การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 558 ห้องใหญ่
บทที่ 558 ห้องใหญ่
หลังจากนั่งลงแล้ว หัวเทียนจางมองดูครอบครัวของหลานสาวอย่างพินิจ ยิ่งมองมากเท่าไหร่ เขายิ่งมีความสุขมากเท่านั้น
“เฟยเฟิ่ง ทั้งอาหลานและหลานเขยของพ่อต่างสวยและหล่อจริง ๆ ดูสิ ลูก ๆ ก็ดูดีไม่แพ้กันด้วย คนรักของซวงเอ๋อร์และเสี่ยวเซวี่ยเองก็ดูดีมาก คงเป็นพรที่ลูกพยายามตามหาพวกเขา ไม่เพียงแต่ลูกสาวจะหน้าตาดี แต่ทุกคนในครอบครัวต่างหน้าตาดีหมดเลย”
หัวเทียนจางมีความสุขมาก เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ที่ลูกสาวของตนสูญเสียลูกไป เธอเอาแต่เก็บตัวในบ้านโดยไม่ออกไปไหน และยังไม่กลับไปที่บ้านของพ่อแม่เช่นเคย ถ้าหากลูกสาวล้มเลิกการตามหาลูก เธอคงจะต้องตายอย่างโดดเดี่ยว แต่ตอนนี้เขารู้สึกสบายใจแล้ว เด็กน้อยกลับมาหาแม่ และยังมีหลาน ๆ กลับมาด้วย อีกทั้งหลานสาวคนโตของลูกสาวยังเป็นผู้นำตระกูลถัง นับว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจจริง ๆ
หลังตระหนักได้ถึงเรื่องนี้แล้ว หัวเทียนจางหันมองถังซวงก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “ซวงเอ๋อร์ ฉันได้ยินว่าเธอสามารถกลั่นยาอายุวัฒนะที่แม้แต่ตระกูลถังเองก็ยังทำไม่ได้ เพราะเหตุผลนี้เธอเลยได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลถัง?” เพราะลูกของลูกสาวหายตัวไป ตระกูลหัวจึงไม่ได้ติดต่อกับตระกูลถังมากนัก และพวกเขาก็ไม่ทราบถึงสถานการณ์ภายในตระกูล วันนี้เมื่อได้ยินเรื่องราวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
ถังซวงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ค่ะ ในตระกูลถังมีตำรับยาโบราณอยู่ และหนูได้ยินว่าใครก็ตามที่สามารถกลั่นยาอายุวัฒนะภายในใบสั่งยานั้นได้ จะได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูล เพราะอย่างนั้นหนูเลยกลายเป็นผู้นำตระกูลถังแบบกะทันหันค่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ดี ๆ ซวงเอ๋อร์ของเราเก่งจริง ๆ แม้ไม่ได้เติบโตในตระกูลถัง แต่ยอดเยี่ยมกว่าคนของตระกูลถังมาก ทั้งยังสามารถทำในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรด้วย เก่งจริง ๆ”
ถังซวงรู้ดีว่ายายของเธอตระเตรียมคนไว้มากมายสำหรับการลงมือครั้งนี้ และส่วนใหญ่นั้นเป็นคนของคุณตาทวดคนนี้ เธอจึงค่อนข้างประทับใจในตัวหัวเทียนจางไม่น้อย “คุณทวดคะ หนูมียาบำรุงร่างกายด้วยนะคะ ถ้าคุณกินมันหนึ่งเม็ดก่อนนอนทุกคืน มันจะดีต่อสุขภาพ” กล่าวจบแล้ว เธอยื่นขวดหยกให้กับอีกฝ่าย
ได้ยินคำพูดอ่อนโยนของถังซวงและเห็นยาที่อีกฝ่ายมอบให้ หัวเทียนจางก็รับมันไว้ด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณนะซวงเอ๋อร์ ฉันจะกินทุกคืนเลย”
แม้เขาจะไม่รู้ว่าระดับการกลั่นยาของถังซวงอยู่ในระดับไหน แต่เพราะเธอแข็งแกร่งกว่าตระกูลถัง เขาจึงมั่นใจว่าเหลนคนนี้จะต้องเก่งกาจมาก และยาอายุวัฒนะที่เธอทำขึ้นต้องมีคุณภาพแน่นอน
ถังเซวี่ยเห็นว่าพี่สาวของเธอเรียกขานอีกฝ่ายว่าคุณทวด เธอเลยเรียกตามเช่นกัน แม้จะไม่สามารถกลั่นยาได้เช่นพี่สาว แต่เธอก็เตรียมของขวัญมา “คุณทวดคะ หนูได้ยินว่าสร้อยข้อมือนี้ดีต่อสุขภาพ คุณลองใส่ดูนะคะ”
หัวเทียนจางรับมันไว้พร้อมยกยิ้ม “อื้ม ฉันจะใส่มันไว้ตลอดไปเลย” จากนั้นเขาสวมใส่มันไว้บนข้อมือ
ถังเซวี่ยเห็นอย่างนั้น ก็ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
เทียบกับผู้เฒ่าถังแล้ว เธอรู้สึกชอบคุณทวดคนนี้มากกว่าใคร
ถังซวงและถังเซวี่ยมอบของขวัญเสร็จสิ้นแล้ว หัวเฟยเฟิ่งอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม “ทั้งสองคนเตรียมตัวมาดีมากจังนะ เดี๋ยวคุณตาทวดก็จะมอบของขวัญให้กับพวกเธอเหมือนกัน เขามีของดีมากมายเชียวละ”
หัวเทียนจางมองลูกสาวของตนก่อนยกยิ้มหยอกเย้า “ดูเหมือนลูกจะประเมินพ่อไว้สูงจังนะ เอาละ ไม่ต้องกังวล ฉันเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว” เขามอบของขวัญให้กับถังหลาน จิงเจ้อหรง ถังซวง ถังเซวี่ย ส่วนโม่เจ๋อหยวนกับเฟิงเยี่ยหานเองก็ได้รับด้วย “หากมีเวลาว่างก็มาเยี่ยมตระกูลหัวบ้างนะ ฉันจะได้แนะนำให้ทุกคนรู้จักกับครอบครัวของเรา”
หัวเฟยเฟิ่งตระหนักได้ว่าตนเองไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว จึงหันมองถังหลานพร้อมถามอย่างลังเล “อาหลาน… อีกสองสามวันเราไปที่นั่นกันดีไหม?”
ถังหลานตอบรับทันที “ได้ค่ะ”
ได้ยินลูกสาวตอบรับ หัวเฟยเฟิ่งยิ่งมีความสุข “ดีเลย งั้นพวกเราไปด้วยกันนะจ๊ะ”
หลังจากพูดคุยเสร็จสิ้น ถังคุนหาวก็เดินกลับเข้ามา
แต่พอหัวเฟยเฟิ่งเห็นถังคุนหาว สีหน้าของเธอก็บูดบึ้ง “พ่อของฉันมาเยี่ยม แต่คุณกลับไม่อยู่ต้อนรับเขา นี่ไม่อยากพบหน้าพ่อตาของตัวเองขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“ไม่ใช่นะ”
“หรือคุณไม่พอใจพวกเรา? คิดว่าพวกเราโหดเหี้ยมกับครอบครัวของคุณมากเกินไป?”
ถังคุนหาวเหลือบมองหัวเฟยเฟิ่งอย่างอ่อนใจก่อนจะกล่าวอธิบาย “ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมไปหาผู้เฒ่าตระกูลใหญ่และขอให้เขาช่วยจัดการบางอย่างก่อนที่ถังคุนเฉินกับคนอื่น ๆ จะออกไป จะได้คลายกังวลผมบ้างน่ะ”
หัวเฟยเฟิ่งประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าถังคุนหาวจจะทำเช่นนี้ เพราะเขานั้นเป็นคนใจอ่อนที่สุด แต่ตอนนี้กลับมารู้ดีว่าควรทำอะไร
ถังซวงเองยังเหลือบมองถังคุนหาวด้วยความประหลาดใจ
เธอคิดจะให้ถังคุนเฉินและครอบครัวกินยาก่อนที่จะออกเดินทาง แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นอีกแล้ว
ส่วนหัวเทียนจางระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมา เขาตบบ่าถังคุนหาวพร้อมกล่าวชมเชย “คุนหาว ครั้งนี้เธอทำได้ดีมาก”
ถังคุนหาวยกยิ้มบาง “ครับ เราพยายามอย่างหนักเพื่อตามหาอาหลาน และผมจะต้องปกป้องลูกสาวของผม”
หัวเทียนจางยกยิ้มพร้อมพยักหน้า
“ดี ดีแล้ว อีกสองวันพวกเราจะไปที่ตระกูลหัวพร้อมกับเฟยเฟิ่งและคนอื่น ๆ เธอเองก็ไม่ได้ไปที่นั่นนานแล้วนี่”
ถังคุนหาวพยักหน้ารับ “ครับพ่อตา”
หัวเทียนจางนั่งคุยต่ออีกสักพักก่อนจะกลับไปที่ลานของตัวเองเพื่อพักผ่อน
ถังซวงและคนอื่น ๆ แยกย้ายไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนถังซวงจะกลับไปที่บ้านของตัวเอง เธอสังเกตว่ามีคนกำลังขนของเข้าออก และสิ่งของเหล่านั้นค่อนข้างคุ้นเคย
ถังซวงเห็นว่าสิ่งของในห้องของตนถูกยกย้ายออกมา
แต่ทันใดนั้นถังคุนอวี้ก็ก้าวเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้ม
“ท่านผู้นำ พ่อของฉันบอกว่าเพราะเธอเป็นผู้นำตระกูลถังแล้ว จึงต้องไปอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ อีกทั้งเขาคิดว่าเธอคงคุ้นเคยกับของใช้เหล่านี้ เราเลยจะย้ายมันไปให้ด้วย”
ถังซวงเหลือบมองถังคุนอวี้สักหน่อยก่อนจะถาม “ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่เป็นคนสั่งหรือคะ?”
“ทั้งหมดเป็นความตั้งใจของคุณพ่อจริง เพราะผู้นำตระกูลทุกคนต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ นี่คือธรรมเนียมปฏิบัติของตระกูลถัง”
ถังซวงไม่ออกความคิดเห็น เพราะอยู่ตรงไหนก็เหมือนกัน
แต่โม่เจ๋อหยวนกำลังจะพูดบางอย่าง ทว่าถังคุนอวี้กล่าวขึ้นก่อน
“คุณชายโม่ ห้องของคุณก็อยู่ใกล้กับท่านผู้นำเช่นกัน ไปดูสถานที่กันเถอะ”
“ได้ครับ”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ดีใจที่ตนไม่ต้องอยู่ห่างจากถังซวง
เมื่อทั้งสามมาถึงห้องใหญ่ ถังซวงพบว่ามันถูกตกแต่งอย่างหรูหรา เพียงแต่เตียงนอนที่กว้างขวางสามารถรองรับได้ถึงสี่คนในคราวเดียว
“ท่านผู้นำ ตรวจสอบดูนะว่ามีอะไรที่ไม่ชอบ ถ้าเธอไม่ชอบอะไร พวกเราจะทำการปรับปรุงให้ทันที”
ถังซวงโบกมือทันที “มันดีมากแล้วค่ะ ไม่ต้องทำอะไรแล้ว”
“อืม อย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อน แต่ถ้าเธอต้องการอะไร ให้ใครสักคนมาตามฉันได้ทันที”
“ค่ะ”
หลังจากถังคุนอวี้จากไปแล้ว ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็สำรวจห้องโดยรอบ และขณะที่กำลังจะนั่งลงเพื่อพูดคุยกัน ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่กลับเดินเข้ามา
…………………………………………………