การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 542 ไม่รบกวน
บทที่ 542 ไม่รบกวน
ทันทีที่ผู้เฒ่าตระกูลเห็นถังซวงและโม่เจ๋อหยวนมาพบ เขาเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า “พวกเธอเพิ่งจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ?”
“ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ ฉันมีบางอย่างจะถามค่ะ”
ผู้เฒ่าตระกูลได้ยินแล้วเลยถามกลับไปว่า “มีอะไรหรือ?”
“ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่คะ ตั้งแต่ที่ฉันได้อ่านตำรับใบสั่งยาเมื่อคราวที่แล้ว ฉันศึกษาบางอย่างเกี่ยวกับมัน และค้นพบบางอย่าง ฉันคิดว่าฉันสามารถกลั่นยาในตำรับยานั้นได้ แล้วฉันก็จำได้ว่าคุณบอกถ้าหากใครสามารถกลั่นยาในตำรับยานั้นได้จะได้เป็นผู้นำตระกูลถัง เรื่องนี้จริงไหมคะ?”
คราวนี้เธอไม่ได้กลับมาเพื่อฉลองวันเกิดให้กับผู้เฒ่าถังเท่านั้น เพราะหัวเฟยเฟิ่งคิดจะสั่งสอนบทเรียนที่ยอดเยี่ยมให้กับถังคุนเฉินและหลานอี้ไป๋ หากถังซวงมีอำนาจควบคุมตระกูลได้ ทุกอย่างก็จะราบรื่นยิ่งขึ้น
และ…
เธอยังมีแรงจูงใจอีกอย่างหนึ่งคือ… เธอต้องการความรู้ที่สั่งสมมาของตระกูลถัง
ผู้เฒ่าตระกูลได้ยินทุกถ้อยคำของถังซวง เขามองเธอด้วยความประหลาดใจก่อนจะถามต่อว่า “เธอกลั่นยาในตำรับยาเล่มนั้นได้จริงหรือ?”
“ค่ะ ฉันคิดว่าฉันทำได้ ฉันจะใช้ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่เริ่มกลั่นมันให้ดู”
“งั้นก็รอจนกว่าเธอจะกลั่นมันสำเร็จแล้วกัน”
ผู้เฒ่าตระกูลหันมองทางอื่นก่อนจะยกชาขึ้นจิบ ในคราวแรกเขานึกว่าอีกฝ่ายทำได้แล้ว แต่กลับกลายเป็นเพียงความคาดเดาเท่านั้น แม้ถังซวงที่อยู่ตรงหน้าจะมีพรสวรรค์ แต่เขาก็ยังไม่เชื่อว่าเด็กคนนี้จะประสบความสำเร็จ
ถังซวงเองก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อตนในทันที
“งั้นรอฉันกลั่นมันสำเร็จก่อนก็ได้ค่ะ แต่วันนี้ที่ฉันมาหาคุณ เพราะฉันอยากจะขอยืมตำรับการแพทย์จากคุณสักหน่อย ไม่รู้ว่าคุณจะให้ฉันยืมมันได้ไหม”
ผู้เฒ่าตระกูลพยักหน้ารับ “แน่นอน ได้สิ”
ถังซวงมองตำรับการแพทย์ที่ผู้เฒ่าตระกูลหยิบยกออกมา ดวงตาของเธอก็เป็นประกายยินดี นี่คือตำรับการแพทย์ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน และมันเป็นมรดกตกทอดของตระกูลถัง ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่เธอจะรวบรวมตำรับทั้งหมดในตระกูลถังและศึกษามันให้ดีแน่นอน “ขอบคุณท่านผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ค่ะ”
ผู้เฒ่าตระกูลโบกมือก่อนจะพูดต่อว่า “ด้วยความยินดี ฉันเองก็อยากให้ลูกหลานตระกูลถังเชี่ยวชาญการแพทย์อยู่แล้ว ยังไงซะหนังสือพวกนี้มีค่าสำหรับฉันมาก ดูแลมันให้ดีล่ะ แล้วหากจะออกจากตระกูลถัง อย่าลืมส่งมันคืนให้ฉันด้วย”
ถังซวงยิ้มและพยักหน้ารับ
“ค่ะท่านผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ ฉันจะดูแลมันอย่างดีแน่นอน”
หลังจากถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเดินออกไป ผู้เฒ่าตระกูลนั่งดื่มชาก่อนจะยกยิ้มเพียงลำพัง “คลื่นลูกใหม่แม่น้ำแยงซีซัดคลื่นลูกเก่า เด็กหญิงตัวน้อยแต่ความทะเยอทะยานกลับยิ่งใหญ่ แต่ว่า…” ตราบใดที่ความแข็งแกร่งด้อยกว่าความทะเยอทะยาน มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ตอนนี้เขาอยากรู้แล้วสิว่าถังซวงจะไปได้ไกลสักเท่าไหร่
หลังจากถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกลับมา ถังซวงคิดว่าเธอจะอ่านหนังสือทันที
ส่วนโม่เจ๋อหยวนที่เห็นถังซวงมีสมาธิจดจ่ออยู่กับหนังสือการแพทย์ตรงหน้าโดยไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ เธอไม่สนใจฉันแล้วสินะ”
ถังซวงเงยหน้าขึ้นมองโม่เจ๋อหยวนก่อนจะตอบกลับ “อาหยวน หนังสือพวกนี้ต้องคืนให้กับผู้เฒ่าตระกูลเมื่อถึงวันกลับ ฉันต้องใช้เวลากับมันสักหน่อย ทำไม… พี่ไม่ไปคุยกับเฟิงเยี่ยหานดูล่ะ?”
โม่เจ๋อหยวนเหลือบมองถังซวงอย่างไม่เต็มใจแล้วพูดว่า “ฮึ่ม อย่างนั้นเธออ่านหนังสือไปเถอะ ฉันจะไปหาเฟิงเยี่ยหาน”
หลังจากโม่เจ๋อหยวนเดินไปหาเฟิงเยี่ยหาน เขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังคุยกับถังเซวี่ย ทั้งสองคนดูสนุกสนาน มองตาหวานชื่น จนโม่เจ๋อหยวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ และกลับไปที่ห้องของตัวเองแล้วล้มตัวนอน
อีกด้านหนึ่ง ในลานของครอบครัวรอง ถังคุนเฉินกำลังรับฟังรายงานจากใครบางคน
“นายบอกว่า… ถังซวงกับคู่หมั้นไปหาผู้เฒ่าตระกูลใหญ่งั้นหรือ?”
“ครับ”
อีกฝ่ายตอบกลับด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “เธอออกมาพร้อมหนังสือหลายเล่มในมือ มองจากสายตาแล้วน่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับทักษะการแพทย์ครับ”
ถังคุนเฉินแค่นเสียงเย้ยหยัน “ความสัมพันธ์ของผู้เฒ่าตระกูลใหญ่กับครอบครัวใหญ่นี่ดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ถึงขั้นกล้าให้ถังซวงยืมหนังสือทักษะการแพทย์เชียวหรือ… ตอนที่พวกเราสอนอวี้สือ ไม่เห็นว่าผู้เฒ่าตระกูลจะยื่นมือช่วยเหลือขนาดนี้” หน้าของถังคุนเฉินบิดเบี้ยว
คนที่เข้ามารายงานไม่ได้พูดต่อ เพราะท้ายที่สุดแล้วความสัมพันธ์ของคุณชายรองกับผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ไม่ได้ดีนัก
ถังคุนเฉินเผยสีหน้าเย็นชาก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“แล้วเรื่องอื่นเป็นยังไงบ้าง? ตอนนี้ฉันไม่ต้องการให้เกิดความผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด”
“คุณชายรองไม่ต้องกังวลครับ ทุกอย่างตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว”
ถังคุนเฉินพยักหน้า “ดีแล้ว อ้อ… ช่วงนี้จับตาดูครอบครัวใหญ่เอาไว้ด้วยล่ะ”
“ครับ”
ด้านถังซวงยังคงหมกมุ่นอยู่กับหนังสือการแพทย์ที่ผู้เฒ่าตระกูลให้ยืมมา มันมีเรื่องที่เธอไม่รู้มากมาย มันทำให้เธออ่านจนลืมดูเวลา เมื่อเงยหน้าอีกครั้งจึงเห็นว่าเลยเที่ยงคืนมาแล้ว เธอจึงรีบเข้านอน
เช้าวันถัดมา ถังซวงตื่นสายกว่าคนอื่นเล็กน้อย
โม่เจ๋อหยวนที่เห็นถังซวงมาช้า อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ซวงเอ๋อร์ เมื่อคืนนอนดึกมากเลยหรือ”
“นิดหน่อยค่ะ”
โม่เจ๋อหยวนไม่เชื่อ “ตอนนี้หน้าเธอซีดและขอบตาดำมาก ดูจะไม่ค่อยดีเลยนะ”
ถังซวงได้ยินรีบขยี้ตา “เมื่อคืนมัวแต่อ่านเพลินน่ะ เลยลืมดูเวลา”
โม่เจ๋อหยวนพูดด้วยความเป็นห่วง “ซวงเอ๋อร์ ถึงเธอจะอ่านไม่จบ แต่คราวหน้าก็ยังมาอ่านต่อได้ อย่าหักโหมตัวเองขนาดนั้นเลย”
“ค่ะ”
ถังซวงพยักหน้ารับ
หลังจากทั้งสองมาถึงห้องอาหาร ก็เห็นว่าทุกคนรออยู่ที่นี่แล้ว
หัวเฟยเฟิ่งรีบกล่าวชวน “ซวงเอ๋อร์ เจ๋อหยวน มานั่งลงเร็วเข้า รีบกินข้าวเช้ากันเถอะ เดี๋ยวยายจะพาพวกหลานออกไปข้างนอก งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของผู้เฒ่าถังจะเริ่มขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า แต่จะมีแขกบางส่วนมาถึงก่อน เราต้องออกไปรับแขกด้วยกัน”
ถังหลานหันมองหัวเฟยเฟิ่ง “แม่คะ พวกเราต้องไปด้วยกันหมดเลยหรือ”
“ใช่จ้ะ”
หัวเฟยเฟิ่งพยักหน้า
“ในฐานะครอบครัวใหญ่ เราต้องรับหน้าที่นี้” แม้เธอจะไม่อยากทำ แต่ก็ไม่ต้องการให้ครอบครัวรองได้หน้าไปเหมือนกัน และจะไม่ยอมให้ครอบครัวรองได้รับในสิ่งที่พวกเขาต้องการอีกเด็ดขาด
“ค่ะ”
หลังจากทุกคนทานอาหารเสร็จแล้ว พวกเขาเดินตามหัวเฟยเฟิ่งออกไป
เวลานี้หลานอี้ไป๋ก็พาครอบครัวของถังหวยรุ่ยไปที่ประตูภูเขาด้วยเช่นกัน และเมื่อเห็นหัวเฟยเฟิ่งพาคนจากครอบครัวใหญ่มา เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก “อ้อ… นั่นพี่สะใภ้ใช่หรือเปล่า? เมื่อก่อนฉันไม่เคยเห็นพี่มาทำอะไรอย่างนี้เลย แต่ตอนนี้กลับได้เจอกันบ่อย ๆ ฉันทำตัวไม่ถูกเลยนะเนี่ย”
หัวเฟยเฟิ่งเหลือบมองหลานอี้ไป๋ “ถ้าไม่สบายใจก็อย่ามอง ไม่มีใครบังคับให้เธอมองมาที่ฉันสักหน่อย”
“ฮ่าฮ่า… ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่สะใภ้ของฉันมีคารมคมคายขนาดนี้ ว่าแต่… พวกพี่กำลังจะไปไหนกันล่ะ”
“ออกไปรับแขกด้านนอกน่ะสิ ได้ยินว่าวันนี้จะมีแขกเดินทางมา”
หน้าหลานอี้ไป๋บิดเบี้ยวทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
“พี่สะใภ้ ปีที่แล้วภรรยาในครอบครัวรองรับผิดชอบเรื่องเหล่านี้ และแน่นอนว่าปีนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม ฉันไม่รบกวนพี่หรอกค่ะ”