การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 564 ตามสืบกันและกัน
บทที่ 564 ตามสืบกันและกัน
แน่นอนว่าถังซวงเองก็อยากจะสั่งสอนบทเรียนให้กับหัวเทียนอวี้ด้วยเหมือนกัน แต่เธอจำเป็นต้องรักษาใบหน้าของหัวเทียนจางไว้ ไม่อยากทำให้เรื่องใหญ่เกินไปนัก
หลังจากปล่อยตัวหัวเทียนอวี้แล้ว ถังสือและคนอื่น ๆ ก็หายไปในความมืดอีกครั้ง
ทุกคนในตระกูลหัวจึงทราบทันทีว่าหลานสาวของหัวเฟยเฟิ่งไม่ใช่ธรรมดา เธอถึงกับเป็นผู้นำตระกูลถังได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วยังมีผู้คุ้มกันส่วนตัวของตระกูลถังด้วย ตำแหน่งผู้นำตระกูลถังถูกแต่งตั้งแล้วจริง ๆ
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ ทุกคนหันมองถังซวงด้วยสายตาที่แตกต่างไป
ทว่าถังซวงเพิกเฉยต่อสายตาของตระกูลหัว ก่อนจะหันมองหัวเทียนจางแล้วกล่าวขึ้นว่า “คุณตาทวดคะ เราไปดื่มอวยพรกันต่อดีไหมคะ?”
หัวเทียนจางพยักหน้า “ไปสิ” เขาไม่คิดมองหัวเทียนอวี้ด้วยซ้ำ เวลานี้เขาเดินนำถังหลานและครอบครัวไป
“พ่อครับ เป็นยังไงบ้าง”
เห็นว่าหัวเทียนอวี้ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้ หัวโย่วเฉิงรีบเข้ามาช่วยพยุง หัวอวี้เหวินก็รีบเข้าช่วยเหลือด้วยเช่นกัน ทั้งสองพยุงหัวเทียนอวี้ขึ้นนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง ขณะเดียวกันเธอก็กล่าวกระซิบ “คุณปู่ทำไมถึงเป็นอย่างนี่ล่ะคะ ทั้งที่ปู่โดนรังแกแท้ ๆ คุณปู่ใหญ่ไม่คิดอะไรบ้างเลยหรือ? คุณปู่ก็อยู่ในตระกูลหัวเหมือนกันนะ ให้ถังซวงมารังแกแบบนี้มันไม่ต่างอะไรจากการรับความอับอายมาสู่ครอบครัว!”
ทุกคนได้ยินที่หัวอวี้เหวินกล่าวแล้ว และพวกเขาเองก็คิดว่ามันมีเหตุผล
แม้ถังซวงจะเป็นผู้นำตระกูลถัง แต่เธอก็อายุน้อยกว่ามาก อีกทั้งเธอยังกล้าสั่งสอนหัวเทียนอวี้ต่อหน้าคนมากมาย สิ่งนี้ทำให้ตระกูลหัวทักท้วงได้เลยนะ
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวถึงเรื่องที่ถังซวงพูดก่อนหน้านี้ เธอหันมองหัวเทียนอวี้ก่อนจะถามว่า “เทียนอวี้ นายพูดอะไรที่ไม่สมควรก่อนหน้านี้หรือเปล่า? ทำไมสาวน้อยถึงปฏิบัติกับนายอย่างนี้”
ส่วนหัวเทียนอวี้ยังไม่ทราบถึงความผิดของตนเอง เขากล่าวออกมา “ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นผู้นำตระกูลถัง คิดว่าเธอเป็นแค่หลานสาวของเฟยเฟิ่ง และหลานสาวที่เติบโตจากโลกภายนอกคงไม่รู้ว่าในตระกูลถังเต็มไปด้วยคนที่ยอดเยี่ยมมากมาย ไม่ใช่ว่าฉันเสียดายที่สองคนนั้นสวยมาก แต่ฉันคิดว่าพวกเธอไม่เหมาะสมที่จะแต่งงานกับผู้ชายจากครอบครัวธรรมดา ๆ ที่มีเพียงรูปลักษณ์ที่ดีไม่ใช่หรือไง? ฉันก็แค่เป็นห่วง แต่สุดท้ายพวกนั้นกลับกลายเป็นว่าฉันผิด”
“นี่… พวกเธอมีคู่หมั้นแล้ว แต่นายดันไปบอกให้พวกเขาแต่งงานกับคนอื่น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงโกรธนายขนาดนี้”
ผู้ที่กล่าวขึ้นเป็นชายชรา เขาอายุมากกว่าหัวเทียนอวี้ ดังนั้นถ้อยคำของเขาจึงค่อนข้างสบาย ๆ
เมื่อหัวเทียนอวี้ได้ยินอย่างนั้น ก็ตะคอกกลับไปว่า “ถึงผู้ชายสองคนนั้นจะหน้าตาดี แต่พวกเขาไม่ได้มาจากตระกูลถัง และก็ไม่มีความสามารถอะไร ฉันแค่แนะนำในสิ่งที่ดีให้เพราะเป็นห่วง เข้าใจหรือเปล่า?”
เมื่อชายชราเห็นว่าหัวเทียนอวี้ยังคงพูดยืนหยัดอยู่อีก เขาไม่อยากพูดอะไรแล้ว และรู้ว่าพูดมากไปคงไม่มีประโยชน์
คนอื่น ๆ ก็ทราบเหตุผล บางคนคิดเช่นเดียวกับหัวเทียนอวี้ แต่บางคนก็คิดแบบชายชรา ทุกคนคิดแตกต่างกันไป แต่พวกเขาไม่ได้แสดงออกผ่านสีหน้า
อีกด้านหนึ่ง หัวเทียนจางแนะนำให้ถังหลานรู้จักคนในตระกูลหัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากเสร็จสิ้นแล้วจึงกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง
“อาหลาน อาเจ้อ รีบกินอะไรสักหน่อยเถอะ แม้ในตระกูลหัวจะมีคนไม่มาก แต่ก็คงจะเหนื่อยที่ต้องเดินทักทายทุกคนแบบนี้”
ถังหลานยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “ไม่เหนื่อยเลยค่ะ”
จิงเจ้อหรงที่อยู่ข้าง ๆ เริ่มตักผักให้กับถังหลาน “อาหลาน กินข้าวหน่อยเถอะครับ”
หัวเทียนจางพยักหน้าเบา ๆ เมื่อเห็นจิงเจ้อหรงห่วงใยถังหลานเช่นนี้ โม่เจ๋อหยวนกับเฟิงเยี่ยหานเองก็เช่นกัน เวลานี้ถังซวงกับถังเซวี่ยเริ่มรับประทานอาหารแล้ว
หลังจากหลายคนรับประทานอาหารเสร็จ หัวเฟยเฟิ่งพาถังหลานและคนอื่น ๆ ไปยังลานบ้านที่เตรียมไว้
“อาหลาน ลานนี้ค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว ครอบครัวของลูกสามารถอยู่ที่นี่ด้วยกันได้ ลูกลองเข้าไปดูก่อน ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็บอกแม่ได้”
เมื่อเห็นห้องที่ถูกตกแต่งสวยงามตรงหน้า ถังหลานก็เอ่ยปากชื่นชม “สวยมากเลยค่ะ แล้วพวกเราจะไม่พอใจได้ยังไง”
หัวเฟยเฟิ่งดีใจมากเมื่อเห็นว่าลูกสาวชอบ
“ชอบก็ดีแล้ว พักผ่อนให้เต็มที่ เดี๋ยวหลังจากตื่นนอนแม่จะพาไปเดินเล่นรอบ ๆ”
“ค่า”
หลังจากหัวเฟยเฟิ่งจากไป ถังหลานหันมองลูกสาวสองคนก่อนจะถามว่า “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ห้องพวกนี้คล้าย ๆ กันหมดเลย พวกลูกชอบห้องไหนเป็นพิเศษไหม? เลือกได้เลยนะ”
ถังซวงและถังเซวี่ยไม่สนใจว่าพวกเธอจะอยู่ที่ไหน พวกเธอจึงตัดสินใจเลือกห้องอย่างง่าย ๆ
โม่เจ๋อหยวนเลือกห้องที่อยู่ติดกับถังซวง ส่วนเฟิงเยี่ยหานเองก็เลือกห้องที่ติดกับถังเซวี่ย
ถังหลานและจิงเจ้อหรงที่เห็นแบบนั้นก็ยกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “เอาละ ทุกคนกลับไปพักผ่อนเถอะจ้ะ”
ถังซวงไม่ได้พักผ่อนทันที เธอบอกให้ถังสือตรวจสอบเรื่องของตระกูลหัว เพราะเธอจำเป็นต้องรู้จักตระกูลนี้ให้มากขึ้นเพราะหากมีบางอย่างเกิดขึ้นจะได้ตั้งรับทัน
อีกด้านหนึ่ง ก็มีคนสอบถามเรื่องของถังซวงกับคนอื่น ๆ เช่นกัน
“ยี่ฮวน ฉันส่งคนไปสืบเรื่องของถังหลานและครอบครัวของเขาแล้ว” ผู้ที่กล่าวเป็นหญิงสาวดูอ่อนโยน หัวอวี้เหวินลูกสาวของหัวโย่วเฉิง และคนที่อยู่ตรงหน้าของพวกเธอคือหัวยี่ฮวน ลูกสาวคนเล็กของหัวเฟยหลง พวกเธอล้วนแต่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตั้งแต่ยังเด็ก
หลังได้ยินคำพูดของหัวอวี้เหวินแล้ว หัวยี่ฮวนพยักหน้ารับ “อืม ฉันอยากรู้เรื่องของพวกนั้นโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะถังซวงนั่น” สายตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “นังเด็กสารเลวนั่นอายุน้อยกว่าฉัน แต่กลับเย่อหยิ่งได้ขนาดนั้น ฉันจะไม่ปล่อยมันไปแน่”
หัวอวี้เหวินเองก็ไม่ชอบถังซวงมากเหมือนกัน เธอพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย “ใช่ จะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด เป็นผู้นำตระกูลถังแล้วยังไง? คิดจะทำอะไรก็ได้งั้นหรือ? เราจะต้องเอาคืนให้สาสม”
“แน่นอน”
หัวยี่ฮวนที่มีชีวิตสุขสบายตั้งแต่เด็ก แต่วันนี้เธอกลับถูกถังซวงดูหมิ่น ไม่สามารถอดทนกับความอับอายนี้ได้
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน หัวเฟยหลงเดินเข้ามา
ทันทีที่หัวอวี้เหวินเห็นหัวเฟยหลงเดินเข้ามา เธอลุกขึ้นกล่าวทักทาย “คุณลุง”
หัวเฟยหลงเห็นว่าหัวอวี้เหวินอยู่ที่นี่ด้วย เขาพยักหน้ารับก่อนจะกล่าวทัก “อวี้เหวิน อยู่ที่นี่ด้วยหรือ”
หัวอวี้เหวินกลัวหัวเฟยหลงตั้งแต่ไหนแต่ไร เมื่อเห็นว่าเขากลับมาแล้ว เธอลุกขึ้นทันที “คุณลุง ฉันจะกลับแล้วค่ะ”
“อืม”
หลังจากหัวอวี้เหวินจากไปแล้ว หัวเฟยหลงหันมองหัวยี่ฮวนแล้วเอ่ยปาก “ยี่ฮวน ป้าของลูกพบเจอกับลูกสาวของเธอ ลูกต้องใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับอาหลานและคนอื่น ๆ นะ” และเมื่อนึกถึงช่องว่างระหว่างอายุของถังหลานกับหัวยี่ฮวน หัวเฟยหลงจึงพูดขึ้นว่า “ความจริงแล้วลูกน่าจะเข้ากับถังซวงและถังเซวี่ยได้ดีกว่า เพราะอายุไล่ ๆ กัน”
ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของหัวยี่ฮวนเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
“พ่อคะ พ่อไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้หรือ? ถังซวงไม่ได้สนใจหนูด้วยซ้ำ พ่อยังคิดว่าเราสองคนจะสนิทกันได้อีกหรือคะ?”