การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 529 เป็นความผิดของคุณ
บทที่ 529 เป็นความผิดของคุณ
เดิมทีถังมู่คิดว่าตนจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน แต่หลังจากได้ต่อสู้กับเฟิงอีและคนอื่น ๆ แล้ว เขาจึงตระหนักได้ว่าไม่มีผู้คุ้มกันคนไหนอ่อนแอเลย แม้แต่ละคนมีฝีมือไม่เทียบเท่าเขา แต่ว่าอีกฝ่ายก็มีจำนวนมากกว่า จนเขาทำได้เพียงแค่ถ่วงเวลาและเพลี่ยงพล้ำในที่สุด
ถังอวี้เทียนมองเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจน แต่เธอทำได้เพียงโกรธเกรี้ยวอยู่ในใจ
“หึ… อย่าคิดว่าแค่พวกคุณมีเยอะกว่าแล้วฉันจะทำอะไรไม่ได้นะ รอก่อนเถอะ ฉันจะสั่งให้คนมาจับพวกคุณเดี๋ยวนี้แหละ”
แต่ก่อนที่ถังอวี้เทียนจะร้องเรียกใครสักคน เสียงดังกึกก้องบริเวณนี้ก็ได้ดึงดูดความสนใจจากคนอื่น ๆ
ซึ่งหนึ่งในนั้นมีถังซวงและโม่เจ๋อหยวนด้วย
เดิมทีถังซวงเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก แต่เมื่อคิดไปว่าถังเซวี่ยกับเฟิงเยี่ยหานไม่กลับมาสักที เธอก็กังวลว่าเสียงเอะอะนี้จะเกี่ยวข้องกับทั้งสอง ถึงภายในตระกูลถังอาจจะมีเรื่องกระทบกระทั่งเป็นปกติ แต่เธอเองก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหานจริง ๆ
“เสี่ยวเซวี่ย เกิดอะไรขึ้น?”
ถังเซวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนมาที่นี่ แม้เฟิงอีกับคนอื่น ๆ จะจัดการกับถังมู่ได้ แต่เธอก็ยังกังวลว่าถังอวี้เทียนจะเรียกคนมาเพิ่ม แต่ดีที่พี่สาวกับพี่เขยมาในเวลานี้
“พี่คะ เธอต้องการจับตัวเรา จนเฟิงอีกับคนอื่น ๆ ต้องออกมาช่วย”
ถังเซวี่ยเล่าเรื่องราวโดยละเอียดก่อนจะหันมองถังอวี้เทียนอย่างอดไม่ได้ “พวกเราแค่เดินผ่านมา แต่เธอมาขวางเรา แล้วก็สายตาที่เธอใช้มองเฟิงเยี่ยหาน มันค่อนข้างน่าอึดอัด…” ถังเซวี่ยเขินอายเกินกว่าที่จะพูดว่าอีกฝ่ายมองคนรักของตน เพราะเธอไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน
แต่ถึงแม้ว่าถังเซวี่ยจะไม่ได้พูดมันออกมา ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็เข้าใจความหมาย
ถังซวงมองถังอวี้เทียนด้วยแววตาอ่านยากก่อนจะกล่าวขึ้น “น้องสาวของฉันเดินมาดี ๆ แต่เธอกลับจะจับตัวพวกเขา? เหตุผลคืออะไร? หรือว่าเพราะเธอจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ?”
“เธอเป็นพี่สาวของยัยนั่นสินะ แล้วรู้ไหมว่าฉันเป็นใครถึงกล้ามาพูดจาแบบนี้? ฉันจะบอกให้นะว่าวันนี้พวกเธอทำให้ฉันโกรธ เพราะงั้นพวกเธอจะไม่มีวันได้อยู่อย่างสงบสุขในตระกูลถังหรอก”
“เฮอะ… ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอจะมีปัญญาทำอะไรพวกเรา”
สีหน้าของถังซวงยิ่งเยือกเย็นลงมาก และสายตาที่มองถังอวี้เทียนก็ดูน่าขนลุก
เวลานี้ฝ่ายของเฟิงอีชนะแล้ว ถังมู่ไม่สามารถต้านทานทั้งหมดเพียงคนเดียวได้
ถังอวี้เทียนที่เห็นว่าถังมู่พ่ายแพ้ เพราะตนประเมินคนพวกนี้ต่ำเกินไป ยิ่งกว่านั้นในบริเวณรอบ ๆ ยังมีคนในตระกูลถังจำนวนมากกำลังรับชมความสนุกสนานอยู่ มันทำให้เธอรู้สึกว่าไม่เคยมีวันไหนต้องอับอายมากเช่นนี้มาก่อน
“เธอนี่เก่งจริง ๆ ที่กล้าพูดกับฉันอย่างนี้ งั้นฉันจะสั่งสอนบทเรียนให้เธอเอง”
ทายาทของตระกูลถังไม่ว่าจะเป็นเพศใดล้วนแต่ได้ฝึกฝนทักษะการต่อสู้ตั้งแต่เด็ก แม้ทักษะของถังอวี้เทียนจะไม่ได้ดีมากนัก แต่ก็ยังดีกว่าคนธรรมดาทั่วไป ยิ่งกว่านั้นเธอคิดไปว่าถังซวงกับถังเซวี่ยดูอ่อนโยนและบอบบาง เหมือนดอกไม้ริมทาง ซึ่งเธอไม่คิดว่าจะต้องใช้เรี่ยวแรงอะไรมากก็สามารถเอาชนะได้ จึงพุ่งตัวเข้าหาหญิงสาว
ถังซวงเห็นว่าถังอวี้เทียนเริ่มลงมือก่อน เธอเองก็ไม่คิดยั้งมือเช่นกัน
ทันทีที่ถังอวี้เทียนเหวี่ยงฝ่ามือมา เธอก็ตอบโต้ทันที
“อ๊า…”
ถังอวี้เทียนที่ต้องการทำให้ถังซวงอับอาย ไม่ได้ประเมินความสามารถของถังซวงสูงนัก หลังจากทั้งสองปะทะฝ่ามือกัน เธอก็สัมผัสได้ว่าตนประมาทเกินไป อีกฝ่ายมีทักษะการต่อสู้ และก็ไม่อ่อนแอไปกว่าเธอเลย อีกทั้งแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ
ตุ้บ…
ถังอวี้เทียนถูกถังซวงโจมตีจนลอยลิ่วไปด้านหลัง ขณะที่กำลังจะร่วงสู่พื้นก็มีคนคว้าร่างกายของเธอเอาไว้ได้ก่อน
เมื่อเงยหน้ามองถังอวี้เทียนจึงเห็นว่าเป็นผู้เฒ่าตระกูลรอง เธอร้องไห้ออกมาอย่างน่าสมเพช
“คุณปู่ทวด หนูถูกรังแกค่ะ”
แน่นอนว่าผู้เฒ่าตระกูลรองเห็นว่าหลานสาวของตัวเองถูกทุบตี เขาจึงรีบคว้าร่างของหลานสาวไว้ก่อน จากนั้นจึงค่อยเงยหน้าขึ้นว่าใครกันที่กล้าทุบตีหลานสาวของเขา
แต่เมื่อผู้เฒ่าตระกูลเห็นว่าเป็นถังซวง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น
“ทำไมเธอ…”
เมื่อถังซวงได้ยินที่ผู้เฒ่าตระกูลรองพูด เธอก็ยกยิ้มก่อนจะพูดต่อว่า “หญิงสาวคนนี้คือหลานสาวของผู้เฒ่าตระกูลรองนี่เอง ฉันก็คิดว่าเป็นชาวป่าจากที่ไหนหลงเข้ามาซะอีก”
“เธอเรียกใครว่าชาวป่า!”
ถังอวี้เทียนไม่พอใจอย่างมาก ระเบิดอารมณ์โกรธพร้อมชี้ใบหน้าของถังซวง ก่อนจะลุกขึ้นและวิ่งเข้าหาอีกฝ่ายอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เธอตระหนักได้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถังซวง จึงหันมองผู้เฒ่าตระกูลรองแล้วพูดขึ้นว่า “คุณปู่ทวดคะ นังผู้หญิงคนนี้ไม่รู้โผล่มาจากไหน อยู่ ๆ ก็มาทุบตีหนู คุณปู่ทวดจัดการมันเลยค่ะ ให้ใครก็ได้มาสั่งสอนบทเรียนให้กับยัยนี่เลย ไม่รู้ว่าเป็นญาติของครอบครัวไหนโผล่มาที่ตระกูลถังของเรา แต่กลับกล้ารังแกคนในตระกูลถังอย่างหนู”
ถังอวี้สือเองก็มาที่นี่ และเห็นว่าถังอวี้เทียนกลับมาแล้ว เธอจึงเดินไปด้วยรอยยิ้ม
“อวี้เทียน ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว ไม่ได้พบเจอกันเสียนานเลย”
ถังอวี้เทียนเห็นถังอวี้สือทักทายตนด้วยรอยยิ้ม แต่ตนไม่มีอารมณ์จะพูดคุย เพราะตอนนี้เธอต้องการสั่งสอนบทเรียนให้กับถังซวงจึงไม่คิดตอบถังอวี้สือ เพียงหันมองผู้เฒ่าตระกูลรองอีกครั้งก่อนจะกล่าวอย่างร้องขอ “คุณปู่ทวดคะ รีบจัดการเถอะค่ะ ให้ใครมาสั่งสอนบทเรียนเธอซะ”
ผู้เฒ่าตระกูลรองไม่เคลื่อนไหว เวลานี้ถังอวี้สือจึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากมองรอบ ๆ ตัวแล้วเธอคว้าร่างของถังอวี้เทียนไว้แล้วพูดว่า “อวี้เทียน นี่ไม่ใช่ญาติฝ่ายไหนของใครหรอก พวกเธอเป็นสมาชิกของตระกูลถัง”
“อะไร… เธอเป็นคนในตระกูลถังของเรางั้นหรือ? ทำไมฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะ?”
ถังอวี้สือเล่าเรื่องราวที่ถังหลานเพิ่งกลับคืนตระกูลถัง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “สองพี่น้องถังซวงกับถังเซวี่ยก็เข้าสู่ลำดับญาติวงศ์ตระกูลถังเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้พวกเขาจะเป็นสมาชิกของตระกูลถัง”
“เธอ… พวกเขา…”
ถังอวี้เทียนไม่สามารถยอมรับความจริงได้ “แล้ว… ทำไมหล่อนต้องทุบตีฉันด้วยล่ะ”
“นี่… อยากให้ฉันเล่าความจริงอีกครั้งสินะ”
ก่อนถังอวี้เทียนจะห้ามปราม ถังซวงกล่าวขึ้นตรง ๆ ว่า “เพราะเธอเห็นว่าคนรักของเสี่ยวเซวี่ยหน้าตาดี เลยอยากจะทราบชื่อของเขา แต่ว่าเฟิงเยี่ยหานไม่ยอมคุยด้วย เธอเลยให้ถังมู่จัดการพวกเขา จนเรื่องราวบานปลายใหญ่โต งั้นบอกฉันมาสิว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของใครกันแน่”
“เธอ… เธอพูดจาไร้สาระอะไร ฉันจะไปยุ่งกับคนรักคนอื่นได้ยังไง”
โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานยืนอยู่ข้างกัน ตอนนี้โม่เจ๋อหยวนหันมองเฟิงเยี่ยหานด้วยสายตาหยอกเย้า “โอ้ ดูเหมือนว่าการที่พี่หล่อเหลาเกินไปจะนำปัญหามาถึงตัวนะเนี่ย คราวหน้าเดินให้มันดี ๆ หน่อยไม่งั้นคงเจอแต่ปัญหาไม่จบสิ้น รู้รึเปล่า”
เฟิงเยี่ยหานกลอกตามองอีกฝ่ายก่อนจะตอบกลับว่า “ถ้าอย่างนั้นนายก็ควรจะระมัดระวังตัวด้วยเหมือนกัน”
หลังจากนั้น เฟิงเยี่ยหานก้าวไปด้านหน้า สายตาจับจ้องถังอวี้เทียนก่อนจะพูดว่า “คุณถัง เราไม่ต้องการพูดคุยกับคุณตั้งแต่แรกจนกระทั่งตอนนี้ แต่คุณยังรั้งพวกเราไว้ เพราะต้องการอยากทราบชื่อของผม และเรื่องทั้งหมดนี้เป็นความผิดของคุณนะครับ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เฟิงเยี่ยหานพูด คนที่อยู่รอบ ๆ ถึงกับเผยสีหน้าขบขันออกมา
ทุกคนเห็นว่าหน้าตาของเฟิงเยี่ยหานโดดเด่นเพียงใด และคงเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนมาหลงใหล ก็ใครใช้ให้เขาหล่อขนาดนั้นกันล่ะ?
ส่วนผู้เฒ่าตระกูลรอง เมื่อได้ยินสิ่งที่เฟิงเยี่ยหานกล่าวออกมา สีหน้าของเขาถึงกับบิดเบี้ยวน่าเกลียด หันมองถังอวี้เทียนก่อนจะพูดว่า “พอได้แล้วอวี้เทียน กลับไปก่อนเถอะ”
“คุณปู่ทวด จะยอมให้เรื่องนี้จบง่าย ๆ งั้นหรือคะ?”