การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 530 วางแผนกลับ
บทที่ 530 วางแผนกลับ
ผู้เฒ่าตระกูลรองได้ยินสิ่งที่หลานสาวของเขาเอ่ยปาก เขาจ้องมองเธอก่อนจะถามต่อว่า “แล้วเธอคิดจะทำอะไรอีก?”
หากไม่ใช่เพราะหลานสาวเป็นคนก่อเรื่องตั้งแต่แรก เขาคงจะใช้ตำแหน่งของตนจัดการไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นฝ่ายลงมือก่อน แล้วแบบนี้จะโต้แย้งอะไรได้อีก
ยิ่งกว่านั้นนี่คือช่วงที่ถังคุนหาวและหัวเฟยเฟิ่งเพิ่งพบกับถังหลาน ถังซวงกับถังเซวี่ยก็เพิ่งเข้าสู่ลำดับวงศ์ตระกูลถังด้วย สายเลือดของพวกเขาไม่ใช่ดอกไม้ริมทางที่จะเด็ดดมได้ง่าย ๆ
และทันใดนั้นเองที่ถังคุนหาว หัวเฟยเฟิ่ง ถังหลาน และจิงเจ้อหรงเดินเข้ามา
หัวเฟยเฟิ่งรีบเข้าไปหาถังซวงและถังเซวี่ย “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ?”
พวกเขายังไม่รู้เรื่อง แต่พอได้ยินว่าหลานสาวสองคนมีเรื่องกับถังอวี้เทียน จนทะเลาะกัน ทั้งหมดจึงรีบตามมาดูแต่ยังไม่รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง
เมื่อเห็นหัวเฟยเฟิ่งเป็นกังวลแล้ว ถังซวงก็ยกยิ้มพร้อมส่ายศีรษะ “คุณยายคะ พวกเราสบายดีค่ะ”
ถังหลานเองก็กังวลมากเช่นกัน
“ไม่เป็นไรจริง ๆ นะ? แม่ได้ยินว่าพวกลูกทะเลาะกับคนอื่น เจ็บตรงไหนไหม?”
ถังเซวี่ยที่ได้ยิน รีบกล่าวเสริมว่า “แม่คะ ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูกับพี่ไม่เป็นไรเลย”
พอเห็นว่าถังซวงและถังเซวี่ยสบายดี ทุกคนก็โล่งอก
แต่ถังอวี้เทียนหันมองหัวเฟยเฟิ่งกับถังหลาน
ความจริงแล้วเธอไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับหัวเฟยเฟิ่งเลย เพราะอย่างไรแล้วภรรยาของลุงใหญ่ก็อยู่อย่างสันโดษตั้งแต่ลูกสาวของเธอหายตัวไป และไม่เคยออกมาพบใคร แม้กระทั่งเทศกาลปีใหม่ อย่างไรก็ตาม สีผมที่โดดเด่นนั้นยังคงสะดุดตา ทำให้เธอจดจำได้
ถังอวี้เทียนหันมองถังหลานอีกครั้ง จึงตระหนักได้ว่าหล่อนคล้ายคลึงกับถังคุนหาวมาก ตอนนี้เองที่เธอทราบว่าถังซวงกับถังเซวี่ยตรงหน้าไม่ใช่คนที่เธอจะสามารถเข้าไปยุ่งด้วยได้
นึกอย่างนี้แล้ว ใบหน้าของถังอวี้เทียนก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก
ส่วนถังคุนหาวเห็นว่าผู้เฒ่าตระกูลรองเองก็อยู่ที่นี่ด้วย เขายกยิ้มก่อนจะก้าวไปด้านหน้าเพื่อทักทาย
“ผู้เฒ่าตระกูลรอง เกิดอะไรขึ้นหรือครับ? มีอะไรเข้าใจผิดกันหรือเปล่า ทำไมซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย และคนอื่น ๆ ถึงทะเลาะกับอวี้เทียนได้?”
ผู้เฒ่าตระกูลรองได้ยินคำพูดของถังคุนหาวแล้ว ก็ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบกลับ “เป็นเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย อวี้เทียนเพิ่งกลับมา เลยไม่รู้จักสองพี่น้องถังซวงกับถังเซวี่ย เลยมีเรื่องผิดใจกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนนี้เรื่องจบแล้วละ ฉันจะพาเธอกลับบ้านก่อน”
ถังคุนหาวพยักหน้ารับ “ครับ งั้นผมก็จะพาพวกเขากลับบ้านด้วยเหมือนกัน”
ถังคุนหาวยิ้มก่อนจะหันมาโบกมือเรียกถังซวงกับถังเซวี่ย
“ป่ะ พวกเราก็กลับกันเถอะ”
ถังอวี้เทียนมองแผ่นหลังของถังซวงและถังเซวี่ยซึ่งกำลังเดินจากไป อดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ
“คุณปู่ทวด ทำไมปล่อยพวกเขาไปแบบนั้นล่ะคะ? ดูถังมู่สิ เขาได้รับบาดเจ็บตั้งขนาดนั้น”
ผู้เฒ่าตระกูลถลึงตาใส่ถังอวี้เทียนก่อนจะพูดว่า “เข้าไปในบ้านก่อน”
ถังอวี้เทียนเห็นว่าผู้เฒ่าตระกูลรองกำลังโกรธจัด จึงเดินตามไปอย่างช่วยไม่ได้
ด้านถังอวี้สือยืนคิดครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามเข้าไปด้วย
เมื่อทุกคนเข้ามาในบ้าน ผู้เฒ่าตระกูลรองเริ่มตำหนิถังอวี้เทียนทันที
“อวี้เทียน เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยแย่ ๆ แบบนี้สักที ทำไมต้องเป็นบ้าทุกครั้งที่เห็นผู้ชายหน้าตาดี? เอาละ ฉันจะรีบหาคู่ครองให้เธอ จะได้แต่งงานให้จบ ๆ ไปเสียที”
แต่ถังอวี้เทียนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “คุณปู่ทวดจะให้หนูแต่งงานได้ยังไงคะ? หนูยังไม่เจอคนที่ชอบเลยนะ”
“ไม่ชอบแล้วไปสนใจผู้ชายหน้าตาดีพวกนั้นทำไม? ไม่ชอบเขาแล้วพยายามจะขวางทางเขาเพื่อถามชื่องั้นหรือ? ถ้าไม่ชอบแล้วจะไปถามเขาทำไม? หรือว่าเหงา”
“หนู…”
ถังอวี้เทียนถึงกับพูดไม่ออก แต่เธอยังพยายามโต้เถียงด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“คุณปู่ทวด ใครบ้างคะที่ไม่ชอบคนหล่อ? หนูเห็นว่าเขาหน้าตาดี หนูเลยอยากจะรู้จักพวกเขา แต่ไม่ได้หมายความว่าหนูอยากจะแต่งงานกับพวกเขาสักหน่อยนี่คะ”
“เธอ…”
ผู้เฒ่าตระกูลรองได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งโกรธจัด
“ตอนนี้พ่อแม่เธอยังไม่กลับมา ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้ก็อยู่ที่บ้านและอย่าออกไปสร้างปัญหาให้ฉันเด็ดขาด”
“คุณปู่ทวด หนูไม่ได้ทำนะ”
แต่ผู้เฒ่าตระกูลรองไม่อยากพูดคุยกับหลานสาวคนนี้อีกต่อไป เขาจ้องมองเธออย่างไม่พอใจก่อนจะกล่าวเตือนอีกครั้ง
“ก็แค่อยู่บ้าน อย่าออกไปไหน อย่าไปทะเลาะกับคนอื่น”
หลังจากนั้นผู้เฒ่าตระกูลรองหันมองถังอวี้สือแล้วพูดว่า “อวี้สือ เธอกับพี่สาวคงไม่ได้เจอกันนานแล้ว งั้นคุยกันไปก่อน ฉันจะไปธุระก่อน”
เมื่อถังอวี้สือได้ยินแล้ว เธอพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง “ค่ะผู้เฒ่าตระกูลรอง ไปจัดการธุระเถอะค่ะ ฉันจะอยู่กับอวี้เทียนเอง”
เธอกับอวี้เทียนอายุไล่เลี่ยกัน และเติบโตมาด้วยกัน ทั้งสองจึงค่อนข้างสนิทสนมกันพอสมควร
หลังจากผู้เฒ่าตระกูลรองกลับไปแล้ว ถังอวี้สือหันมองถังอวี้เทียนอย่างอดไม่ได้แล้วถามว่า “อวี้เทียน ออกไปข้างนอกคราวนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ถังอวี้เทียนโบกมืออย่างหงุดหงิด “อย่าพูดถึงมันเลย เหนื่อยจะตาย”
ถังอวี้สือเข้ามหาวิทยาลัยชิงหวาเพราะหวังว่าจะได้พัฒนาทักษะทางการแพทย์ของตัวเองต่อไป ส่วนลูกหลานคนอื่นในตระกูลถังก็ต้องการพัฒนาตัวเองเช่นกัน พวกเขาจึงออกไปโลกภายนอก ส่วนถังอวี้เทียนออกไปนานแล้ว และเพิ่งกลับมาในวันนี้
ถังอวี้เทียนและถังอวี้สือพร่ำบ่นกันมากมายถึงเรื่องที่ได้พบเจอ จนกระทั่งเธอถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “อวี้สือ แล้วตอนนี้สองพี่น้องนั่นไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องของเธอหรือ?”
“ถังซวงเกิดก่อนฉัน ส่วนถังเซวี่ยอายุไล่เลี่ยกับฉัน พวกเขาสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องค่ะ”
“โอ้สวรรค์ ลุงของเธอเจอลูกสาวแท้ ๆ ของเขาแล้วสินะ ไม่น่าเชื่อเลย เราทุกคนล้วนแต่คิดกันไปว่าลูกสาวของเขา…”
ถังอวี้เทียนหยุดชะงักไปและไม่ได้พูดมันออกมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้นใหญ่โตมาก แม้แต่เด็กอย่างเธอก็ยังทราบเรื่อง เพราะถังคุนหาวและหัวเฟยเฟิ่งให้ความสำคัญกับลูกสาวของพวกเขามาก…
แต่ถังอวี้เทียนกลับรู้สึกไม่พอใจแทนสหายตัวน้อย
“อวี้สือ แล้วถ้าลุงใหญ่เจอลูกสาวแล้ว เรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบกับเธอหรือ”
ถังอวี้สือย่อมไม่เปิดเผยความไม่ยินดีในใจของตน เธอเพียงยกยิ้มแล้วพูดว่า “คุณตาใหญ่ได้เจอลูกสาวของเขามันก็ดีแล้วนี่คะ และมันไม่กระทบอะไรกับฉันหรอก”
แต่ถังอวี้เทียนกลับบ่นเธอทันที “ทำไมจะไม่กระทบ? เดิมทีทุกอย่างของผู้เฒ่าถังต้องตกเป็นของครอบครัวเธอ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้วนะ”
ถังอวี้เทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สองพี่น้องนั่นไม่ใช่คนดี ฉันมองครั้งแรกก็รู้แล้ว วันนี้พวกเราตั้งตัวเป็นศัตรูกันเรียบร้อยแล้วด้วย”
อีกด้านหนึ่ง ถังซวงและคนอื่น ๆ ตามถังคุนหาวกลับมาที่บ้าน
เวลานี้ผู้เฒ่าถังเรียกพวกเขาไปถามอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังได้ยินว่าเรื่องราวเกิดเพราะเฟิงเยี่ยหาน ผู้เฒ่าถังถึงกับเหลือบมองเฟิงเยี่ยหานโดยไม่รู้ตัว
เหมือนเขาอยากจะพูดบางอย่าง แต่ก็ไม่สามารถเอ่ยปากออกมาได้
เพราะถึงยังไงเรื่องก็เป็นเพราะถังอวี้เทียนที่หลงใหลในหน้าตาของเฟิงเยี่ยหานและมาตอแยกับชายหนุ่มคนนี้ เพราะเหตุผลนี้ตนจึงไม่สามารถต่อว่าชายหนุ่มได้ ผู้เฒ่าถังทำได้เพียงยกยิ้มก่อนจะกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “เอาละ อวี้เทียนก็เป็นเด็กตรงไปตรงมาอย่างนี้แหละ ไม่เป็นไรหรอก คราวหน้าฉันจะตักเตือนเธอให้ดี อย่าไปถือสาอะไรเธอเลยนะ”
ถังเซวี่ยอ้าปากจะตอบรับ แต่ถังซวงกลับกล่าวขึ้นก่อน
“ค่ะคุณตาทวด พวกเราเข้าใจแล้ว”
เวลานี้ถังซวงถือโอกาสพูดถึงการกลับบ้าน “คุณตาทวดคะ พวกเรากำลังจะกลับเมืองหลวงในอีกสองวันข้างหน้า ในอนาคตหากมีเวลาว่างพวกเราจะกลับมาเยี่ยมใหม่นะคะ”
“อะไรนะ… จะกลับแล้วหรือ?”