร้างปัญหาทันที เขายืนขวางหน้าถังซวงก่อนจะพูดขึ้นว่า “ซวงเอ๋อร์ ให้ฉันจัดการเถอะ”
ถังซวงส่ายศีรษะก่อนจะบอกให้โม่เจ๋อหยวนหลีกออกไป
“อาหยวน ฉันจะจัดการเอง ในเมื่อพวกเขาคิดมาหาเรื่องฉัน ฉันเลยต้องแก้ไขเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
เมื่อเห็นความเด็ดขาดในแววตาของถังซวงแล้ว โม่เจ๋อหยวนจึงยอมก้าวออกไป เขารู้ว่ามันจะดีกว่าหากถังซวงจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และด้วยวิธีนี้จะทำให้ถังซวงมีที่ยืนในตระกูลถังได้ ตอนนี้มีคนมากมายอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในตอนนี้มีผู้อื่นมองเห็นแน่นอน
โม่เจ๋อหยวนคาดเดาว่าคนจากตระกูลถังเหล่านี้อาจจะกำลังอยากรู้ว่าถังซวงจะแก้ปัญหาตรงหน้าอย่างไร
หลังจากโม่เจ๋อหยวนก้าวออกไปแล้ว ถังซวงตัดสินใจลงมือทันที เธอไม่คิดพูดจาเวิ่นเว้อกับเหวินเจ๋อหลิ่ว ตรงเข้าหาทันที
เหวินเจ๋อหลิ่วเห็นแล้วจึงรีบตะโกน “จัดการกับเธอซะ อย่าประมาทล่ะ”
แม้ว่าชายวัยกลางคนจะรู้ตัวตนของถังซวงแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้สนใจเธอนัก ถังอวี้สือเติบโตในตระกูลถัง ส่วนแม่ของถังซวงหายไปนานแล้ว แน่นอนว่าพวกเขารู้ดีว่าควรให้ความสำคัญกับใครมากกว่า ทั้งสองจึงลงมือโจมตีถังซวงอย่างไม่คิดยั้งมือ
ภายในตระกูลถัง ความแข็งแกร่งคือตัวกำหนดทุกสิ่ง
ถังซวงไม่สนใจว่าพวกเขาเหล่านั้นคิดอะไรอยู่ ในหัวของเธอมีเพียงอย่างเดียวคือเอาชนะคนพวกนี้ให้เร็วที่สุด
“ถังซวง ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะว่า…”
เดิมทีเหวินเจ๋อหลิ่วคิดจะเย้ยหยันต่ออีกสักคำสองคำ แต่ก่อนที่จะพูดจบ ถังซวงกลับมาหยุดยืนตรงหน้าเธอและไม่ให้เวลาเธอพูดอะไรอีกต่อไป หมัดหนัก ๆ ชกเข้ามาที่หน้าทันที
เหวินเจ๋อหลิ่วรีบหลบเมื่อเห็นอย่างนั้น
แต่น่าเสียดาย การเคลื่อนไหวของถังซวงเป็นเพียงการหลอกล่อเท่านั้น ความตั้งใจของเธอไม่ใช่ใบหน้าของเหวินเจ๋อหลิ่ว แต่เป็นท้อง! ดังนั้นเมื่อเหวินเจ๋อหลิ่วหลบเลี่ยงศีรษะ มืออีกข้างของถังซวงอยู่ที่ท้องของเธอแล้ว ก่อนจะทันได้หลบ หมัดหนัก ๆ กระแทกเข้าที่ท้องอย่างเต็มกำลัง
“อัก…”
เหวินเจ๋อหลิ่วกรีดร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ เธอไม่สามารถลุกขึ้นไหว
อวัยวะภายในราวกับกำลังจะระเบิดออก
ถังซวงเย้ยหยัน “เป็นไง? สดชื่นดีไหม?” เธอใช้กำลังพอสมควรในหมัดเมื่อครู่ และแน่นอนว่าเธอรู้ถึงอาการของอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าเหวินเจ๋อหลิ่วไม่สามารถลุกขึ้นได้แล้ว เธอหันกลับมาสนใจกับชายร่างใหญ่ทั้งสองคน
เมื่อชายวัยกลางคนเหล่านั้นเห็นว่าเหวินเจ๋อหลิ่วไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเหยียดหยามก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับถังซวงอย่างจริงจัง
ถังซวงไม่สนใจว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไร ในคราวแรกเธอลองโจมตีและพบว่าทั้งคู่มีทักษะอยู่บ้าง เธอจึงไม่ยั้งมือ การเคลื่อนไหวของเธอพุ่งเข้าจุดตายตลอดเวลา ความรุนแรงนี้อาจจะทำให้พวกเขากลายเป็นวิญญาณหากไม่ระมัดระวังให้ดี
เห็นการเคลื่อนไหวที่รุนแรงของถังซวงแล้ว ทั้งสองอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
ถังซวงอายุเพียงไม่กี่ปี แต่การเคลื่อนไหวของเธอเต็มไปด้วยความเด็ดขาดและเหี้ยมโหดราวกับนายทหารผ่านศึกไร้หัวใจ
โม่เจ๋อหยวนที่กังวลในคราวแรกรู้สึกโล่งใจมากเมื่อเห็นถังซวงเคลื่อนไหว เขารู้ว่าถังซวงมีทักษะยอดเยี่ยม แม้จะต้องเผชิญหน้ากับชายถึงสองคน เธอก็ไม่ได้เสียเปรียบเลย และยังสามารถจัดการพวกเขาได้อีก
สำหรับสมาชิกในตระกูลถังที่หลบซ่อนอยู่ในความมืด ทุกคนประหลาดใจมากเมื่อได้เห็นทักษะของถังซวง
พวกเขาเคยได้ยินว่าถังซวงอยู่ชั้นเรียนเดียวกันกับถังอวี้สือ นักเรียนที่อยู่ในเมืองหลวงและเป็นเด็กจากโลกภายนอกจะมีทักษะยอดเยี่ยมอย่างนี้ได้อย่างไร? แต่ดูเหมือนว่าครอบครัวของลูกสาวตระกูลใหญ่นั้นจะไม่ธรรมดาจริง ๆ
ถังซวงเองก็รู้ดีว่ามีคนรอบตัวกำลังจับตามองอยู่ แต่เธอไม่คิดจะหยุดมือ เมื่อทั้งสองคนวิ่งเข้าใกล้ เธอตีลังกาเพื่อแยกพวกเขาออกจากกันก่อนจะพุ่งเข้าหาทั้งสองคนจากด้านหลังโดยใช้ขาเหวี่ยงเตะเข้าที่หัวใจ ทั้งคู่ไม่มีโอกาสหลบแม้แต่น้อย
“อั่ก…”
แม้ว่าถังซวงจะยั้งมือไว้แล้ว แต่มันก็ยังสร้างความบาดเจ็บให้กับอวัยวะภายในของพวกเขา ทั้งสองคนกระอักเลือดคำโต และถังซวงฉวยโอกาสนี้โจมตีอีกครั้งจนทั้งสองล้มลงไปกองบนพื้น
ทันทีที่เห็นว่าเหวินเจ๋อหลิ่วกับชายอีกสองคนล้มไปกองบนพื้นแล้ว ถังซวงยกยิ้มก่อนจะเดินเข้าหาเหวินเจ๋อหลิ่วแล้วกล่าวคำเด็ดขาด “อย่าคิดจะสร้างปัญหาอีก ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่โชคดีอย่างวันนี้ ความอดทนของฉันมีจำกัด และฉันจะไม่ปล่อยให้เธอมาสร้างความวุ่นวายซ้ำ ๆ หรอกนะ ถ้ายังคิดจะลงมืออีก ก็เตรียมตัวตายได้เลย”
ถังซวงหันมองโม่เจ๋อหยวนก่อนจะพูดขึ้นว่า “อาหยวน เรากลับกันเถอะ ชักช้าเดี๋ยวคนอื่นจะเป็นห่วงเอา”
“อื้ม”
โม่เจ๋อหยวนยิ้มกว้างก่อนจะคว้ามือถังซวงแล้วเดินไปที่ลานจัดเลี้ยง
บุคคลที่อยู่ในความมืดเผยสีหน้าซับซ้อนออกมา ทั้งหมดเห็นถังซวงจัดการกับเหวินเจ๋อหลิ่วและชายร่างใหญ่สองคนได้อย่างง่ายดาย พวกเขาไม่รู้เลยว่าควรจะรู้สึกอย่างไร จนกระทั่งถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนจากไป