การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 534 หัวเฟยเฟิ่งพบเจอตระกูลเฮ่อ
บทที่ 534 หัวเฟยเฟิ่งพบเจอตระกูลเฮ่อ
ทุกคนเห็นว่าซ่างสยงเยี่ยกับเกอชิงเหม่ยกลับมาแล้ว ก็รีบกล่าวต้อนรับทั้งสองอย่างอบอุ่น
“อ่า วันนี้บังเอิญจริง ๆ ครอบครัวอาหลานก็เพิ่งกลับมา ไม่คิดว่าชิงเหม่ยกับสยงเยี่ยก็จะเข้าเมืองหลวงพอดี คืนนี้พวกเรามาทานอาหารดี ๆ กันเถอะ” คุณย่าจิงพาซูเหนียนอวิ๋นกับเกอชิงเหม่ยเดินเข้ามาในบ้าน ก่อนจะพาพวกเขาไปที่ห้องอาหาร อีกทั้งยังแนะนำให้เกอชิงเหม่ยรู้จักกับแขก “ชิงเหม่ย เธอคงยังไม่ได้พบกับเฟยเฟิ่ง นี่หัวเฟยเฟิ่ง แม่ผู้ให้กำเนิดของอาหลาน”
หลังจากนั้นเธอก็แนะนำเกอชิงเหม่ยให้หัวเฟยเฟิ่งรู้จัก
“คุณแม่ยาย นี่พี่สาวของอาหลาน เป็นลูกศิษย์ของเหนียนอวิ๋นค่ะ”
หัวเฟยเฟิ่งเคยเจอกับซูเหนียนอวิ๋นก่อนหน้านี้แล้ว และรู้ถึงความสัมพันธ์ของลูกสาวกับหล่อน วันนี้เมื่อได้พบกับเกอชิงเหม่ย เธอยกยิ้มกล่าวทักทาย “สวัสดีค่ะ ฉันเป็นแม่ของอาหลาน”
“คุณ…”
เพราะเกอชิงเหม่ยเพิ่งกลับมาเลยไม่รู้ว่าถังหลานได้เจอญาติของตัวเองแล้ว ซึ่งเธอก็รู้ดีว่าถังหลานเป็นเด็กกำพร้า จึงคาดเดาได้ว่านี่คือมารดาผู้ให้กำเนิดของถังหลานตัวจริงเสียงจริง เธอยกยิ้มกล่าวทักทาย “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเกอชิงเหม่ย เป็นพี่สาวของอาหลาน”
ซ่างสยงเยี่ยคิดมาตลอดว่าถังหลานเป็นคนจากตระกูลเฮ่อ แล้วทำไมมารดาผู้ให้กำเนิดถึงเพิ่งมาปรากฏตัว? แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงแค่ยืนฟังอย่างสงบเสงี่ยม
หลังจากทุกคนนั่งลงแล้ว ซูเหนียนอวิ๋นกระซิบบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดของถังหลานให้เกอชิงเหม่ยทราบ
นั่นทำให้เกอชิงเหม่ยอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ แต่ก็รู้สึกยินดีกับถังหลานที่ได้พบเจอพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเองซะที อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงสิ่งที่พานลี่ฮวาพูดไว้ก่อนหน้าที่ตนจะกลับมา เธอรีบหันไปหาถังหลานก่อนจะพูดขึ้นว่า “อาหลาน ตอนที่ฉันกับสยงเยี่ยกำลังจะกลับมาที่นี่ พี่สะใภ้ของเธอมาทานมื้อเย็นกับพวกเรา และบอกว่าอีกสองวันครอบครัวของพวกเขาจะมาที่เมืองหลวง”
“จริงหรือ? ดีจังเลยค่ะ แล้วคุณลุงกับคนอื่น ๆ จะมาด้วยไหม?”
“พวกเขาก็จะมาด้วย”
ถังหลานไม่ได้พบกับตระกูลเฮ่อนานแล้ว เมื่อได้ยินว่าพวกเขาจะมาหา เธออดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ และเมื่อคิดว่าหัวเฟยเฟิ่งยังไม่ได้พบเจอกับผู้เฒ่าเฮ่อและคนอื่น ๆ เลย เธอก็รีบหันมาพูดว่า “แม่คะ คุณลุงของหนูกับครอบครัวของเขากำลังจะมาที่นี่ในอีกสองวัน เดี๋ยวพวกแม่ก็จะได้รู้จักกันแล้ว ทำความรู้จักกันไว้นะคะ”
“พวกเขาคือครอบครัวของพี่ชายที่รับลูกเป็นบุตรบุญธรรมใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้นแล้วหัวเฟยเฟิ่งยิ้มกว้างก่อนจะตอบกลับว่า “ดีเลย หลังจากที่พวกเขามาถึงแล้ว แม่จะต้องขอบคุณพวกเขา” เพราะผู้เฒ่าเฮ่อและคนอื่น ๆ ให้ความช่วยเหลือเฮ่อหลานเป็นอย่างดี ดังนั้นหัวเฟยเฟิ่งจึงจะต้องกล่าวขอบคุณพวกเขาอย่างจริงใจที่สุด
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ครอบครัวของจิงไค่หรงและจิงซิวหรงก็เดินเข้ามา ซึ่งคนสุดท้ายที่ตามหลังเข้ามาคือจิงเหวินรุ่ยและจูรุ่ย
เมื่อคุณย่าจิงเห็นว่าครอบครัวของลูกชายคนโตกับคนรองกลับมาแล้ว เธอรีบลุกขึ้นก่อนจะพูดว่า “เอาละ ๆ เรามาเริ่มทานมื้อเย็นกันดีกว่า” ในตอนท้าย เธอเหลือบมองจิงเหวินรุ่ยกับจูรุ่ยด้วยแววตาเปล่งประกาย จากนั้นส่งสายตาให้เมิ่งผิงราวถามว่าเด็กสองคนนี้เป็นอย่างไร เพราะถังชุนหยานยังสัมผัสได้ ทุกคนในครอบครัวย่อมสัมผัสได้เช่นกัน
ส่วนเมิ่งผิงไม่ได้พูดอะไร เพราะเธอไม่รู้เหมือนกัน ก่อนหน้านี้เธอถามลูกชายแล้ว แต่เขาก็ไม่ตอบ
แม้ว่าคุณย่าจิงจะใจร้อนสักหน่อย แต่เธอก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาจะพูดคุยเรื่องนี้ เธอเรียกให้ซูเหนียนอวิ๋น หัวเฟยเฟิ่งนั่งลง ก่อนจะเริ่มพูดคุยกับพวกเขาอย่างสบาย ๆ
ส่วนคุณปู่จิงพาซ่างสยงเยี่ย เฟิงเยี่ยหาน และหลี่จงอี้ออกไปดื่มด้วยกัน “เสี่ยวซ่าง เสี่ยวเยี่ย มาดื่มกันหน่อยสิ”
“ครับ”
ซ่างซยงเยี่ยกับเฟิงเยี่ยหานยกยิ้มรับ
ด้านจูรุ่ยที่อยากจะนั่งลงข้างถังซวงและคนอื่น ๆ แต่โม่เจ๋อหยวนนั่งข้างถังซวงแล้ว และอีกด้านเป็นถังเซวี่ย เธอจึงทำได้เพียงนั่งลงกับจิงเหวินรุ่ย แม้จะเขินอายเล็กน้อย เพราะทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนสนิทสนมกันเป็นอย่างดี มีเพียงเธอที่เป็นคนนอก
จิงเหวินรุ่ยเหลือบมองจูรุ่ยที่เงียบผิดปกติ เลยรีบถามขึ้น “มีอะไรหรือ? อึดอัดหรือเปล่า?”
จูรุ่ยส่ายศีรษะ “ไม่ค่ะ ฉันแค่อยากจะคุยกับถังซวงสักหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอก หลังกินข้าวค่อยคุยก็ได้”
“ค่ะ”
จูรุ่ยหยุดคิดเรื่องนี้ และหยุดสนใจถังซวงกับคนอื่น ๆ
ถังซวงมองจิงเหวินรุ่ยกับจูรุ่ย และเห็นว่าจิงเหวินรุ่ยพูดคุยกับจูรุ่ยอย่างสนิทสนม ใช้ตะเกียบคีบอาหารให้กันด้วย ซึ่งเธอพอจะสัมผัสได้ว่าลูกพี่ลูกน้องรองคนนี้ชอบจูรุ่ยเข้าแล้ว ไม่อย่างนั้นท่าทีของเขาจะไม่เป็นอย่างนี้แน่นอน แต่หลังจากมองท่าทีของจูรุ่ย ดูเหมือนว่าหล่อนจะไม่รู้ตัวแฮะ
ถังซวงหัวเราะเบา ๆ ไม่คิดเลยว่าลูกพี่ลูกน้องคนนี้จะกลายเป็นคนตกหลุมรักจูรุ่ยก่อน
อย่างไรก็ตาม จูรุ่ยก็มาจากเมืองก่างเฉิง ไกลจากเมืองหลวงมาก อีกทั้งจูรุ่ยเองก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าจิงเหวินรุ่ยปฏิบัติกับเธอดีกว่าคนอื่น และคงจะไม่รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจนกระทั่งกลับบ้านไป
จะว่าก็ว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นโชคชะตาของจิงเหวินรุ่ยและจูรุ่ย ถังซวงจึงไม่คิดก้าวก่าย
หลังทานอาหารเสร็จแล้ว ถังหลานพาเกอชิงเหม่ยไปพูดคุยเงียบ ๆ ถามไถ่ถึงชีวิตในเมืองก่างเฉิง
เมื่อเห็นความกังวลของถังหลานแล้ว เกอชิงเหม่ยยกยิ้มแล้วพูดว่า “อาหลานไม่ต้องกังวลไปหรอก ทุกอย่างในเมืองก่างเฉิงราบรื่นดี ฉันกับสยงเยี่ยจะอยู่ที่เมืองหลวงสักหนึ่งเดือนก่อนจะกลับไปเมืองก่างเฉิงน่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น ถังหลานก็คลายกังวล
หลังจากทั้งสองพูดคุยกันต่อสักพัก เกอชิงเหม่ย ซ่างสยงเยี่ยก็พาหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นมาร่วมพูดคุยด้วย
ตอนนี้เองคุณย่าจิงสบโอกาสคว้าตัวจิงเหวินรุ่ยมาถาม “เหวินรุ่ย หลานกับเสี่ยวรุ่ยเป็นยังไงบ้าง? เธอสองคนกำลังคบหากันหรือเปล่า?”
“คุณย่า ไปฟังเรื่องไร้สาระจากใครมาครับ ผมกับจูรุ่ยไม่ได้คบกันสักหน่อย”
คุณย่าจิงมองจิงเหวินรุ่ยอย่างหงุดหงิด “มาถึงขั้นนี้แล้วทำไมหลานยังไม่เข้าใจอะไรอีกนะ นี่ยังไม่คิดจะจีบจูรุ่ยอีกหรือ? ทำไมถึงไร้ประโยชน์ได้ขนาดนี้”
จิงเหวินรุ่ยหัวเราะ “คุณย่าครับ การที่เราจะจีบใครสักคนมันไม่ง่ายขนาดนั้นนะครับ”
“แล้วมันจะยากอะไรล่ะ? ดูอย่างเจ๋อหยวนกับเสี่ยวเยี่ยสิ พวกเขาก็จัดการได้นี่”
โม่เจ๋อหยวนกับเฟิงเยี่ยหานไม่คิดว่าตัวเองจะถูกดึงเข้าไปร่วมวงด้วย ทั้งสองรีบโบกมือ “คุณย่าครับ พวกเราก็แค่ทำไปตามปกติ ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ”
“ฮ่าฮ่า… เอาละ ๆ งั้นย่าไม่พูดแล้ว”
คุณย่าจิงรู้สึกว่าใบหน้าของชายหนุ่มสองคนนี้บอบบางซะจริง ๆ เธอจึงยกยิ้มแล้วไม่พูดอะไรอีก
เพราะยังไงคุณย่าจิงก็รู้แล้วว่าหลานชายของตัวเองชอบจูรุ่ย แต่อาย ไม่กล้าจะพูดออกไป เธอจึงหันมองจูรุ่ยและพบว่าเด็กคนนั้นก็ยังไม่รู้เรื่องด้วยเหมือนกัน หญิงชราจึงหยุดความร้อนรนในใจเอาไว้
“เอาละ ปล่อยให้เป็นไปตามที่ควรจะเป็นแล้วกัน”
ถังซวงและคนอื่น ๆ ก็ได้ยินเช่นกัน ทุกคนจึงสนับสนุนจิงเหวินรุ่ยเต็มที่
หลังจากพูดคุยกันเสร็จแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันออกไปพักผ่อน
ซึ่งเป็นไปตามที่คิดไว้ ตระกูลเฮ่อมาถึงเมืองหลวงในอีกสองวันถัดมา
ผู้เฒ่าเฮ่อและคนอื่น ๆ ยังไม่รู้ว่าถังหลานได้พบเจอญาติที่แท้จริงของตัวเองแล้ว เมื่อพวกเขาได้เจอกับหัวเฟยเฟิ่ง ทุกคนต่างอ้ำอึ้งและประหลาดใจ ทว่าพานลี่ฮวาเป็นคนที่ได้สติเร็วที่สุด เธอจับมือของหัวเฟยเฟิ่งก่อนจะกล่าวทักทาย “สวัสดีค่ะคุณหัวเฟยเฟิ่ง ฉันชื่อพานลี่ฮวา เป็นพี่สะใภ้ของอาหลาน” จากนั้นเธอก็แนะนำครอบครัวของตนทีละคนให้หัวเฟยเฟิ่งรู้จัก