การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 555 ลงโทษถังคุนเฉินและครอบครัว
บทที่ 555 ลงโทษถังคุนเฉินและครอบครัว
ผู้เฒ่าถังเพียงมองดูผู้เฒ่าตระกูลใหญ่มอบตราประทับประจำตระกูลให้กับถังซวง ใบหน้าของเขามืดมนลง ชัดเจนแล้วว่าเขาจะไม่ใช่ผู้นำตระกูลถังอีกต่อไป
สถานการณ์ตอนนี้มัน…
ก่อนหน้านี้เขาดีใจที่ลูกชายคนโตได้พบลูกสาวของเขาอีกครั้ง แต่ไม่คิดว่าหลังจากที่ถังหลานกลับมาที่ตระกูลแล้ว ตำแหน่งผู้นำของเขายังถูกลูกสาวคนโตของถังหลานแย่งชิงไปด้วย แบบนี้จะให้เขายอมรับมันได้อย่างไร?
แม่เฒ่าถังที่อยู่ข้าง ๆ เองก็รู้สึกว่ารับไม่ได้ เธอคือภรรยาของผู้นำตระกูล แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไป แล้วใครจะมาเชื่อฟังคำสั่งของเธออีก? “ท่านผู้เฒ่าตระกูล… พวกเรา…”
ก่อนที่แม่เฒ่าถังจะได้พูดอะไร ผู้เฒ่าถังก็จ้องมองเธออย่างเย็นชาเพื่อส่งสัญญาณให้เธอหยุดพูด ไม่เห็นหรือว่าผู้เฒ่าตระกูลใหญ่กำลังจ้องมองพวกเราอยู่ ไหนจะทีมคุ้มกันด้านหลังของถังซวงอีก พวกกนั้นพร้อมที่จะลงมือสังหารตลอดเวลา พวกเราไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น
แม่เฒ่าถังเองก็ตระหนักได้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ เธอจึงหุบปากลง
หลังจากทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่หันมองถังซวงก่อนจะเอ่ยปากถาม “ท่านผู้นำ เราควรจะคุมตัวหลานอี้ไป๋และถังคุนเฉินเข้ามาเลยหรือไม่? เพราะเรายังต้องการคำตอบของธูปเรียกวิญญาณด้วย”
ถังซวงพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยปากตอบกลับ “ค่ะ มาจัดการกับพวกเขากันเถอะ”
หลังจากถังคุนเฉินและหลานอี้ไป๋ถูกพาตัวมา ถังซวงมองพวกเขาก่อนจะถามว่า “พวกคุณเอาธูปเรียกวิญญาณมาจากไหน”
ถังคุนเฉินไม่คิดตอบคำใด เพียงยืนอย่างเฉยเมยและไม่แสดงความรู้สึก
ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่จึงตะคอกอย่างเย็นชา “ถังคุนเฉิน รีบอธิบายมาซะ ไม่อย่างนั้นแกคงไม่อยากคิดถึงผลที่ตามมา”
“ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ ผมขอดูหน่อยเถอะว่าอย่างคุณจะทำอะไรผมได้”
ถังคุนเฉินเย้ยหยัน ยังไม่คิดจะตอบคำถาม
ได้ยินอย่างนั้น ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ก้าวไปด้านหน้าด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ถังซวงกลับหยุดเขาไว้ก่อน “ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่คะ เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ”
เมื่อเห็นถังซวงเดินเข้ามาใกล้ สีหน้าของถังคุนเฉินยังคงราบเรียบ ไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่ถังซวงเดินผ่านถังคุนเฉินและตรงเข้าไปหาหลานอี้ไป๋
ถังคุนเฉินเห็นอย่างนั้นจึงรีบหันไปมองทันที เมื่อเห็นถังซวงเหยียดมือออก เขาก็ตะโกนเสียงดัง “เธอคิดจะทำอะไร?”
“ฉันกำลังบังคับให้คุณตอบ”
ถังซวงยกยิ้ม เธอไม่ได้หยุดมือ และไปคว้าลำคอของหลานอี้ไป๋เอาไว้ก่อนจะจ้องมองถังคุนเฉินแล้วเอ่ยปาก “คุณตาคะ ตอนนี้คุณจะพูดได้หรือยัง? ถ้าคุณไม่พูด ฉันจะได้หักคอหลานอี้ไป๋ซะ”
นี่ก็ผ่านมานานหลายปี เธอไม่เชื่อว่าถังคุนเฉินจะไม่รู้สึกอะไร ความรักที่ถังคุนเฉินมีต่อหลานอี้ไป๋เป็นสิ่งที่ชัดเจนสำหรับทุกคน เธอจึงเชื่อว่าถังคุนเฉินจะไม่นิ่งเฉยแน่
หลานอี้ไป๋ได้ยินที่ถังซวงพูด เธอถึงกับส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน “เข้าใจอะไรผิดหรือไม่? ถังคุนเฉินไม่สนใจฉันอีกต่อไปแล้ว เขาเกลียดฉัน และไม่อยากจะเห็นหน้าฉันด้วยซ้ำ”
แต่ถังซวงไม่สนใจ เริ่มกระชับข้อมือให้แน่นขึ้น
“เธอ…”
เห็นว่าถังซวงไม่ยอมปล่อยมือ ถังคุนเฉินเผยความกังวลในแววตา แต่เขาก็ตระหนักบางอย่างได้ก่อนจะเริ่มสงบลง “หล่อนหักหลังฉัน ฉันต้องขอบคุณเธอนะ ผู้หญิงคนนี้โกหกฉันมานานหลายปี ฉันจะช่วยชีวิตเธอไปทำไมกัน?”
“ได้”
ถังซวงยังคงไม่แสดงความรู้สึก และกระชับข้อมือให้แน่นขึ้น
“อือ… อึก…”
ใบหน้าของหลานอี้ไป๋แดงก่ำ ก่อนจะเริ่มกลายเป็นสีม่วง
ถังคุนเฉินที่เห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของถังซวง ก็เริ่มตื่นตระหนก เขารู้ว่าถังซวงกล้าเอาชีวิตของหลานอี้ไป๋แน่ เขาจึงยอมเอ่ยปาก “หยุด…”
ถังซวงเลิกคิ้วก่อนจะถามกลับไปว่า “จะตอบได้หรือยัง?” ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่คลายมือที่จับลำคอของหลานอี้ไป๋เลย
“ฉันบอกให้เธอปล่อยอี้ไป๋เดี๋ยวนี้!”
หลานอี้ไป๋ประหลาดใจ เธอคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย แต่กลับได้ยินเสียงของถังคุนเฉิน ลำคอของเธอก็ถูกคลายออกช้า ๆ จนหายใจได้ เธอจึงเงยหน้ามองถังคุนเฉิน ไม่คิดเลยว่าเขาที่พบเจอเรื่องเลวร้ายมาก่อนหน้า จะยังคงเป็นห่วงเธออยู่
ถังคุนเฉินที่เห็นว่าถังซวงยังคงกุมลำคอของหลานอี้ไป๋เอาไว้ ก็หยุดลังเลแล้วกล่าวออกมาตามตรง “ฉันบังเอิญไปเจอธูปเรียกวิญญาณที่เหลืออยู่ในวิหารโบราณ มันเหลือเพียงห่อเล็ก ๆ และถูกใช้กับผู้เฒ่าตระกูลใหญ่จนหมดแล้ว จะมีเหลืออีกหรือไม่ เรื่องนั้นฉันไม่รู้แล้ว”
ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“อย่างนั้นก็ต้องขอบคุณแล้วละที่แกใช้มันกับฉัน” ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่เอ่ยปากถามเสียงหนักแน่น “ห่อเล็ก ๆ งั้นหรือ? แล้วได้สูตรยาของธูปเรียกวิญญาณมาด้วยไหม?”
“ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ คุณประเมินผมสูงเกินไปหรือเปล่า? ธูปเรียกวิญญาณหายสาบสูญไปนานแล้ว การที่จะได้มันมาเพียงห่อเล็ก ๆ ก็ยากมากพอแล้ว สูตรการกลั่นนั่นเป็นไปไม่ได้เลย”
แม้ถังคุนเฉินจะพูดอย่างนั้น แต่ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ก็ยังกังวล
ถ้าหากเจอห่อเล็ก ๆ ก็คงไม่เป็นไร เพราะมันถูกใช้จนหมดไปแล้ว แต่ถ้าหากสูตรการกลั่นธูปเรียกวิญญาณยังเหลืออยู่ มันคงอันตรายมากหากใครไปพบมันเข้า
ซึ่งถังซวงเองก็ยังสงสัย เธอพยายามกดดันเขาอีกครั้ง
แต่ถังคุนเฉินไม่รู้จริง ๆ เขาจึงไม่ได้ตอบอะไรอีก
“ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ ถังคุนเฉินไม่มีสูตรยาในมือหรอกค่ะ ส่วนวิธีการกลั่นธูปเรียกวิญญาณคงจะหายสาบสูญไปแล้วจริง ๆ”
ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่พยักหน้ารับ “อืม ฉันก็หวังให้มันเป็นแบบนั้น”
หลังจากถามเรื่องของธูปเรียกวิญญาณแล้ว ผู้เฒ่าตระกูลหันมองถังซวงก่อนจะถามต่อว่า “ท่านผู้นำ แล้วเธอคิดจะจัดการกับถังคุนเฉินและครอบครัวยังไง?”
“ก่อนหน้านี้พวกเขาต้องถูกเนรเทศไปที่ซีเป่ยนี่คะ? ฉันคิดว่าที่นั่นก็เป็นสถานที่ที่ดี ส่งพวกเขาทั้งครอบครัวไปที่นั่นตลอดไป ไม่มีวันได้กลับมาอีกก็เข้าท่า”
ถังซวงเคยคิดเรื่องนี้เหมือนกัน เธอจึงตัดสินใจทันที
ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ได้ยินอย่างนั้น ก็เห็นด้วยกับความคิดนี้
“เอาละ ถ้าถึงเวลานั้นจะมีคนมาพาพวกเขาไปที่นั่น และให้ทั้งครอบครัวอยู่ด้วยกันตลอดไป… ในสวนสมุนไพรแห่งนั้น”
แต่คนแรกที่ลุกยืนคัดค้านคือถังหวยรุ่ย “ไม่ ฉันไม่อยากไปที่นั่น ฉันไม่อยู่ที่นั่นตลอดไปเด็ดขาด”
น่าเสียดายที่ไม่มีใครสนใจถังหวยรุ่ย และครอบครัวของพวกเขาจะถูกส่งไปอยู่ในสถานที่หนาวเย็นทางซีเป่ยอย่างแน่นอน
ถังคุนเฉินที่เห็นว่าตนจะถูกพาออกไป จึงตัดสินใจบางอย่างก่อนจะหันมองถังซวงแล้วพูดว่า “ฉันจะไปอยู่ที่ซีเป่ย แต่ปล่อยหลานอี้ไป๋ไป เธอจะไม่ไปที่นั่น และเธอไม่ใช่สมาชิกตระกูลถัง หรือภรรยาของฉันอีกต่อไป”
“อะไรนะ?”
ถังคุนเฉินกล่าวต่อ “ฉันจะหย่ากับหลานอี้ไป๋ นับจากวันนี้เธอจะไม่ใช่สมาชิกในตระกูลถัง เธอไม่จำเป็นต้องติดตามฉันไปยังดินแดนหนาวเย็นที่แสนทุรกันดารอย่างซีเป่ย”
…………………………………………………