การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 541 ไม่พอใจมาก
บทที่ 541 ไม่พอใจมาก
ถังคุนหาวได้ยินภรรยาพูดอย่างนั้น ก็ส่ายศีรษะปฏิเสธ “ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะ ผมรู้ว่าที่พ่อกับแม่ทำน่ะผิด อาหลานต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายมากมาย การที่ลูกของผมต้องไปอาศัยอยู่นอกตระกูลทำให้เธอพบเจอเรื่องเลวร้าย มันไม่สามารถเทียบได้กับถังหวยรุ่ยที่สุขสบายมาทั้งชีวิตเลย”
หัวเฟยเฟิ่งเหลือบมองสามีของตนก่อนจะเอ่ยปาก “ฉันดีใจที่คุณรู้ว่าอะไรควรไม่ควร แต่ถึงคุณจะไม่พูด ฉันก็จะไปคุยกับผู้เฒ่าถังด้วยตัวเองอยู่ดี ฉันอยากจะถามพวกเขาจริง ๆ ว่าทำไมถึงลำเอียงได้มากขนาดนี้”
“อื้ม ผมเข้าใจแล้วล่ะเฟยเฟิ่ง”
หัวเฟยเฟิ่งเมินเฉยกับถังคุนหาวแล้วเดินผ่านเขาไปด้วยความโกรธ
เรื่องนี้ทั้งถูกตัดสินล่าช้า ทั้งบทลงโทษก็ยังเบามาก เธอไม่สามารถยอมรับมันได้เด็ดขาด
ถังซวงและคนอื่น ๆ ได้ยินสิ่งที่ถังคุนหาวกับหัวเฟยเฟิ่งคุยกันแล้ว พวกเขาก็ไม่พอใจกับการตัดสินใจของผู้เฒ่าถังด้วยเหมือนกัน ถังคุนเฉินคนนั้นแค่เพียงถูกเนรเทศหนึ่งปี แต่ถังหลานเกือบตาย ดีที่รอดชีวิตมาได้เพราะความบังเอิญ อีกทั้งถังคุนเฉินเองก็ไม่ได้คิดจะปล่อยให้พวกเธอมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วย
ถังซวงไม่ได้พูดอะไร เพราะถังคุนหาวยังดูเคารพนับถือผู้เป็นพ่อแม่อย่างชัดเจน เธอเพียงก้าวตามไปชมสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
หลังจากทุกคนมาถึงตระกูลถังแล้ว ทั้งหมดมารวมตัวกันที่ลานของผู้เฒ่าถังทันที
ผู้เฒ่าถังและภรรยาดูยินดีเมื่อเห็นว่าครอบครัวของถังหลานกลับมาแล้ว
“อาหลาน ในที่สุดพวกเธอก็กลับมา ตอนที่พวกเธอไม่อยู่ ฉันคิดถึงพวกเธอมากจริง ๆ”
หัวเฟยเฟิ่งยกยิ้มแล้วตอบแทนว่า “ขอบคุณที่คุณแม่เป็นห่วงพวกเรานะคะ เราคิดถึงพวกคุณสองคนเหมือนกันค่ะ”
เดิมทีผู้เฒ่าถังจะทักทายถังหลานและคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อมองดี ๆ แล้ว พวกเขาเห็นว่าฝาแฝดน้อยไม่ได้มาที่นี่ด้วย จึงมีสีหน้าบูดบึ้ง “อาหลาน แล้วลูกแฝดของเธออยู่ที่ไหน? คราวก่อนเธอรับปากว่าจะพาพวกเขามาด้วยไม่ใช่หรือ?”
ก่อนถังหลานจะตอบกลับ จิงเจ้อหรงกลับก้าวไปด้านหน้าแล้วเอ่ยปากขึ้นก่อน “คุณปู่ครับ คุณพ่อคุณแม่ของผมกังวลเกี่ยวกับลูก ๆ ที่ต้องเดินทางไกล พวกเขาจึงขอให้ลูกอยู่ที่บ้าน และเมื่อไหร่ที่เด็กทั้งสองโตพอที่จะเดินทางได้ เราจะพาทั้งสองคนมาให้คุณปู่ได้กอดแน่นอนครับ”
“ฮึ่ม… ก่อนหน้านี้พวกเธอก็พูดแบบนี้ ถ้าหากไม่อยากพาเด็กแฝดมาที่นี่ ไม่ควรรับปากพวกเราตั้งแต่แรกสิ”
แม่เฒ่าถังที่อยู่ข้าง ๆ เองก็ไม่ค่อยพอใจ เธอเตรียมของขวัญรอต้อนรับทั้งสองแล้วแท้ ๆ แต่เด็กน้อยทั้งสองกลับไม่ได้มาด้วย สิ่งที่เตรียมไว้ก่อนหน้าทั้งหมดก็สูญเปล่า
หัวเฟยเฟิ่งเพิกเฉยต่อความไม่พอใจของผู้เฒ่าทั้งสอง เธอเอ่ยปากขึ้นอย่างเด็ดขาด “คุณพ่อคุณแม่คะ ฉันได้ยินว่าพวกคุณรู้แล้วว่าอะไรเกิดขึ้นในคราวนั้น แล้วอย่างนี้จะจัดการกับเรื่องของน้องชายรองยังไงหรือคะ?”
ปัง…
ความก้าวร้าวของลูกสะใภ้ตรงหน้า ทำให้ผู้เฒ่าถังตบฝ่ามือลงบนโต๊ะเสียงดัง “หัวเฟยเฟิ่ง เธอเป็นคนยังไงแน่? คิดว่าพวกเราติดหนี้อะไรเธอหรือไง? นี่เราต้องมานั่งเอาใจเธอหรือ?”
หัวเฟยเฟิ่งกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณพ่อคะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย เพราะสิ่งที่ฉันต้องการคือความเรียบง่าย และได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา มีความสุขร่วมกัน แต่กลับมีคนไม่ต้องการให้ครอบครัวของฉันได้รับสิ่งนั้น ลูกสาวของฉันต้องออกออกไประเหเร่ร่อนอยู่ที่โลกภายนอก พบเจอกับความทุกข์ทรมาน แต่ตอนนี้พ่อแค่ส่งคนที่ทำร้ายลูกสาวของฉันไปอยู่ในสวนสมุนไพรแค่หนึ่งปี มันไม่น้อยไปหน่อยหรือคะ?”
ผู้เฒ่าถังไม่รู้ว่าจะโต้ตอบอย่างไร
หากเทียบสถานการณ์ของถังหลานกับถังคุนเฉินและหลานอี้ไป๋ที่ไปดูแลสวนสมุนไพรเพียงหนึ่งปี มันเทียบกันไม่ได้จริง ๆ
แต่ผู้เฒ่าถังยังยึดมั่นในความคิดของตัวเอง และเขาจะไม่เปลี่ยนใจ
เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าถังยังปกป้องครอบครัวของถังคุนเฉิน หัวเฟยเฟิ่งกำลังนึกคิดจะพูดบางสิ่ง แต่ถังซวงกลับหยุดเธอเอาไว้ “คุณยายคะ เรากลับไปก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้หนูเหนื่อยนิดหน่อย น่าจะเป็นเพราะพวกเราเดินทางมาไกล”
หัวเฟยเฟิ่งสงบจิตใจลงแล้วพยักหน้ารับ “จ้ะ งั้นกลับไปพักผ่อนกันดีกว่า”
หลังจากหัวเฟยเฟิ่งและคนอื่น ๆ ออกไปแล้ว ถังคุนเฉินเดินเข้ามาพร้อมกับครอบครัว
“พ่อครับ แม่ครับ ผมได้ยินว่าพี่ใหญ่กลับมาแล้ว พวกเขาอยู่ไหนหรือ?”
แม่เฒ่าถังพูดเรื่องที่เกิดขึ้นทันที ก่อนจะกล่าวว่า “เฮ้อ ไม่เพียงแต่เราจะไม่ได้พบเจอเด็กฝาแฝดสองคนนั้น ตอนนี้เรายังมาทะเลาะกับหัวเฟยเฟิ่งและคนอื่น ๆ อีก” เธอจ้องมองถังคุนเฉินแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ทั้งหมดเป็นเพราะแก ถ้าไม่ใช่เพื่อแก เราคงจะไม่เหินห่างจากครอบครัวของพี่ใหญ่ของแกแบบนี้”
ถังคุนเฉินรีบกล่าวขอโทษทันที “แม่ครับ ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ถ้าในตอนนั้นผมไม่คิดทำอะไรบ้า ๆ คงไม่มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ทั้งหมด… เป็นความผิดของผม”
“พอได้แล้ว นี่ไม่ใช่เวลามารื้อฟื้นเรื่องเก่า”
พวกเขาได้ยินเรื่องราวของถังคุนเฉินทั้งหมดแล้ว ตอนนั้นถังคุนเฉินกลัวว่าถ้าหากถังคุนหาวมีลูก ลูกของพวกเขาจะเสียผลประโยชน์ จึงตัดสินใจทำเรื่องโง่เขลา แต่ทั้งสองก็รู้ตัวเองและไม่ได้คิดลงมือกับอาหลานจริง ๆ
แต่ถ้าหัวเฟยเฟิ่งอยู่ที่นี่ เธอคงจะพูดต่อว่า ‘เพราะความบังเอิญต่างหาก อาหลานถึงรอดมาได้’
ถังคุนเฉินไม่ได้กังวลเลย เพราะเขาเห็นจากท่าทีของพ่อกับแม่แล้ว แต่เขารู้ว่าพี่ใหญ่กับครอบครัวอาจจะเกลียดชังตนไปแล้ว ทว่าถึงยังไง เขาก็ยังเป็นลูกชายคนโปรดเสมอ
ถังคุนเฉินยกยิ้มก่อนจะถามถึงฝาแฝดตัวน้อย
แต่ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองยิ่งรู้สึกไม่พอใจ “ลืมเรื่องนั้นไปซะ เด็กแฝดนั่นไม่ได้มาด้วย”
“อะไร… พวกเขาบอกไว้ไม่ใช่หรือว่าจะพาเด็กน้อยมาด้วย?”
ถังคุนเฉินมองชายชราและหญิงชราตรงหน้า และเห็นว่าใบหน้าของทั้งสองบิดเบี้ยว จึงกล่าวออกไปคล้ายไม่ตั้งใจ เพื่อเป็นการกดดันให้พ่อและแม่รู้สึกแย่กับหัวเฟยเฟิ่งและคนอื่น ๆ มากขึ้น
หลังจากถังคุนเฉินพูดใส่ไฟสักพัก เขาก็เลือกที่จะเงียบ เพราะคิดว่าหากพูดมากไปคงจะไม่ดีนัก
ถังอวี้สือที่อยู่ข้างกายของคุณตามาตลอด และมองเห็นทุกอย่าง ในใจของเธอนึกชื่นชมเขาไม่หยุดหย่อน และรู้สึกเสียดายที่แม่ไม่ได้รับความฉลาดนี้มาจากตาแม้แต่น้อย
ถังซวงและคนอื่น ๆ ไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนนี้พวกเขากลับมาพักผ่อนที่ลานของตัวเอง ทั้งหมดเก็บข้าวของสักครู่ก่อนจะมานั่งพัก
ไม่นาน ถังซวงก็อดกลั้นความเกียจคร้าน ไปหาผู้เฒ่าตระกูลด้วยกันกับโม่เจ๋อหยวน