การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 557 หัวเทียนจาง
บทที่ 557 หัวเทียนจาง
ผู้เฒ่าตระกูลรองได้ยินผู้เฒ่าตระกูลแปดกล่าว สีหน้าของเขาเผยความประหลาดใจล้นพ้น
“ฮึ่ม… แกจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ สุดท้ายฉันก็ไม่ได้หวังว่าหมาป่าตาขาวอย่างแกจะนึกซาบซึ้งหรอก แต่ฉันอยากจะทวงคืนความอยุติธรรมให้พี่ชายใหญ่เท่านั้น ตอนนั้นเขาไม่สมควรยื่นมือช่วยแกเลยจริง ๆ”
“เอาละ เจ้าแปด เรื่องนี้มันก็เกิดขึ้นนานแล้ว ไม่คิดว่านายจะยังจดจำได้”
หากผู้เฒ่าตระกูลที่แปดไม่กล่าวถึง ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ก็คงจะลืมเลือนเรื่องนี้ไปแล้วเช่นกัน
ผู้เฒ่าตระกูลรองหันมองผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ก่อนจะมองผู้เฒ่าตระกูลที่แปด เขารู้สึกไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลย มันไม่เหมือนกับที่เขาสัมผัสได้ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแม้แต่น้อย
ถังซวงเลิกคิ้วมองผู้เฒ่าตระกูลรอง เธอไม่คิดมาก่อนว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์เช่นนี้ และคงจะเป็นเรื่องจริงที่ผู้เฒ่ารองทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อทำลายตระกูลถัง ดังนั้นโทษของเขาจึงไม่ควรน้อยนิด “ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ คุณน่ะลงโทษผู้เฒ่าตระกูลรองด้วยตัวเองดีกว่านะคะ” เป็นการดีกว่าหากจะปล่อยให้พวกเขาจัดการเรื่องเหล่านี้เอง อีกอย่างเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพวกเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะตอบกลับ “ถอดถังหยวนชัวออกจากผู้เฒ่าตระกูล และเราจะจับตาดูเขาตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เขากระทำเรื่องใดที่เป็นการทำร้ายตระกูลถังอีกต่อไป”
ถังซวงพยักหน้า “ค่ะ”
ส่วนถังอวี้เทียนได้ยินว่าปู่ของเธอถูกลงโทษ เธอจึงตระหนักได้ว่าครอบครัวของเธอก็ถึงคราวสิ้นสุดเช่นกัน แต่หากเทียบกับสิ่งที่ถังคุนเฉินกระทำ สิ่งที่ปู่ของเธอทำลงไปนับว่าไม่อาจเทียบได้ เพราะเขาไม่ใช่ผู้บงการ เธอจึงหันมองปู่ของตัวเองและเห็นว่าสีหน้าของเขาดูว่างเปล่า เธอจึงต้องทำบางอย่างเพื่อหวังจะแก้ปัญหานี้ได้
“เดี๋ยวก่อน… ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่คะ ถึงปู่ของฉันจะทำผิด แต่เขาก็จ่ายเงินให้กับตระกูลมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา การลงโทษเขาไม่น่าจะรุนแรงขนาดนี้”
ผู้เฒ่าใหญ่เหลือบมองถังอวี้เทียน “เป็นเพราะเขาจ่ายเงินให้ตระกูลถังมากมายไงล่ะ ฉันถึงยอมให้เขาอยู่ในบ้าน ไม่อย่างนั้นเธอคิดว่าครอบครัวของเธอจะรอดหายนะนี้ไปหรือ?”
ถังอวี้เทียนถึงกับพูดไม่ออก แต่เมื่อเธอพยายามจะโต้แย้ง ผู้เฒ่าตระกูลรองก็หยุดเธอเอาไว้ “อวี้เทียน ไปกันเถอะ”
“เดี๋ยว…”
ถังซวงหยุดผู้เฒ่าตระกูลรองและถังอวี้เทียนเอาไว้
ผู้เฒ่าตระกูลรองหันกลับมาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มขื่นขม “ท่านผู้นำ เธอมีคำสั่งอื่นอีกงั้นหรือ”
ถังซวงเพิกเฉยต่ออีกฝ่าย ก่อนจะหันไปถามถังอวี้เทียน “แผ่นหยกจารึกที่เธอมอบให้ผู้เฒ่าถังนั้นได้รับมาจากไหน?”
ถังอวี้เทียนตกตะลึง เธอไม่อยากจะตอบ แต่ถังซวงเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่แล้ว หากเธอไม่ให้ความร่วมมือ สถานการณ์ของพวกเธออาจจะย่ำแย่ลงได้ หญิงสาวจึงพยายามระงับอารมณ์และอธิบายเรื่องราวด้วยความอดกลั้น “ตอนฉันออกไปข้างนอก ฉันได้จากคน ๆ หนึ่งมา เขาขอใช้มันแลกกับอาหาร ฉันเห็นว่ามันสวยดี และเป็นหยกใสบริสุทธิ์ เลยเอามันมาเป็นของขวัญวันเกิดให้ท่านผู้เฒ่า”
ถังซวงยังถามต่อ “แลกเปลี่ยนกับใคร? ที่ไหน? เธอไปที่ไหนมาบ้าง?”
ถังอวี้เทียนอดไม่ได้ที่จะนึกสงสัย
“เธอรู้ที่มาของแผ่นจารึกนั้นงั้นหรือ?”
ถังซวงไม่ตอบ ก่อนจะถามอีกครั้ง “จำได้ไหม?”
“ฉันลืมไปแล้ว ฉันไปเที่ยวมาหลายที่ และเมื่อสองสามวันก่อนฉันไปจัดข้าวของเลยเจอมัน ฉันลืมแผ่นหยกนี้ไปนานแล้วด้วยซ้ำ” เธอรู้สึกผิดเพราะไม่ได้เตรียมของขวัญไว้ล่วงหน้า จึงเหลือบมองถังซวงอย่างระแวดระวัง
ผู้เฒ่าถังที่เห็นถังซวงสนใจแผ่นหยกจารึกนั้น เขาเลยให้คนไปหยิบมันออกมาให้เธอ
“ซวงเอ๋อร์ แผ่นหยกจารึกนี้มีอะไรพิเศษ? ฉันไม่เห็นความพิเศษของมันเลย” ผู้เฒ่าถังมองมันสักครู่ ก็ไม่รู้สึกสนใจในแผ่นหยกจารึกนี้เท่าไหร่นัก เพราะมันไม่มีประโยชน์สำหรับเขา เขาจึงมอบมันให้ถังซวง “ซวงเอ๋อร์ ถ้าเธอสนใจ ฉันจะให้สิ่งนี้กับเธอ”
ถังซวงไม่ปฏิเสธ เธอรับแผ่นหยกมา พยายามตรวจสอบมันและพบว่าสิ่งนี้มันค่อนข้างคล้ายกันมาก แม้จะมีความแตกต่างจากที่จวงเหวินเหอมอบไว้ให้ แต่รูปลักษณ์ คุณภาพ ถังซวงมั่นใจได้ว่าแผ่นหยกนี้ถูกสร้างมาจากสถานที่เดียวกัน
เมื่อเห็นว่าถังซวงพยายามตรวจสอบมัน ผู้เฒ่าถังก็ยกยิ้มก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ถ้าหากว่าซวงเอ๋อร์ชื่นชอบของเหล่านี้ ในอนาคตหากฉันได้พบเจอพวกมันอีก ฉันจะเอามาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณปู่ทวด”
ได้ยินถังซวงปฏิเสธ ใบหน้าของเขาก็บึ้งตึงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เรื่องทั้งหมดคลี่คลายแล้ว ถังซวงจึงหันมองผู้เฒ่าตระกูลใหญ่ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับท่านผู้นำ โปรดระมัดระวังตัวด้วย”
ผู้เฒ่าตระกูลยกยิ้มโบกมือให้ถังซวง และไม่ลืมที่จะบอกกล่าวให้เธอไปพักผ่อน
ถังซวงหันไปหาถังหลาน “แม่คะ พวกเรากลับกันเถอะค่ะ”
“อ๋อ… จ้ะ!”
ถังหลานรู้สึกสับสนมาก ลูกสาวคนโตของเธอกลายเป็นผู้นำตระกูลถังไปได้ยังไง แต่ที่นี่มีคนมากเกินไป เธอไม่สามารถเอ่ยปากถามได้ จึงเดินออกจากห้องโถงหลักพร้อมกับถังซวง
หลังจากที่ถังซวงและคนอื่น ๆ กลับมาถึงลานของตนเอง ถังหลานถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ในที่สุดก็ได้กลับเสียที ตอนที่อยู่ในห้องโถงมีผู้คนตั้งมาก จนแม่ไม่กล้าจะพูดอะไรเลย”
จิงเจ้อหรงจับมือถังหลาน “ไม่ต้องกลัวหรอกครับ คุณอยากจะพูดอะไรก็สามารถพูดออกมาได้เลย”
ถังหลานยิ้มให้เขา และหันมองถังซวงและถังเซวี่ย “คุณยายของพวกลูกบอกว่าเดี๋ยวพวกลูกจะได้พบเจอกับคุณตาทวดด้วย”
ทันทีที่ถังหลานพูดจบแล้ว เสียงเรียกของหัวเฟยเฟิ่งก็ดังขึ้นจากด้านนอก
“อาหลาน…”
ถังหลานรีบไปเปิดประตูทันที พบว่านอกจากหัวเฟยเฟิ่งแล้วข้าง ๆ เธอยังมีชายวัยกลางคนที่ดูทรงภูมิสง่างามยืนอยู่ด้วย
หัวเฟยเฟิ่งกล่าวแนะนำ “อาหลาน อาเจ้อ นี่คือคุณตาของพวกลูก” จากนั้นเธอหันกลับมาแนะนำให้อีกฝ่ายรู้จักด้วย “พ่อคะ นี่คืออาหลาน ลูกสาวของหนู”
หัวเทียนจางพยายามผ่อนคลายใบหน้า ยกยิ้มแล้วพูดว่า “สวัสดี อาหลาน อาเจ้อ”
ถังหลานและจิงเจ้อหรงกล่าวทักทายอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นถังซวงและถังเซวี่ยเดินเข้ามา หัวเฟยเฟิ่งจึงกล่าวแนะนำต่อ “พ่อคะ ทั้งสองคนนี้คือลูกสาวของอาหลาน ถังซวงและถังเซวี่ย คนที่ยืนข้างถังซวงคือโม่เจ๋อหยวน คู่หมั้นของเธอค่ะ ส่วนอีกคนคือเฟิงเยี่ยหาน คนรักของเสี่ยวเซวี่ย”
หัวเทียนจางเงยหน้ามองจิงเจ้อหรง โม่เจ๋อหยวน และเฟิงเยี่ยหานก่อนจะพยักหน้ารับ “ดูดีทุกคนเลยนะ”
จิงเจ้อหรงและคนอื่น ๆ กล่าวขอบคุณหัวเทียนจาง “ขอบคุณครับ”
หัวเทียนจางโบกมือก่อนจะพูดขึ้นว่า “เอาละ เข้าไปคุยกันด้านในเถอะ”