การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 563 เสียหน้า
บทที่ 563 เสียหน้า
ถังซวงเหลือบมองผู้คุ้มกันลับที่ปรากฏตัว กล่าวกับถังสือโดยตรง “หัวเทียนอวี้ดูหมิ่นฉัน ควรสั่งสอนเขาสักหน่อย” ความจริงแล้วเธออยากจะปิดปากหัวเทียนอวี้ตั้งแต่คราวแรกที่ได้พบ แต่เพราะความยับยั้งชั่งใจจึงปล่อยผ่าน แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าหัวเทียนอวี้จะไม่ทราบความผิดตัวเอง จึงสมควรได้รับบทเรียนสักหน่อย
“รับทราบ”
ถังสือและคนอื่น ๆ ได้ยินคำสั่งของถังซวงชัดเจน พวกเขาจึงก้าวไปด้านหน้าทันที
หัวเทียนอวี้มองคนที่ปรากฏตัวขึ้น ก่อนจะชี้นิ้วใส่ถังซวงแล้วพูดว่า “เธอ… เธอ… เป็นผู้นำตระกูลอะไรกัน? ทำไมคนพวกนี้ถึงเรียกเธอว่าผู้นำตระกูล?”
แต่ก่อนที่หัวเทียนอวี้จะถามจบ ถังสือและคนอื่น ๆ ก็เข้ามาประชิดตัวเขาแล้ว
ในฐานะที่หัวเทียนอวี้เป็นน้องชายของหัวเทียนจาง เขาย่อมมีทักษะการต่อสู้ แต่อาจเพราะเขาเสวยสุขมานานเกินไป จนทักษะเริ่มขึ้นสนิม จึงไม่สามารถต่อกรได้ และถูกถังสือกับคนอื่น ๆ จับไว้
หัวเทียนอวี้กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เวลานี้เขาเสียทั้งหน้าและศักดิ์ศรี
“ถังซวง คิดทำอะไร รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
แม้จะแปลกใจที่คนเหล่านั้นเรียกขานถังซวงว่าผู้นำ แต่เมื่อถูกจับกุมไว้เช่นนี้ ใบหน้าของชายชราแดงก่ำ ในใจว่างเปล่า และในสมองไม่มีความคิดดี ๆ ผุดขึ้นมาเลย
เมื่อได้ยินเสียงของหัวเทียนอวี้ คนอื่น ๆ ก็รู้สึกตัวขึ้นมา
เฟิงย่าอิงลุกขึ้นพร้อมตะโกนลั่น “ถังซวง เธอคิดทำอะไร? แค่เทียนอวี้พูดแทงใจดำไม่กี่คำ เธอถึงกับสั่งให้คนทำร้ายผู้อาวุโสของตัวเองเลยหรือ เธอทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง”
หัวโย่วเฉิงเองก็โกรธไม่แพ้กัน
เขาและหัวเฟยเฟิ่งอายุเท่ากัน แต่เขาไม่ได้สนใจถังซวงเลย เขาหันมาต่อว่าหัวเฟยเฟิ่ง “เฟยเฟิ่ง ครอบครัวของลูกสาวเธอทำอย่างนี้ได้ยังไง? ไม่เพียงแต่จะไม่เคารพพ่อแม่ของฉัน แต่ยังกล้ารังแกพ่อของฉันอีก พวกเธอคิดจะทำอะไรกันแน่?”
หัวเฟยหลงรีบก้าวเข้ามาเพื่อแก้ไขสถานการณ์
“คงจะเข้าใจผิดน่ะครับ ทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด” เขาหันมองถังซวงก่อนจะเอ่ยปากเสียงแผ่ว “ซวงเอ๋อร์… ปล่อยเขาก่อนได้ไหม ตาทวดรองคงจะอารมณ์ไม่ดี ความจริงแล้วเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ความคิดของเขาอาจจะมีปัญหานิดหน่อย แต่เรื่องนี้พวกเราสามารถคุยกันได้”
ถังซวงยกยิ้มก่อนจะหันมองหัวเฟยหลงแล้วพูดว่า “โอ้… ดูเหมือนตารองของฉันจะคิดว่าสิ่งที่หัวเทียนอวี้กล่าวถูกต้องแล้วใช่ไหมคะ เขาพ่นคำใส่พวกเราอย่างไร้มารยาท แต่กลับบอกว่าเป็นเพราะอารมณ์ไม่ดีงั้นหรือ?”
หัวเฟยหลงยิ้มก่อนจะส่ายศีรษะ “ซวงเอ๋อร์ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“แล้วคุณหมายความว่ายังไงล่ะคะ?”
ก่อนหัวเฟยหลงจะกล่าวอะไร ลูกสาวคนเล็ก หัวยี่ฮวนเดินเข้ามาพร้อมสีหน้าโกรธเกรี้ยว
“ถังซวง เธอหมายถึงอะไรกันแน่? ที่พ่อพูดออกไปมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เธอคาดคั้นกับปู่ของฉันยังไม่พองั้นหรือ? ตอนนี้ยังมาหาเรื่องพ่อของฉันอีก นี่เธอมาเหยียบตระกูลหัวครั้งแรกนะ”
หัวยี่ฮวนเป็นลูกสาวคนเล็กของหัวเฟยหลง เขากับภรรยามีลูกสาวตอนอายุมาก จึงรักใคร่หัวยี่ฮวนมาก ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างเอาแต่ใจ เมื่อเห็นว่าถังซวงไม่ยอมแพ้ และคิดจะหาเรื่องพ่อกับปู่ของตน เธอจึงต่อว่าถังซวง
ยิ่งไปกว่านั้น ในด้านความอาวุโส เธอยังมีศักดิ์เป็นน้าของถังซวงด้วย
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงเงยหน้ามองหัวยี่ฮวนก่อนจะถามเสียงเรียบ “คุณเป็นใคร”
“เธอ…”
เมื่อเห็นถังซวงไม่ได้สนใจเธอสักนิด แววตาของหัวยี่ฮวนยิ่งเย็นชา เมื่อเธอกำลังจะพูดบางอย่าง หัวเทียนจางก็เอ่ยปากขึ้นว่า
“ทุกคนหุบปากได้แล้ว…”
หัวเทียนจางที่เกรี้ยวกราด ไม่ได้ทำให้เฟิงย่าอิงหวาดกลัวแม้แต่น้อย เธอหันมองหัวเทียนจาง “พี่ใหญ่ เทียนอวี้ยังถูกจับตัวอยู่ พี่ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรือคะ? เหลนของพี่คนนี้ก้าวร้าวเกินไปแล้ว เธอกล้าทำแบบนี้ทั้งที่เพิ่งมาเหยียบที่นี่ เธอคิดว่าเธอเป็นใครกัน?”
แม้ว่าถังสือและคนอื่น ๆ จะเรียกถังซวงว่าเป็นผู้นำตระกูล แต่พวกเขาเองก็โกรธกับสถานการณ์ตรงหน้ามาก ไม่คิดสนใจเรื่องสถานะเหล่านั้นอีกแล้ว
ถังสือผู้เป็นหัวหน้าของผู้คุ้มกันลับหันมองเฟิงย่าอิงด้วยใบหน้าเย็นชาก่อนจะกล่าวตอบ “หุบปาก! ผู้นำตระกูลถังของพวกเราไม่ใช่คนที่พวกคุณจะมากล่าวดูถูกได้ตามใจชอบ หัวเทียนอวี้ดูหมิ่นผู้นำตระกูลถังของเราทางวาจาหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะท่านผู้นำใจกว้าง เขาคงถูกสั่งสอนไปตั้งแต่แรกแล้ว”
“อะไร… ผู้นำตระกูลถัง?”
ไม่ต้องกล่าวถึงหัวเทียนอวี้ แม้แต่ตระกูลหัวทั้งหมดที่ยืนอยู่ก็หันมองถังซวงด้วยความตกตะลึง
หัวเทียนจางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ซวงเอ๋อร์ของเรามากด้วยพรสวรรค์ และเธอคือผู้นำตระกูลถัง เธอถึงกับมาเยี่ยมตระกูลหัวของเรา แต่กลับถูกต้อนรับเช่นนี้นับว่าขายหน้า แต่เพราะเธอยังใจกว้าง พวกเธอจึงรอดพ้น แต่หากฉันเป็นหัวหน้าตระกูลถัง… ฉันคงไม่ยอมให้พวกเธอได้มีปากพูดเจื้อยแจ้วอย่างนี้แน่!”
“พี่ใหญ่… พี่…”
เฟิงย่าอิงหน้าแดงก่ำหลังได้ยินคำพูดของหัวเทียนจาง
คนอื่น ๆ เองก็ตื่นตระหนกด้วยเช่นกัน
“อะไรนะ… หลานสาวของเฟยเฟิ่งคือผู้นำตระกูลถังงั้นหรือ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“ฉันก็ไม่รู้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย เหลือเชื่อจริง ๆ”
“น่าประหลาดใจจริง ๆ มันเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลถัง? ทำไมถังคุนหาวกับคนอื่นไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นผู้นำตระกูล? ทำไมพวกเขาถึงเลือกเด็กสาวไม่ประสีประสาอย่างถังซวง”
“แม้ว่าพวกเขาจะเลือกเด็ก แต่ว่าในหมู่คนหนุ่มสาวของตระกูลถัง ยังมีอีกคนที่ชื่อถังอวี้สือไม่ใช่หรือ? ความสามารถของเธอยอดเยี่ยมมาก ควรจะเลือกเธอคนนั้นมากกว่า ทำไมถึงกลายเป็นถังซวงได้ล่ะ?”
หลายคนคิดว่าพวกตนกล่าวเสียงเบาแล้ว แต่ถังซวงกลับได้ยินชัดเจน
เพียงเพราะว่าที่นี่คือตระกูลหัว เธอจึงจัดการกับหัวเทียนอวี้เท่านั้น ไม่คิดจัดการคนอื่น ๆ ในครอบครัวนี้ จึงไม่ได้โต้ตอบอะไรเพียงแค่เดินเข้าหาหัวเทียนอวี้แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หัวเทียนอวี้ ถึงคุณจะเป็นผู้อาวุโส แต่ในฐานะผู้นำตระกูลถังแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องนับถือคุณ นอกจากนี้… ฉันมีคู่หมั้นแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคุณให้มายุ่งวุ่นวายในเรื่องของฉัน และถ้าหากว่าคุณอยากจะยุ่งกับชีวิตของคนอื่นมากนัก และมีคนเหมาะสมที่พร้อมแต่งงาน ก็ควรจะหาสิ่งเหล่านั้นให้กับหลานสาวของตัวเองไปซะ”
“เธอ…”
หัวเทียนอวี้หน้าแดงก่ำด้วยความอับอายเมื่อได้ยินคำพูดที่รุนแรงของเด็กสาว แม้เขาจะรู้ว่าคำพูดของตนทำให้ถังซวงขุ่นเคือง แต่ชายชราก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ผิด เพราะใครจะจินตนาการได้ว่าถังซวงจะกลายเป็นผู้นำตระกูลถัง และสิ่งที่เขาพูดออกไปจะกลายเป็นดูหมิ่นอีกฝ่ายไปเสียได้
ด้วยท่าทีของหัวเทียนอวี้ ถังซวงเองรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตระหนักเลยว่าตนเองทำผิดไป เธอเองก็ไม่คิดสนใจคนประเภทนี้ด้วย
“ถังสือ สั่งสอนบทเรียนให้เขาพอแล้วละ ปล่อยไปได้”
ถังสือไม่คิดว่านี่เป็นบทเรียนด้วยซ้ำ แต่ถังซวงเอ่ยปากแล้ว เขาจึงไม่โต้แย้ง ปล่อยอีกฝ่ายไปอย่างไม่ยินดีนัก
…………………………………………………