การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 565 ใส่ร้าย
บทที่ 565 ใส่ร้าย
หัวเฟยหลงกล่าวตอบไปว่า “ตอนนั้นถังซวงไม่รู้จักลูก และแน่นอนว่าเธอไม่รู้ว่าลูกเป็นใคร มันจะดีแน่นอนถ้าหากว่าพวกลูกสานสัมพันธ์กันไว้ เพราะถังซวงเป็นผู้นำตระกูลถัง นั่นหมายความว่าเธอจะต้องเก่งกาจมากและมันจะดีหากเราทำความรู้จักเธอเอาไว้”
ได้ยินพ่อของตนชื่นชมถังซวงอย่างนั้นอย่างนี้ หัวยี่ฮวนก็หัวเราะออกมา “พ่อคะ ถึงหนูจะอยากรู้จักเธอ แต่พ่อก็ต้องดูด้วยว่าเธออยากจะรู้จักหนูไหม อีกอย่างถังซวงเป็นถึงผู้นำตระกูลถัง พ่อคิดว่าเธอจะยอมลดตัวมาคุยกับหนูหรือคะ?”
หัวเฟยหลงเงียบไป ก่อนจะกล่าวต่อว่า “นอกจากถังซวงแล้วก็ยังมีถังเซวี่ยไม่ใช่หรือ? พ่อคิดว่าถังเซวี่ยน่าจะอ่อนโยนกว่า ลูกและถังเซวี่ยน่าจะเข้ากันได้ดีเพราะนิสัยดูคล้ายกันด้วย”
หัวยี่ฮวนกำลังจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อได้ยินคำพูดของหัวเฟยหลง เธอก็พยักหน้าเห็นด้วย “ค่ะ หนูก็รู้สึกว่าถังเซวี่ยดูอ่อนโยนกว่า พวกเราน่าจะคุยกันได้”
เมื่อลูกสาวยินยอมแล้ว หัวเฟยหลงพยักหน้าก่อนจะออกไปทันที
หัวยี่ฮวนมองหัวเฟยหลงที่เดินออกไปพร้อมกำหมัดแน่น
แน่นอน ถังซวงไม่รู้ถึงบทสนทนาระหว่างหัวยี่ฮวนกับพ่อของหล่อน ตอนนี้เธอกำลังพูดคุยกับโม่เจ๋อหยวนเกี่ยวกับตระกูลหัว “ไม่คิดเลยว่าคุณยายจะมีน้องชายบุญธรรมด้วย แถมฉันก็ไม่รู้สถานการณ์ของพวกเขาเลย ลูกชายน่ะสำคัญมากเลยหรือไงนะ?”
โม่เจ๋อหยวนยิ้มและกล่าวปลอบ “ซวงเอ๋อร์ อย่าไปสนใจเรื่องนั้นเลย วันมะรืนนี้พวกเราก็กลับกันแล้วนี่”
ถังซวงพยักหน้ารับ “อื้ม ถึงเรากำลังจะกลับในไม่กี่วันนี้ แต่เราก็ยังอยู่ในตระกูลหัว คงต้องทราบเรื่องของที่นี่ด้วย”
“อย่างนั้นเราก็ถามคุณยายก็ได้”
ขณะทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ถังเซวี่ยกับเฟิงเยี่ยหานก็เดินเข้ามา
“พี่คะ พวกพี่ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่”
ถังซวงยกยิ้มตอบ “เพิ่งตื่นเมื่อกี้นี่เอง”
พวกเขาคิดจะนั่งพูดคุยกันสักครู่ แต่หัวเฟยเฟิ่งกลับมาถึงแล้ว “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย หลับสบายกันไหมจ๊ะ”
“พวกเราพักผ่อนกันสบายมากค่ะคุณยาย”
“คุณยายจะพาพวกเราไปเดินเล่นหรือคะ? ให้หนูไปเรียกพ่อกับแม่ไหม?”
หัวเฟยเฟิ่งรีบพูดขึ้น “เสี่ยวเซวี่ย พ่อกับแม่ของหลานน่าจะพักผ่อนอยู่ ให้พวกเขานอนต่อสักหน่อยเถอะ เราไปเยี่ยมครอบครัวหัวก่อนดีกว่า”
“ค่ะ”
หัวเฟยเฟิ่งไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว เมื่อเธอพาถังซวงกับคนอื่น ๆ ออกไปเดินเล่น จึงเดินเสียนานจนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น ซึ่งเป็นหัวเทียนจางที่มาเรียกพวกเธอไปทานอาหาร
ขณะถังซวงกำลังรับประทานอาหาร หัวยี่ฮวนเองก็มารับประทานอาหารด้วยเช่นกัน
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว หัวอวี้เหวินมาหาหัวยี่ฮวนอีกครั้ง
“ยี่ฮวน ฉันให้คนไปสอบถามเกี่ยวกับถังหลานและครอบครัวแล้ว ไม่คิดเลยว่าครอบครัวของถังหลานจะกว้างขวางขนาดนี้” หลังจากนั้นเธอก็บอกเล่าทุกอย่าง และกล่าวถึงถังซวง “ส่วนถังซวงน่ะไม่ธรรมดาจริง ๆ นั่นแหละ ฉันได้ยินว่าพรสวรรค์ของเธอสุดยอดมาก แม้แต่ถังอวี้สือยังสู้ไม่ได้”
หัวยี่ฮวนเคร่งเครียดหลังได้ยินอย่างนั้น
“ถังซวงเก่งขนาดนั้นเชียว?”
“ใช่ น่าประหลาดใจจริง ๆ ไม่ใช่เพียงทักษะการต่อสู้ แต่เธอยังมีทักษะการแพทย์ด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถเป็นผู้นำตระกูลถังได้หรอก” หัวอวี้เหวินบอกด้วยความลำบากใจ ก่อนจะนึกถึงข่าวบางอย่าง “ยี่ฮวน เราทำอะไรไม่ได้แล้วแหละ ถังซวงไม่ใช่คนที่เราจะไปยั่วยุเลย”
หัวยี่ฮวนเหลือบมองหัวอวี้เหวินอย่างเย้ยหยัน “ถึงถังซวงจะเก่งกาจ แต่พวกเราก็ไม่ได้ด้อยกว่า ยิ่งไปกว่านั้น… เราไม่ต้องเผชิญหน้ากับถังซวงตรง ๆ ก็ได้ ถังเซวี่ยก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง? หากเทียบกับถังซวงแล้ว ถังเซวี่ยดูธรรมดามาก แถมสองพี่น้องนั่นก็สนิทกัน เราจัดการกับน้องสาวของหล่อนก็พอแล้ว”
หัวอวี้เหวินตาเป็นประกายขึ้นมา “ยี่ฮวน ที่เธอพูดก็ถูก เรามาจัดการถังเซวี่ยกันดีกว่า”
“เอาละ ในเมื่อเราเห็นตรงกันแล้ว เรามาคิดวิธีจัดการกับถังเซวี่ยกันเถอะ”
ทั้งสองนั่งวางแผนด้วยกัน หัวอวี้เหวินคิดจะไปสืบประวัติของเฟิงเยี่ยหานจึงกล่าวขึ้นว่า “แม้ผู้นำตระกูลจะบอกว่าเฟิงเยี่ยหานเป็นคู่หมั้นของถังเซวี่ย แต่จากที่ฉันรู้มา ทั้งสองคนยังไม่ได้หมั้นกัน”
หัวยี่ฮวนมองหัวอวี้เหวินด้วยรอยยิ้ม “อวี้เหวิน เธอตรวจสอบแล้วใช่ไหม ถ้าผู้นำตระกูลเรากล่าวออกมาอย่างนั้น หมายความว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนน่าจะดีมาก”
“ใช่ พวกเขารักกันมาก”
หัวอวี้เหวินอดไม่ได้ที่จะเผยความริษยาออกมา
“สองพี่น้องถังซวงและถังเซวี่ยอายุไม่มาก แต่กลับเจอคู่ครองแล้ว ดีจริง ๆ เลยนะ อีกอย่างหากมองแค่หน้าตา ทั้งโม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานก็ถือว่าหล่อไม่เบา”
หากเป็นเรี่องนี้ หัวยี่ฮวนเองก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน
“ใช่เขาหล่อมากจริง ๆ แต่ความหล่อน่ะกินไม่ได้หรอก” สิ่งที่พวกเธอทั้งสองคนให้ความสำคัญเป็นเรื่องอื่นมากกว่า ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสบาย ๆ ก่อนจะเริ่มวางแผนกัน
ส่วนถังเซวี่ยที่ตอนนี้ไม่รู้เลยว่ามีคนจ้องเล่นงานเธออยู่ หันมองหัวเฟยเฟิ่งด้วยความประหลาดใจก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “คุณยายคะ ทั้งหมดนี้ให้หนูหรือ?”
หัวเฟยเฟิ่งพยักหน้ารับ “ใช่ ทั้งหมดนี้สำหรับหลาน”
เวลานี้ในมือของถังเซวี่ยเต็มไปด้วยอัญมณีมากมายหลากสีสัน
แต่ไม่ว่าถังเซวี่ยจะชอบมันมากแค่ไหน เธอก็รู้ว่าของเหล่านี้มีราคาแพง จึงผลักมันกลับคืนไป “ของพวกนี้แพงเกินไป หนูรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“รับไว้เถอะเสี่ยวเซวี่ย พี่สาวของหลานก็ได้เหมือนกัน”
หัวเฟยเฟิ่งมอบสิ่งของเหล่านี้ให้กับถังเซวี่ยก่อนจะเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม
หลังจากหัวเฟยเฟิ่งจากไปแล้ว ถังเซวี่ยรีบเก็บอัญมณีเหล่านี้อย่างรวดเร็ว
เฟิงเยี่ยหานเห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มเอ็นดู “เสี่ยวเซวี่ย หลังจากเรากลับไปแล้ว ผมจะให้ของคุณแบบนี้บ้างดีไหม?”
ถังเซวี่ยส่ายศีรษะทันที “มันไม่จำเป็นเลยนะ ฉันไม่ได้ต้องการมันด้วย”
เฟิงเยี่ยหานเห็นแววตามั่นคงของถังเซวี่ยแล้ว เขาจึงหยุดปากไว้ไม่พูดแกล้งเธออีก
ทั้งสองนั่งคุยกัน แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านนอกเสียก่อน
“ที่นี่แหละ เข้าไปกันเถอะ”
ถังเซวี่ยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นว่ามีคนจำนวนมากมาที่นี่ ก็ประหลาดใจเล็กน้อย “พวกคุณ… เกิดอะไรขึ้น?”
“ถังเซวี่ย ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคนอย่างนี้ เธอถึงกับขโมยของของคนอื่นได้”
“อะไรนะ…”
ถังเซวี่ยเข้าใจคำพูดเหล่านั้นดี แต่เธอยังไม่เข้าใจสถานการณ์ “ฉันไปขโมยของตั้งแต่เมื่อไหร่?”
…………………………………………………