การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 566 สั่งสอนบทเรียน (1)
บทที่ 566 สั่งสอนบทเรียน (1)
ถังเซวี่ยปฏิเสธ ส่วนหัวอวี้เหวินที่อยู่ตรงหน้าเผยสีหน้าเคร่งขรึม “โกหก มีคนเห็นว่าเธอเอาจี้หยกของฉันไป แต่เธอยังบอกว่าไม่ได้เอาไปอีกหรือ”
หลังได้ยินอย่างนั้น ถังเซวี่ยก็ตระหนักถึงบางอย่าง
ขณะที่เธอกำลังจะพูด เฟิงเยี่ยหานกลับก้าวออกมาบังเธอไว้ หันมองหัวอวี้เหวินด้วยสายตาเย็นชา “อย่าคิดว่าที่นี่คือตระกูลหัวแล้วคุณจะใส่ร้ายใครก็ได้ พวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจี้หยกของคุณหน้าตาเป็นแบบไหน ไม่ต้องพูดถึงเราจะขโมยมันหรอก แต่วันนี้คุณกลับพาคนมาใส่ร้ายเสี่ยวเซวี่ย ผมไม่ยอมเด็ดขาด”
หัวอวี้เหวินแทบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาหลังได้ยินอย่างนั้น
“พวกคุณนี่น่าสนใจจริง ๆ จี้หยกของฉันหายไป และฉันต้องการจะจับหัวขโมยเช่นพวกคุณแท้ ๆ แต่นี่อะไร กล้ามาหาเรื่องฉันงั้นหรือ”
หัวอวี้เหวินสั่งคนด้านหลัง “รีบเข้าไปค้น ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าจี้หยกจะไม่ได้อยู่ที่นี่”
“ห้าม… ใครเข้ามา!”
ถังเซวี่ยเอ่ยปากขึ้นจากด้านหลังของเฟิงเยี่ยหาน และหันมองหัวอวี้เหวินอย่างเย็นชา
เฟิงเยี่ยหานเองยังต้องเหลือบมองถังเซวี่ยด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่นานในแววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความยินดี สาวน้อยของเขาโตขึ้นแล้ว เธอกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อตัวเอง
หัวอวี้เหวินที่ถูกถังเซวี่ยตวาด ยิ่งขุ่นเคือง
“เธอขโมยจี้หยกของฉันไป แต่ยังกล้าที่จะสั่งฉัน… หึ งั้นฉันเข้าไปค้นด้วย ดูซิว่าเธอจะทำอะไรฉันได้!” หัวอวี้เหวินหันมองกลุ่มคนด้านหลังแล้วตะคอกว่า “แล้วมัวยืนทำอะไรอยู่? รีบเข้าไปค้น!”
ขณะที่คนด้านหลังกำลังจะก้าวขาออกมา ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็เดินเข้ามาเสียก่อน
“พวกเธอคิดทำอะไร?”
ถังซวงเหลือบมองหัวอวี้เหวินด้วยแววตาเย็นชา ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ ทำเอาหัวอวี้เหวินถึงกับขนลุกชัน ถังซวงในเวลานี้ทำให้เธอรู้สึกกลัวโดยไม่รู้ตัว
ถังเซวี่ยที่เห็นถังซวง ความแข็งกร้าวก่อนหน้าก็หายไปทันที ในแววตาเต็มไปด้วยความคับข้องใจ
“พี่คะ เธอบอกว่าฉันไปขโมยของ ๆ เธอ และจะเข้ามาค้นห้องของฉัน เรื่องนี้มันมากเกินไป!”
ถังซวงหันหน้ามองหัวอวี้เหวิน “หืม… อยากค้นห้องของน้องสาวฉันหรือ? เธอมีสิทธิ์อะไร และ… นี่เธอคิดใส่ร้ายเสี่ยวเซวี่ยงั้นหรือ? คิดถึงผลที่จะตามมาหรือยัง”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับถังซวง หัวอวี้เหวินกลับไม่มั่นใจขึ้นมา ทว่าเมื่อนึกถึงแผนที่ตระเตรียมไว้ เธอก็ควบคุมอารมณ์ได้อีกครั้ง
“รู้ได้ยังไงว่าฉันใส่ร้าย? ตราบใดที่เราหาจี้หยกของฉันพบ พวกเธอก็จะรู้เองว่าทั้งหมดเป็นความจริง เอาละ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว เราควรจะ…”
เพียะ…
ก่อนหัวอวี้เหวินจะพูดจบ แก้มซ้ายของหญิงสาวกลับเจ็บขึ้นมา เมื่อได้สติ ก็เห็นว่าถังซวงตบตนอย่างแรง ความเกรี้ยวกราดจึงลุกโชนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “อ๊ะ… ถังซวง เธอกล้าตบฉันหรือ ได้!” ตั้งแต่ยังเด็ก เธอไม่เคยถูกตีสักครั้ง แต่วันนี้เธอกลับถูกถังซวงตบ มันทำให้เธอโกรธจริง ๆ
พูดจบ หัวอวี้เหวินก็พุ่งเข้าหาถังซวงอย่างขาดสติ
ถังซวงยังยืนเฉย และเป็นโม่เจ๋อหยวนที่ก้าวออกไปบัง ถังสือ เหลิ่งตง ก็ออกมายืนรอบถังซวง ทั้งยังมีเฟิงอีและคนอื่น ๆ ด้วย
เมื่อเห็นคนจำนวนมากปรากฏตัว คนที่หัวอวี้เหวินพามาก็ไม่กล้า และล้อมเพื่อปกป้องหัวอวี้เหวินทันที เพราะหากมีอะไรเกิดขึ้นกับหัวอวี้เหวินวันนี้ พวกเขาจะต้องได้รับโทษสาหัสแน่นอน
แม้จะมีคนมากมายอยู่ตรงหน้า แต่หัวอวี้เหวินยังคิดจะสู้กับถังซวง
เธอไม่เคยต้องพบเจอเรื่องคับข้องใจมากเช่นนี้มาก่อน หากวันนี้เธอไม่ได้ระบายออกไป มันคงยากที่จะกู้คืนใบหน้าและศักดิ์ศรีกลับคืนมา
แต่ถังสือและคนอื่น ๆ ไม่ใช่พวกที่จะรับมือได้ง่าย เมื่อหัวอวี้เหวินพุ่งเข้ามา ทั้งหมดก็เตรียมรับมืออยู่ก่อนแล้ว
“คุณหนูอวี้เหวิน…”
ผู้คุ้มกันด้านหลังตื่นตระหนกและรีบเข้าปกป้องเธอทันที
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันโดยไม่พูดไม่จา
ก่อนหน้านี้หัวอวี้เหวินโกรธมาก แต่หลังจากที่คนรอบ ๆ ตัวของเธอเข้าปะทะอีกฝ่าย เธอก็รู้สึกตัวอีกครั้ง จุดประสงค์ที่เธอมาวันนี้คือเข้าค้นห้องของถังเซวี่ย แต่ตอนนี้สถานการณ์มันกลับบานปลายไปกันใหญ่ สิ่งที่ทำให้เธอยิ่งโกรธมากขึ้นก็คือผู้คุ้มกันที่พามาสู้กับอีกฝ่ายไม่ได้เลย ถ้าหากว่าปล่อยให้สถานการณ์เป็นอย่างนี้ต่อไป พวกเขาแพ้แน่
หัวอวี้เหวินกำลังคิดว่าควรจะเรียกหาใครสักคนดีหรือไม่ แต่หัวเทียนจางกับหัวเฟยเฟิ่งกลับเดินเข้ามาเสียก่อน
หัวเทียนจางหน้าเคร่งขรึมเมื่อเห็นสถานการณ์วุ่นวายตรงหน้า “พวกคุณทำอะไรกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
ผู้คนที่มากับหัวอวี้เหวินสับสน พวกเขาหยุดมือทันที แต่ความจริงแล้วต่อให้ไม่หยุด พวกเขาก็ต้านไว้ได้ไม่นานอยู่ดี
ถังเซวี่ยร้องเรียกทั้งสองด้วยใบหน้าโศกเศร้า “คุณยาย… คุณทวด… มีคนรังแกหนูค่ะ”
เมื่อเห็นถังเซวี่ยแบบนี้ ในใจของพวกเขายิ่งเจ็บปวด หัวเฟยเฟิ่งที่พุ่งไปหาถังเซวี่ยอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้นหรือเสี่ยวเซวี่ย?”
ถังเซวี่ยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “หนูไม่เคยเห็นจี้หยกของเธอด้วยซ้ำ แต่เธอกลับบอกว่าหนูขโมยมันมา”
เวลานี้ถังหลานและจิงเจ้อหรงเองก็มาถึงแล้วเช่นกัน ทันทีที่ทราบเรื่อง ทั้งสองโกรธมาก
“แม่คะ เรื่องนี้หนูสามารถยืนยันได้ ลูกสาวของหนูเป็นเด็กดีเสมอมา ไม่เคยทำเรื่องไม่ดีมาก่อน แต่ตอนนี้กลับถูกใส่ร้ายแบบนี้” ในตอนท้ายของประโยค แววตาของถังหลานกลายเป็นแดงก่ำ “เป็นความผิดของหนูเองที่อ่อนแอ ไร้ความสามารถ ลูกสาวของหนูถึงถูกรังแกแบบนี้”
หัวเฟยเฟิ่งที่โกรธมากอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของถังหลาน เธอยิ่งรู้สึกผิดและกล่าวโทษตัวเอง
“อาหลาน ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของลูกเลย แต่มันเป็นความผิดของหัวอวี้เหวิน!” หัวเฟยเฟิ่งหันมองหญิงสาวด้วยแววตาเฉียบคม
หัวอวี้เหวินถึงกับตื่นตระหนกพร้อมหัวใจที่เต้นระส่ำ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาของหัวเฟยเฟิ่ง เธอถึงกับทำอะไรไม่ถูก แต่โชคดีที่เวลานี้หัวยี่ฮวน หัวเทียนอวี้ และหัวโย่วเฉิงเดินเข้ามาสมทบแล้ว
“คุณปู่… คุณพ่อ…”
เมื่อเห็นว่าใครเข้ามา หัวอวี้เหวินถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเธอกล่าวออกมาด้วยความขุ่นเคือง “คุณปู่ คุณพ่อ ดูสิคะถังซวงตบหนู หน้าหนูบวมหมดแล้ว!”
หัวเทียนอวี้และหัวโย่วเฉิงเห็นแล้วว่าใบหน้าของหัวอวี้เหวินบวมเป่ง และเมื่อได้ยินว่าเป็นถังซวง พวกเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมา
แต่หัวเทียนอวี้ยังจดจำบทเรียนของถังซวงได้ดี เขาจึงไม่กล่าวออกไปทันที เพียงหันมองหัวโย่วเฉิงผู้เป็นลูกชายแทน
หัวโย่วเฉิงมีบุตรสาวเพียงคนเดียวคือหัวอวี้เหวิน เมื่อเห็นว่าลูกสาวถูกทุบตี แน่นอนว่าเขาทนไม่ได้ ต่อให้หัวเทียนจางและคนอื่น ๆ จะอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่ระงับความโกรธ ตะคอกใส่ถังซวง “ถังซวง เธอกล้าดียังไงถึงทุบตีใครตามใจชอบ อย่าคิดว่าเป็นผู้นำตระกูลถังแล้วจะรังแกใครก็ได้นะ ถ้าวันนี้เธอไม่มีคำอธิบาย เราไม่จบกันง่าย ๆ แน่!”
“หึ… ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าแกจะมีปัญญาทำอะไรซวงเอ๋อร์!”
หัวเทียนจางกล่าวขึ้นมาบ้าง เพราะหลังได้ยินคำพูดของหัวโย่วเฉิงแล้ว เขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
หัวโย่วเฉิงเองก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย แต่ยังทำใจดีสู้เสือ “คุณลุง เรื่องทั้งหมดเกิดจากจี้หยกของอวี้เหวิน ถ้าถังเซวี่ยเธอคืนจี้หยกมาให้ ทุกอย่างก็จบ”
หัวเทียนจางระเบิดหัวเราะด้วยความโกรธทันทีหลังได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น