การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 554 ส่งมอบ
บทที่ 554 ส่งมอบ
ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่เห็นแล้วว่าถังซวงสามารถกลั่นเม็ดยาคืนชีพกับเม็ดยาระเบิดพลังได้ ดังนั้นเขาจึงถือว่าเธอคือผู้นำตระกูลถังไปโดยปริยาย และไม่คิดปิดบังใด ๆ แววตาและคำพูดทุกอย่างล้วนชัดเจน
“ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ เรื่องนี้…”
ผู้เฒ่าถังที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง ไม่คิดที่จะก้าวลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูล แม้ถังซวงจะเป็นหลานสาว แต่ถังหลานไม่ได้เติบโตในตระกูลถัง ไม่ต้องกล่าวถึงความรักที่มีต่อถังซวงเลย เขาไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับหลานสาวคนนี้เลยสักนิด และไม่มีความคิดที่จะมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับเธอด้วย
ก่อนผู้เฒ่าถังจะพูดจบ ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่หยุดเขาไว้ก่อน
“ถังหยวนซ่ง… แกไม่เห็นสถานการณ์หรือไง? ตอนนี้ไม่มีที่ให้แกพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อถังซวงสามารถกลั่นยาในตำรับยาโบราณได้ เธอก็ต้องได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลถัง วันนี้แกต้องลงจากตำแหน่งได้แล้ว”
ผู้เฒ่าตระกูลแปดซึ่งถูกพยุงอยู่เดินเข้ามาพร้อมพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ คุณหนูถังซวงจะเป็นผู้นำตระกูลถังของเรานับจากนี้ไป นี่คือกฎที่สืบทอดกันมา หรือแกคิดจะฝ่าฝืนมัน?”
เวลานี้แม้แต่ผู้เฒ่าตระกูลที่สามและหก ซึ่งสนับสนุนผู้เฒ่าตระกูลรองก็ดูท่าจะสนับสนุนเรื่องนี้เช่นกัน
“ใช่ คุณหนูถังซวงคือผู้นำตระกูลคนใหม่ของพวกเรา และตอนนี้เรามีศรัทธาให้เพียงเธอเท่านั้น” จากที่ยืนเคียงข้างกับผู้เฒ่าตระกูลรอง แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าผู้เฒ่าตระกูลรองจะสร้างเรื่องไว้มากมายเช่นนั้น หลายสิ่งหลายอย่างที่กระทำลับหลัง พวกเขาไม่เคยยินดีที่จะเข้าร่วม ซึ่งถือว่าเป็นโชคดี ไม่อย่างนั้นวันนี้คงจะถูกจับไปแล้ว
เมื่อคิดว่าพวกตนสนิทสนมกับผู้เฒ่าตระกูลรองมากเพียงใด ผู้เฒ่าตระกูลที่สามและหกก็ยิ่งสนใจในตัวถังซวงมากขึ้นเท่านั้น
“ผู้นำตระกูล เธอไม่ต้องกังวลหรอก ทุกคนได้เห็นยาอายุวัฒนะที่เธอหยิบออกมาวันนี้แล้ว ดังนั้นเธอจะได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลถังแน่นอน ไม่สำคัญว่าปู่ทวดของเธอจะต้องการหรือไม่”
ถังซวงเหลือบมองผู้เฒ่าตระกูลที่สามและหกอย่างเมินเฉย ไม่ได้ตอบอะไรกลับ ถ้าหากเธอจำไม่ผิดละก็ ทั้งสองเคยสนับสนุนกลุ่มของผู้เฒ่าตระกูลรอง แต่เปลี่ยนท่าทีเร็วแบบนี้แสดงว่าเธอเชื่อใจพวกเขาไม่ได้
ส่วนผู้เฒ่าตระกูลที่สามและหกรู้สึกเขินอายเมื่อเห็นว่าถังซวงไม่ตอบกลับพวกตน
แต่แล้วผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ก็กล่าวขึ้นว่า “เอาละ ส่งแขกกลับไปก่อนเถอะ เรื่องอื่นไว้คุยกันทีหลัง” จากนั้นเขาหันมองคนอื่น ๆ แล้วเอ่ยปากต่อว่า “ตระกูลถังของเราจะสืบสวนเรื่องธูปเรียกวิญญาณอย่างถี่ถ้วน เมื่อทราบผลแล้ว จะแจ้งให้พวกคุณทราบภายหลัง”
อินเยี่ยนหมิงกับคนอื่น ๆ ไม่ค่อยพอใจนัก ทว่าแม้ไม่ยินดี แต่เมื่อมองสีหน้าของผู้เฒ่าตระกูลใหญ่แล้ว พวกเขาก็รู้ว่าไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้
ส่วนผู้เฒ่าตระกูลที่สามและหกยกยิ้มก่อนพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว ๆ เราไปส่งแขกกันเถอะ”
แต่เว่ยชื่อเหอไม่คิดจะกลับไป “ปู่ครับ ผมจะช่วยอวี้สือได้ยังไง? เธอเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไหม? หรือเราพาเธอกลับไปด้วยได้ไหม?”
เว่ยเหิงมองหลานชายด้วยความโกรธเกรี้ยวและตวาดขึ้น “หุบปากซะ เราจะกลับกันไปแค่สองคนเท่านั้น!”
อย่างไรแล้ว ถังอวี้สือก็เป็นสมาชิกของตระกูลถัง แม้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เธอจะไม่เป็นอะไรถึงชีวิตแน่ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่สามารถพาถังอวี้สือออกไปได้เช่นกัน เพราะหากคิดทำอย่างนั้น ทั้งปู่และหลานชายคงจะไม่มีโอกาสได้ออกจากตระกูลถัง…
“แต่คุณปู่ อวี้สือเธอ…”
ก่อนเว่ยชื่อเหอจะพูดจบ เว่ยเหิงก็ลากเขาออกไปเสียแล้ว
หลังจากแขกเหรื่อทั้งหมดออกไป ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่หันมองถังซวงพร้อมกล่าวอย่างสุภาพ “ท่านผู้นำ เราจะไปที่โถงหลักเลยหรือไม่?”
ถังซวงพยักหน้าทันที “ค่ะ”
เวลานี้เธอหันมองถังหลานด้วยความห่วงใย เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่นตระหนกจนเกินไป “แม่คะ ไปพักผ่อนก่อนไหม”
ถังหลานส่ายศีรษะและตอบกลับหนักแน่น “ไม่ล่ะ เราจะไปกับลูกด้วย”
วันนี้เกิดเรื่องราวมากมาย อีกทั้งลูกสาวของเธอกำลังจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลถัง แม้ถังหลานจะสับสนแต่ก็ยังกังวลใจ เธออยากจะไปเห็นทุกสิ่งด้วยตาของตัวเอง
ถังซวงเองก็ไม่คัดค้าน
ทั้งหมดตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ทันที
วันนี้คือวันเกิดปีที่แปดสิบปีของผู้เฒ่าถัง ดังนั้นทุกคนในตระกูลถังจึงมารวมกันที่นี่
ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่บอกกล่าวให้ถังซวงขึ้นไปที่ที่นั่งด้านบนสุดก่อนจะหันกลับมาหาคนในตระกูลถัง แล้วกล่าวเสียงดังกังวาน “ฉันขอประกาศว่านับจากวันนี้ไป ถังซวงจะเป็นผู้นำตระกูลถังคนใหม่ของพวกเรา หากใครคิดคัดค้านก็จงพูดมาเสียตั้งแต่ตอนนี้”
สิ้นเสียง ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่หันมองผู้คุ้มกันที่ด้านหลัง และบอกกับถังซวงว่า “ท่านผู้นำ ผู้คุ้มกันเหล่านี้จะคอยติดตามเธออย่างลับ ๆ และพวกเขาจะเป็นกองกำลังของเธอนับจากวันนี้ไป”
ถังซวงเหลือบมองคนที่ด้านหลัง คิ้วของเธอเลิกขึ้นสูงอย่างช่วยไม่ได้
เธอเห็นทักษะของคนเหล่านี้มาแล้ว ทุกคนล้วนแต่มีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม และคนเหล่านี้ก็อยู่กับผู้เฒ่าตระกูลใหญ่เสมอมา ดังนั้นเธอจึงไม่อยากจะยอมรับ “ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่คะ คนเหล่านี้คือผู้คุ้มกันของคุณ พวกเขาจะเป็นคนของคุณเสมอไป ฉันไม่ต้องการค่ะ”
ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ยกยิ้ม “ท่านผู้นำ เหรียญตราของตระกูลถูกมอบไปแล้ว พวกเขาจะเป็นคนของเธอ ความจริงแล้วเป้าหมายของผู้คุ้มกันลับคือการปกป้องผู้นำครอบครัว เพียงแต่ว่า… ก่อนหน้านี้มีเหตุผลบางอย่างจึงต้องมาคุ้มกันผู้เฒ่าตระกูลใหญ่แทน และเวลานี้ตระกูลถังของเรามีผู้นำที่สามารถกลั่นยาอายุวัฒนะได้ ผู้คุ้มกันลับจึงต้องถูกส่งให้แก่ผู้เป็นนายที่แท้จริง”
กฏข้อนี้เป็นสิ่งที่ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ทราบมาโดยตลอด
ความจริงแล้ว ถ้าเขาไม่พูด ถังซวงก็คงไม่รู้ แต่เขายังเลือกที่จะบอกกล่าวตามตรง เพราะถังซวงคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของเขาไว้ และเป็นคนเดียวที่สามารถกลั่นยาจากตำรับยาโบราณของตระกูลที่ถูกเก็บเงียบมานานหลายร้อยปี และไม่ว่ายังไงเขาก็ยังอยากเห็นตระกูลถังกลับสู่ความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง
ผู้เฒ่าตระกูลที่แปดมองผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาเป็นเพียงคนเดียวที่รู้เกี่ยวกับทีมคุ้มกันลับนี้ เพราะสนิทสนมกับผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ที่สุด แต่เขาไม่คิดว่าผู้เฒ่าตระกูลใหญ่จะสละผู้คุ้มกันอย่างง่ายดาย
คนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นมองเห็นท่าทีที่ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ปฏิบัติต่อถังซวง พวกเขาเองก็ไม่กล้าคัดค้าน
แต่ไม่ใช่กับผู้เฒ่าถัง
“ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ ถึงแม้ตระกูลของเราจะมีกฎเช่นนี้จริง ๆ แต่ตอนนี้ถังซวงอายุเท่าไหร่? คุณคงทราบว่าเธอยังเรียนอยู่ด้วยซ้ำ และไม่ได้อยู่ในตระกูลถังตั้งแต่ต้น เธอจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลถังได้ยังไง?”
ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่กล่าวอย่างเย็นชา “ไม่สำคัญหรอกว่าผู้นำของเราจะอยู่ในตระกูลถังหรือไม่ ตราบใดที่เธอกลับมา มันก็ไม่เป็นปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นเรายังไม่ได้พูดคุยกันเรื่องของถังคุนเฉิน…”
ตอนท้ายของประโยค แววตาของผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ฉายความเย็นชาจนน่าขนลุก
ถ้าไม่ใช่เพราะถังซวง เขาคงถูกถังคุนเฉินและผู้เฒ่าตระกูลรองสังหารไปนานแล้ว
ยิ่งเห็นความเย็นชาและแข็งกร้าวของผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ ผู้เฒ่าถังก็ตระหนักได้ทันทีว่าตนไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรอีกต่อไป และไม่ใช่ผู้นำตระกูลถังอีกแล้ว
จากนั้นผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ดึงตราประทับของผู้นำตระกูลออกมาจากผู้เฒ่าถัง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “นับจากวันนี้ไป ผู้นำตระกูลถังจะเป็นคนจัดการเรื่องราวทั้งหมดของตระกูลถัง แกไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่ง”
“ฉัน…”
ใบหน้าของผู้เฒ่าถังเต็มไปด้วยความไม่ยินดี แต่ไม่มีใครในตระกูลถังคิดคัดค้านอะไร เขาจึงทำได้เพียงมองตราประทับของผู้นำตระกูลด้วยสายตาอาลัย