การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 556 ไม่พอใจ
บทที่ 556 ไม่พอใจ
หลานอี้ไป๋ที่ได้ยินคำพูดของถังคุนเฉิน หันมองเขาอย่างประหลาดใจ
“ถังคุนเฉิน คุณหมายความว่ายังไง”
ถังคุนเฉินเหลือบมองหลานอี้ไปก่อนจะกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เราจะหย่ากัน คุณไม่ใช่ภรรยาของผมอีกต่อไป และไม่ใช่สมาชิกของตระกูลถังนับจากวันนี้ ดังนั้นคุณไม่ต้องติดตามผมไปที่ซีเป่ยด้วย” เขาต้องไปอยู่ที่ซีเป่ยโดยไม่ได้กลับมาอีก และจวบจนถึงวินาทีนี้ เขาก็ยังไม่อยากให้หลานอี้ไป๋ต้องพบเจอกับความยากลำบากนั้น
แม้เขาจะเกลียดหลานอี้ไป๋ แต่เขาก็เกลียดชังตัวเองที่ไม่ต้องการให้เธอลำบากไปด้วยกัน
ถังซวงเหลือบมองถังคุนเฉินด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะปรบมือเสียงดัง
“คุณตารองของฉันเป็นคนดีจริง ๆ สุภาพบุรุษผู้เทิดทูนภรรยายิ่งกว่าสิ่งใด ปกป้องไม่ให้หลานอี้ไป๋ต้องพบเจอความยากลำบาก จึงคิดที่จะหย่าร้าง… กับหลานอี้ไป๋ที่หักหลังคุณมานานหลายปี คุณยังคิดถึงความรู้สึกของเธอได้อีกงั้นหรือ?”
แม่เฒ่าถังเริ่มกลับมามีสติอีกครั้ง
เธอมองหลานอี้ไป๋ ก่อนจะหันมองลูกชายคนเล็กของตัวเอง “คุนเฉิน หลานอี้ไป๋คนนี้ไม่คู่ควรกับความรักของลูก ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเพราะเธอ เธอต้องไปอยู่ที่ซีเป่ยกับลูก และใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อปรนนิบัติลูกให้ดี แม่ไม่เห็นด้วยกับการหย่าร้างนี่เด็ดขาด!”
ผู้เฒ่าถังเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
“ใช่ หลานอี้ไป๋ไม่มีสิทธิ์ออกจากตระกูลถัง เธอติดหนี้บุญคุณพวกเรา!”
ผู้เฒ่าถังอยากจะฉีกร่างหลานอี้ไป๋ออกเป็นชิ้น ๆ เพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว จึงเกิดเรื่องราวมากมาย เขาไม่น่ายอมให้ลูกชายคนเล็กแต่งงานกับหล่อนเลย แต่ถึงจะกล่าวในตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว
ถังคุนเฉินที่ได้ยินอย่างนั้น หันมองผู้เฒ่าทั้งสองแล้วพูดต่อว่า “การหย่าร้างเป็นเรื่องของสามีและภรรยา พ่อกับแม่ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว”
“แก… แกมันลูกอกตัญญู!”
ผู้เฒ่าถังโกรธมากที่ถังคุนเฉินต่อว่าเขาอย่างนั้น เขาโกรธจัดจนพูดไม่ออก
แม้แต่แม่เฒ่าถังยังเผยความผิดหวังชัดเจน เธอหันมองหลานอี้ไป๋ด้วยแววตาเกลียดชัง
ขณะนั้น หลานอี้ไป๋กลับเพิกเฉยต่อคนอื่น ๆ เธอเพียงหันมองถังคุนเฉิน และกล่าวเน้นหนักทีละคำ “นับตั้งแต่ที่ฉันแต่งงานกับคุณ ฉันก็จะเป็นภรรยาของคุณไปตลอดชีวิต ห้ามคิดที่จะทิ้งฉันไว้ลำพังเด็ดขาด”
ในที่สุดเธอก็ได้สติกลับมา
คนที่รักเธอยืนอยู่ข้างกายของเธอเสมอมา แต่เธอกลับเพิกเฉยต่อเขา แต่การมาตระหนักตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว ทั้งคู่เสียเวลาไปมากกับความพยายามของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ถังหวยรุ่ยหันมองแม่ของตน ก่อนจะหันมองพ่อ เวลานี้เธอรู้สึกสับสน
เธอคิดมาตลอดว่าในอนาคตลูกสาวของเธอต้องได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลถัง และเธอจะกลายเป็นมารดาของผู้นำตระกูล แต่วันนี้ความฝันทั้งหมดของเธอพังทลายลง พวกเขากำลังจะถูกส่งไปยังซีเป่ย เธอจะมีโอกาสย้อนกลับมาที่นี่อีกใช่ไหม?
นึกถึงเรื่องนี้ ถังหวยรุ่ยอดไม่ได้ที่จะโศกเศร้า
“คุณพ่อ คุณแม่… พวกคุณช่วยคิดหาทางได้ไหม หนูไม่อยากไปอยู่ที่ซีเป่ย หนูอยากอยู่บ้าน”
เนี่ยหลางและถังอวี้สือหันมองถังหวยรุ่ย ทั้งสองยืนนิ่งราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบ ๆ นี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน
เนี่ยหลางรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาเป็นคนนอก
อย่างไรก็ตาม ถังอวี้สือรู้ว่าเรื่องนี้ได้ถูกตัดสินไปแล้ว ครอบครัวของเธอจบสิ้น แต่ถึงจะเข้าใจแต่ก็ไม่อาจยอมรับความจริงได้ เธอด้านชาทำอะไรไม่ถูก
ถังคุนเฉินและหลานอี้ไป๋ได้ยินถังหวยรุ่ยพูด ทั้งสองหันกลับมามอง
“หวยรุ่ย เราไม่มีหนทางแล้ว หากลูกได้รับความยินยอมจากผู้เฒ่าตระกูลและคุณปู่คุณย่า ลูกก็สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้ แต่ถ้าไม่ ลูกก็แค่ต้องไปซีเป่ยกับพวกเรา”
ถังหวยรุ่ยหันมองผู้เฒ่าถังและแม่เฒ่าถังทันที
“คุณปู่ คุณย่าคะ พวกคุณอยากให้ครอบครัวของเราไปอยู่ในเมืองที่เหน็บหนาวเช่นนั้นจริง ๆ หรือ? จากนี้ไปพวกเราจะไม่สามารถดูแลพวกคุณหรือแสดงความกตัญญูใดได้อีกแล้วนะคะ ปู่กับย่ายินดีที่จะให้มันเป็นอย่างนี้หรือคะ?”
แม่เฒ่าถังและผู้เฒ่าถังไม่ได้ต้องการให้ลูกชายคนเล็กของพวกเขาย้ายออกไป แต่เวลานี้พวกเขาไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจอะไรได้อีกแล้ว
แม่เฒ่าถังที่ไม่สามารถอดทนได้ เธอหันมองถังซวงโดยไม่รู้ตัวก่อนจะเอ่ยปากเสียงแผ่ว “ซวงเอ๋อร์ คุนเฉินกับภรรยาของเขาทำผิดไป แต่หวยรุ่ยกับอวี้สือไม่ได้ทำอะไร อย่างนั้น… ให้ครอบครัวของหวยรุ่ยอยู่ที่นี่ต่อได้ไหม?”
ถังซวงยังคงไม่แยแส กล่าวเสียงเรียบ “ฉันไม่สนใจค่ะ เพราะพวกเราตัดสินใจแล้ว และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ อีกอย่างถังอวี้สือรับรู้สถานการณ์ทั้งหมดอย่างดีแต่เธอกลับไม่ได้คิดจะห้ามปราม ถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยเหมือนกัน จะเรียกว่าผู้บริสุทธิ์ได้ยังไง?”
“เธอ…”
แม่เฒ่าถังถึงกับพูดไม่ออก ในแววตาเต็มไปด้วยความอับอายและโกรธเกรี้ยว
เธอมีสถานะเป็นผู้อาวุโสของถังซวง แต่เด็กคนนี้กลับไม่ให้เกียรติเธอเลย แม้จะอยู่ต่อหน้าคนทั้งตระกูลแบบนี้
“เอาละ ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ หลานอี้ไป๋ไม่ต้องการจากไป เราควรจะยึดแผนเดิมนี้ไว้ ส่งครอบครัวของเธอไปอยู่ที่ซีเป่ย และเมื่อถึงเวลา สั่งคนจับตาดูพวกเขาเอาไว้ ไม่ให้ก้าวขาออกจากซีเป่ยแม้แต่ก้าวเดียว”
“อืม”
ผู้เฒ่าตระกูลพยักหน้าก่อนจะสั่งให้คนไปจัดการทันที
“เดี๋ยว… ผมบอกว่าผมจะหย่า พวกคุณจะ…”
ก่อนถังคุนเฉินจะพูดจบ เขาถูกลากออกไป ทั้งครอบครัวถูกลากออกไปพร้อมกัน
เดิมทีถังซวงคิดลงโทษเนี่ยหลางอีกแบบหนึ่ง แต่เพราะเนี่ยหลางไม่ได้พูดอะไร และยืนเคียงข้างถังอวี้สืออย่างมั่นคง พวกเขาจึงต้องออกไปพร้อมกัน
หลังจากถังคุนเฉินและครอบครัวถูกลงโทษแล้ว ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ก็เรียกตัวผู้เฒ่าตระกูลรองเข้ามา
“เจ้ารอง ฉันรู้มาตลอดว่านายทะเยอทะยาน แต่ก็ไม่ได้คิดว่านายจะทำร้ายฉันอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้”
ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่มองผู้เฒ่าตระกูลรองด้วยแววตาผิดหวัง
หากแต่ผู้เฒ่าตระกูลรองเย้ยหยัน และกล่าวตอบว่า “ถังหยวนกัง หยุดเสแสร้งเสียที เดิมทีพี่กับฉันมีอำนาจเทียบเท่ากัน และเมื่อตระกูลถังต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติ ฉันทำงานอย่างหนักเพื่อรับตำแหน่ง แต่สุดท้ายคืออะไร? เพราะพี่อายุมากกว่า พี่เลยได้เป็นผู้เฒ่าตระกูลใหญ่! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!”
ผู้เฒ่าตระกูลแปดหันไปพูดกับผู้เฒ่าตระกูลรองอย่างอดไม่ได้ “ถังหยวนชัว แกมันไม่มีหัวใจ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ แกคงตายไปตั้งนานแล้ว คราวนั้นฉันจะไปช่วยพี่ใหญ่ แต่เพราะเขาจะช่วยแก ฉันเลยต้องยกยาทั้งหมดให้แก บนร่างกายของเขามีแต่บาดแผลถูกทิ้งไว้ดูต่างหน้า แต่แกก็ยังอิจฉาพี่ชายของตัวเองได้อยู่อีกหรือ!”
“โกหก! คราวนั้นทุกคนได้รับยา และฉันก็สมควรได้รับในส่วนของฉัน ไม่จำเป็นต้องรอให้ถังหยวนกังแบ่งให้!”
ผู้เฒ่าตระกูลแปดกล่าวคำด้วยน้ำเสียงขมขื่น “เพราะหลังจากกินยาแล้วอาการของแกมันไม่ดีขึ้นยังไงล่ะ พี่ใหญ่ถึงต้องแบ่งยาให้ อีกอย่างฉันก็ใช้ยาที่ฉันพกติดตัวไปให้แกด้วย หึ ตอนนั้นแกหมดสติไปแล้ว จะมารู้เรื่องอะไร!”
“หลังจากแกตื่น พี่ใหญ่ก็ไม่ได้บอกอะไร ฉันรู้เรื่องทั้งหมดนี้คนเดียว และคิดจะเล่าให้ฟังแล้ว แต่พี่ใหญ่ห้ามปรามไว้บอกมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันอยากจะถามจริง ๆ ว่าคนอย่างแกทำอะไรเพื่อตระกูลถังของเรากันแน่ มีแต่คิดอยากจะฆ่าพี่ใหญ่ของตัวเอง!”
ผู้เฒ่าตระกูลที่แปดตะคอกออกมาด้วยความโกรธ