การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 539 สองต่อหนึ่ง (1)
บทที่ 539 สองต่อหนึ่ง (1)
ถังอวี้สือหัวเราะออกมาหลังเห็นท่าทีเย็นชาของถังซวง “ลูกพี่ลูกน้องคะ ฉันก็แค่มาเยี่ยม ได้ยินว่าคุณยายก็อยู่ที่นี่ด้วย อีกอย่างฉันอยากจะมาเยี่ยมป้าหลานกับลุงจิงเหมือนกัน แล้วก็อยากเจอน้องฝาแฝดสองคนนั้นด้วย ลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยจะเป็นยังไงบ้างนะ พวกเขาโตแล้วหรือยัง?” เหวินเจ๋อหลิ่วก้าวไปด้านหน้าก่อนจะยกกล่องของขวัญในมือขึ้น “คุณถังซวง วันนี้พวกเรามาเยี่ยมจริง ๆ ค่ะ”
ถังซวงยังคงเงียบ และไม่คิดจะเชิญทั้งสองคนเข้าไปด้านใน
“ฉันไม่คิดว่าการมาเยี่ยมของพวกเธอสำคัญอะไร กลับไปได้แล้ว”
เหวินเจ๋อหลิ่วเห็นท่าทีเย็นชาของถังซวงก็ยิ่งขุ่นเคือง แต่ก็ต้องระงับความโกรธเอาไว้ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่เคยเจอใครที่ไล่แขกแบบนี้มาก่อน
“ถังซวง อย่าอวดดีนักเลย”
แม้แต่ถังอวี้สือยังยิ้มไม่ออก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากฝืนยิ้มอีกครั้ง “ลูกพี่ลูกน้องถังซวง ฉันรู้ว่าครอบครัวของเธอเข้าใจพวกเราผิดไป ที่ตาของฉันทำร้ายเธอก่อนหน้านี้เพราะเขาปกป้องฉัน และคิดว่าเธอเป็นคนรังแกฉัน”
“ฮ่าฮ่า…”
ถังซวงหัวเราะออกมาทันที เธอหันมองถังอวี้สือด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “เธอกล้าพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ได้อีกนะ เอาละ หยุดพูดได้แล้ว ฉันไม่อยากจะฟังอะไรทั้งนั้น”
ถังอวี้สือพยายามอดกลั่น และยังไม่หันหลังกลับ วันนี้เธอจะต้องเจอหัวเฟยเฟิ่งให้ได้
“ลูกพี่ลูกน้อง ไม่ว่าเธอจะเชื่อไหม แต่ทั้งหมดที่ฉันพูดคือความจริง และฉันมาที่นี่เพราะมีเรื่องจะบอกคุณยายจริง ๆ”
ถังซวงไม่คิดสนใจ และไม่เปิดช่องว่างให้อีกฝ่ายแม้แต่น้อย
เห็นอย่างนี้ ถังอวี้สือกำหมัดแน่น ในแววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
ขณะนั้นเองจิงเจ้อหรงกลับมาจากทำงาน ทันทีที่ได้เจอกับถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่ว เขาถึงกับประหลาดใจเพราะไม่คิดมาก่อนว่าสองคนนี้จะมาที่หน้าบ้านตน
จิงเจ้อหรงมองถังซวงก่อนจะเอ่ยปาก “ซวงเอ๋อร์ มีอะไรกัน…”
ก่อนจิงเจ้อหรงจะพูดจบ ถังอวี้สือตะโกนออกมาด้วยรอยยิ้ม
“คุณลุงกลับมาแล้วหรือคะ วันนี้หนูมาเยี่ยมคุณค่ะ แต่ลูกพี่ลูกน้องถังซวงไม่ยอมให้เราเข้าไป หนูรู้ว่ามีความเข้าใจผิดระหว่างครอบครัวเรานะคะ แต่การไล่แขกมันก็ไม่ถูกต้องไม่ใช่หรือคะ”
ถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่วยังคงต้องการเข้าไปด้านใน จนถังซวงอดไม่ได้ที่จะกลอกตาไปมา
จิงเจ้อหรงได้ยินอย่างนั้น ก็หันมองถังซวงก่อนจะเอ่ยปาก “ซวงเอ๋อร์ ให้พวกเขาเข้าไปเถอะ”
ถังซวงขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของจิงเจ้อหรง เพราะพ่อตัดสินใจแล้ว เธอจึงไม่พูดอะไรอีก
ถังอวี้สือกับเหวินเจ๋อหลิ่วเดินเข้าไปด้านในทันที
หัวเฟยเฟิ่งและถังหลานที่อยู่ในห้องถึงกับประหลาดใจเมื่อเห็นถังอวี้สือกับเหวินเจ๋อหลิ่ว ถังอวี้สือเริ่มกล่าวทักทายก่อน “คุณยาย” จากนั้นหันมาทักทายถังหลาน “ป้าหลาน วันนี้เราสองคนมาเยี่ยมค่ะ”
หัวเฟยเฟิ่งไม่มีความประทับใจใด ๆ ต่อครอบครัวรอง เพราะฉะนั้นเธอจึงทำหน้าเย็นชาตอบกลับถังอวี้สือ
“มาทำอะไรที่นี่?”
ถังหลานรู้ดีว่าครอบครัวของถังคุนเฉินมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเธอ แม้วันนั้นแม่ของถังอวี้สือจะยังไม่เกิด แต่พวกเขาก็เกี่ยวข้องกัน และเธอไม่ชอบพวกเขาทุกคน
ถังอวี้สือพยายามเมินเฉยต่อความเย็นชานี้ เธอวางกล่องของขวัญลงแล้วกล่าวขึ้นว่า “วันนี้เป็นวันหยุด หนูกับเจ๋อหลิ่วกำลังจะกลับบ้านพรุ่งนี้ เราเลยมาหาพวกคุณก่อนที่จะเดินทางน่ะค่ะ อีกอย่างเราเองก็อยากพบลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยทั้งสองคนด้วย”
ถังอวี้สือคิดว่าสิ่งที่แสดงออกมาจะทำให้คนอื่นคิดว่าตัวเองใจกว้างและมีน้ำใจ เธอวางตัวอย่างดีเมื่อเข้ามาที่นี่และคิดว่าจะได้รับน้ำใจตอบแทน
แต่เมื่อถังหลานได้ยินอย่างนั้น เธอตอบกลับตามตรง “เด็ก ๆ หลับอยู่ จะปลุกพวกเขาไม่ได้”
ถังอวี้สือรีบตอบกลับ “ถ้าพวกเขาหลับ ก็ปล่อยให้พวกเขานอนให้สบายเถอะค่ะ”
หลังจากนั้นถังอวี้สือพยายามชวนคุยเรื่องอื่น ๆ และพยายามชวนให้อีกฝ่ายพูดคุยด้วย แต่สุดท้ายแล้วเธอก็รู้ว่ายิ่งฝืนไปยิ่งไร้ประโยชน์
เหวินเจ๋อหลิ่วที่นั่งอยู่ใกล้เคียงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธแทนถังอวี้สือ
ตอนนี้คุณหนูของเธอกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อพูดคุย แต่ถังซวงและคนอื่น ๆ กลับกลายเป็นไม่สนใจ และไม่คิดตอบกลับใด ๆ ด้วยซ้ำ พวกเขาเพียงรอให้พวกเธอสองคนกล่าวลาและออกไปด้วยตัวเอง
ถังอวี้สือรู้สึกว่าเธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้ เธอนั่งเงียบสักครู่ก่อนจะลุกขึ้น “คุณยาย ป้าหลาน พวกเราขอตัวกลับก่อนนะคะ แต่ว่า…”
ถังอวี้สือหันมองหัวเฟยเฟิ่งก่อนจะพูดต่อว่า “คุณยายคงไม่ลืมวันเกิดของคุณตาทวดใช่ไหม อีกหนึ่งเดือนจะถึงวันเกิด ปีนี้คุณตาทวดอายุแปดสิบปีแล้ว พวกเราทุกคนในตระกูลต้องกลับไปฉลองอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา”
ถังอวี้สือหันมองถังหลาน “ป้าหลานคะ ก่อนหน้านี้คุณตาทวดบอกว่าเขาอยากพบเจอกับเด็กแฝด ถึงเวลานั้นป้าอย่าลืมพาเด็ก ๆ ไปด้วยนะคะ”
ถังหลานไม่ตอบกลับ เพราะในใจของเธอคิดไว้แล้วว่าจะไม่มีวันพาลูกสองคนไปที่ตระกูลถัง
มันไม่ใช่เพียงเพราะระยะทางเท่านั้น แต่สถานการณ์ภายในตระกูลถังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และเธอไม่ต้องการพาเด็กที่ยังเดินไม่ได้ด้วยซ้ำไปที่นั่น
เห็นถังหลานไม่ตอบกลับ ถังอวี้สือเพียงยกยิ้มจางและไม่ได้บีบคั้นอะไรต่อ
หัวเฟยเฟิ่งมองใบหน้ายิ้มแย้มของอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
หากถังอวี้สือไม่บอก เธอคงลืมไปแล้ว แต่เธอก็รู้ดีว่าผู้เฒ่าถังให้ความสำคัญกับวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของเขามาก วันนั้นตระกูลถังคงจะเต็มไปด้วยบรรยากาศสนุกสนาน ถ้าหากอาหลานกับครอบครัวไม่กลับไป เธอคงจะถูกตำหนิอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หัวเฟยเฟิ่งพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ “ไม่ต้องห่วง ฉันจำได้ ฉันจะพาอาหลานกับคนอื่น ๆ กลับไปที่นั่นพร้อมกันแน่”
ถังอวี้สือพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ดีเลยค่ะคุณยาย อย่างนั้นฉันกับเจ๋อหลิ่วขอตัวกลับก่อนนะคะ” ถังอวี้สือพยักหน้าให้ถังซวงก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเหวินเจ๋อหลิ่ว
เห็นถังอวี้สือกับเหวินเจ๋อหลิ่วจากไปแล้ว ถังเซวี่ยขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยปากขึ้นว่า “ถังอวี้สือ เหวินเจ๋อหลิ่ว… พวกนั้นมาเยี่ยมพวกเราจริงหรือคะ?”
ถังซวงนึกถึงคำพูดสุดท้ายของพวกหล่อนก่อนจะหัวเราะ “มาเยี่ยมอะไรกัน แค่มาบอกกล่าวให้พวกเราทราบถึงวันเกิดของผู้เฒ่าถังเท่านั้นแหละ”
ถังซวงนึกคิดถึงเรื่องบางอย่าง
ทำไมถังอวี้สือต้องกระตือรือร้นแจ้งให้พวกเธอทราบเรื่องนี้ให้ได้ ทั้งที่จริง ๆ ไม่ต้องบอกก็ได้แท้ ๆ
หัวเฟยเฟิ่งเองก็สงสัยด้วยเช่นกัน
“จริง ๆ แล้วทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องมาแจ้งให้พวกเราทราบเลย ยังไงซะวันเกิดของผู้เฒ่าถังก็ใกล้จะมาถึงแล้ว และนี่คือวันเกิดปีที่แปดสิบของเขาด้วย ตระกูลถังคงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก พวกเราควรกลับไปพร้อมกัน”
ถังหลานหันมองหัวเฟยเฟิ่งแล้วกล่าวอย่างหนักแน่น “แม่คะ แต่เราจะไม่พาฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยไปที่นั่นนะคะ”
หัวเฟยเฟิ่งพยักหน้ารับทันที “ใช่ ลูกอย่าพาเด็ก ๆ สองคนไป พวกเขายังเด็ก มันจะเป็นอันตรายมาก ยิ่งกว่านั้นในตระกูลถังเต็มไปด้วยความชั่วร้าย จะให้เด็กสองคนนี้มารับเคราะห์ไม่ได้เด็ดขาด”
เธอยังคงจดจำได้ดีถึงวันที่สูญเสียลูกสาวไป แม้กระทั่งตอนนี้เมื่อนึกถึงเหตุการณ์คราวนั้น เธอก็ยังเจ็บปวด แล้วด้วยเหตุผลนี้ เธอจึงไม่มีความคิดจะพาเด็กน้อยทั้งสองไปที่นั่น
ขณะนี้คุณย่าจิงเดินเข้ามาภายในห้องโถง
ก่อนหน้าเธอได้ยินว่ามีแขกมาเยี่ยม จึงจะให้คนตั้งโต๊ะอาหารเตรียมรับแขก แต่เมื่อมาถึงห้องนี้แล้ว เธอกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของแขก
ถังซวงหันมองคุณย่าจิงด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณย่าคะ พวกเธอไม่สมควรที่จะทานอาหารกับพวกเราหรอกค่ะ”