การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 568 พรสวรรค์ของถังเซวี่ย
บทที่ 568 พรสวรรค์ของถังเซวี่ย
ถังซวงและหัวเทียนจางเงยหน้าขึ้นมองถังเซวี่ย
“เสี่ยวเซวี่ย ชั้นหนังสือนี้ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกเลย มันก็เหมือนกันทุกชั้นไม่ใช่หรือ? เธอ…”
แต่ก่อนที่หัวเทียนจางจะพูดจบ เขาเห็นรอยแตกบนพื้นตรงหน้าของถังเซวี่ย หลังจากนั้นช่องว่างก็ปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ เป็นบันไดทอดยาวสู่ใต้ดิน
หัวเทียนจางเงียบ
ถังซวงเองก็เงียบเช่นกัน
ทั้งสองมองถังเซวี่ยก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “เสี่ยวเซวี่ย เธอทำอะไรน่ะ?”
ถังเซวี่ยมองอุโมงค์ตรงหน้าด้วยความว่างเปล่าก่อนจะตอบว่า “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ”
หัวเทียนจางและถังซวงวางหนังสือในมือ พวกเขาเดินไปหาถังเซวี่ยและมองชั้นหนังสือที่เธอกล่าวถึงก่อนหน้านี้
หัวเทียนจางมาที่ห้องสมุดนี้หลายครั้งแล้ว แต่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอุโมงค์ลับอยู่ภายในชั้นหนังสือของที่นี่ด้วย
“เป็นไปได้ยังไง? หลังจากที่ฉันขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหัว ฉันก็รู้ทุกอย่างของตระกูลหัว แต่ทำไมไม่เคยรู้ว่ามีอุโมงค์อยู่ในห้องสมุดนี่ด้วย” หัวเทียนจางแตะประตูตรงหน้าเบา ๆ และไม่รู้สึกว่ามันมีอะไรผิดสังเกตแม้แต่น้อย
เห็นอย่างนั้นแล้ว ถังเซวี่ยชี้ไปทางด้านซ้ายของชั้นหนังสือแล้วพูดขึ้นว่า “ตรงนี้มันบุ๋มลงไปนิดนึงค่ะ”
“ตรงไหน?”
หัวเทียนจางไม่ทันสังเกตเห็น ถังเซวี่ยจึงกดลงไปอีกครั้ง แต่ว่าคราวนี้เธอไม่สามารถทำได้ “แปลกจัง เมื่อกี้ยังกดได้อยู่เลย”
ถังซวงพูดขึ้นก่อนว่า “คงเป็นเพราะอุโมงค์เปิดแล้วละมั้ง เลยกดไม่ได้”
“คงจะเป็นอย่างนั้น”
หัวเทียนจางพยักหน้ารับ หลังจากนั้นเขาหันมองถังซวงและถังเซวี่ย “งั้นเราลงไปดูด้วยกันเถอะ” เพราะถังเซวี่ยเปิดอุโมงค์นี้ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องพาทั้งสองคนลงไปด้วย
“ค่ะ”
ถังซวงเองก็อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในอุโมงค์นี้ด้วยเช่นกัน เมื่อได้รู้ว่าอุโมงค์นี้ไม่มีใครค้นพบมานานหลายปีแล้ว เธอเลยใช้งานคบเพลิงใกล้ ๆ
หัวเทียนจางพูดขึ้น “ซวงเอ๋อร์หัวไวดีนี่ แต่คบเพลิงนี้ก็ดูสวยดีนะ งั้นเราไปกันเถอะ”
“ค่ะ”
ถังซวงและถังเซวี่ยเดินตามหัวเทียนจางเข้าไปในอุโมงค์
คราวแรกอุโมงค์ค่อนข้างแคบมาก แต่ไม่นานก็ค่อย ๆ กว้างขึ้น ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงห้องแห่งหนึ่ง ซึ่งห้องนี้เต็มไปด้วยชั้นวางและมีกล่องไม้วางเรียงรายอยู่
ถังซวงเดินไปด้านหน้าพร้อมกับถังเซวี่ย เธอตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ อย่างระมัดระวังก่อนจะหยิบกล่องไม้มาเปิดออก
“โห… หินก้อนนี้สวยจังเลย”
ถังเซวี่ยมองหินสีแดงขนาดเท่ากำปั้นในกล่อง แววตาของเธอเปล่งประกายสดใสก่อนจะพูดว่า “มันคือหินอะไรหรือคะ ทำไมสวยขนาดนี้”
ถังซวงเองก็ไม่รู้จัก เธอจึงไม่สามารถตอบคำถามของถังเซวี่ยได้
ด้านหัวเทียนจางที่ได้ยินอย่างนั้น ก็หันมองกลับมาและในดวงตาของเขาเผยความตื่นตระหนก “มันน่าจะเป็นหินหงเหยียน” เขาก้าวเข้ามาเพื่อดูมันให้ชัดอีกครั้ง และเผยใบหน้ายินดี “นี่คือหินหงเหยียนจริง ๆ ด้วย”
ถังซวงและถังเซวี่ยไม่เคยได้ยินชื่อหินชนิดนี้มาก่อน หลังจากมอบกล่องไม้ให้กับหัวเทียนจาง พวกเธอก็เปิดกล่องอีกใบ และภายในกล่องนี้มีหินสีดำขลับราวกับน้ำหมึก
“หินก้อนนี้ดำสนิท ฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อนเหมือนกัน”
ถังซวงเองก็ไม่เคยเห็นหินชนิดนี้มาก่อน เธอจึงไม่สามารถตอบอะไรได้ “คุณทวด ลองดูหน่อยสิคะว่ามันคือหินอะไร”
หัวเทียนจางวางหินหงเหยียนในมือลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ก่อนจะหันมองหินสีดำดุจหมึกในมือของถังซวง เวลานี้จิตใจของเขาสั่นไหวจนแทบคลั่ง “มันน่าจะเป็นแร่หยกนิล” ขณะพูดอย่างนั้นเขาเดินเข้าหาและตรวจสอบมัน “อื้ม แร่หยกนิลจริง ๆ ด้วย”
ทันทีที่เห็นว่ามันคือหินหายาก หัวเทียนจางอดไม่ได้ที่จะเปิดกล่องอื่น ๆ ดู “โอ้ นี่คืออัญมณีเทอร์ควอยซ์ ส่วนนี่คืออาเกตสีเขียว และนี่คือ…”
หัวเทียนจางเปิดกล่องมากมายตรงหน้า ทุกครั้งที่เปิดออกเขาล้วนแต่อุทานออกมาอย่างตื่นตระหนก ในที่สุดเขาเปิดกล่องทั้งหมดเสร็จสิ้นและทุกกล่องมีหินอยู่ด้านใน
“นี่คือ… แร่ในตำนานของตระกูลหัว ทั้งหมดอยู่เหนือจินตนาการของฉันมากจริง ๆ”
จู่ ๆ หัวเทียนจางก็นึกถึงเรื่องเล่าที่เขาเคยได้ยินครั้งยังเด็ก ว่ากันว่าตระกูลหัวจะมีแร่จำนวนหนึ่งที่ใช้เพื่อเสริมโชคลาภ อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเพียงเรื่องเล่าที่ค่อย ๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา และยังไม่เคยมีใครได้พบเจอแร่ชุดนั้นเลย อีกทั้งตระกูลหัวไม่มีผู้มีพรสวรรค์มาหลายร้อยปีแล้ว พวกเขาจึงหยุดสนใจเรื่องเล่านั้นไป
แต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้เขาจะได้พบเจอกับมัน
เห็นว่าหัวเทียนจางมีสีหน้าผิดแปลกไป ถังซวงก็เอ่ยปากถาม “คุณทวดคะ แร่พวกนี้สำคัญมากหรือคะ?”
“สำคัญมากสิ โดยเฉพาะกับผู้มีพรสวรรค์”
หัวเทียนจางหันมองถังเซวี่ยก่อนจะกล่าวด้วยความตื่นเต้น “เสี่ยวเซวี่ย เหลนเป็นสมาชิกของตระกูลหัวของเรา นับจากวันนี้ไปเหลนจะเป็นผู้นำตระกูลหัว!”
ที่ถังเซวี่ยโชคดีขนาดนี้ ทั้งยังสามารถหลบหนีจากคำใส่ร้ายของหัวอวี้เหวินได้ และยังค้นพบห้องลับนี้ด้วย มันชัดเจนแล้วว่าพรสวรรค์ของถังเซวี่ยยอดเยี่ยม ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าถังเซวี่ยคือผู้นำตระกูลที่ปรากฏตัวขึ้นในรอบหลายร้อยปี
ถังเซวี่ยที่ได้ยินอย่างนั้นก็ตกตะลึง รีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ค่ะ ไม่ได้หรอกค่ะคุณทวด คุณเข้าใจผิดแล้ว หนูจะเป็นผู้นำตระกูลหัวได้ยังไง อีกอย่างหนูไม่ได้ใช้สกุลหัวด้วย”
ในที่สุดถังซวงก็เข้าใจบางอย่าง เธอหันมองหัวเทียนจางก่อนจะเอ่ยปากขึ้นว่า “คุณทวดคะ เป็นไปได้ไหมว่า… เสี่ยวเซวี่ยเป็นคนมีโชคลาภเป็นพรสวรรค์ ซึ่งจะมีเพียงคนของตระกูลหัวเท่านั้นที่จะมี แต่บางคนก็อาจจะโชคดีกว่า แต่มันก็ยากจะพูดกันในเรื่องแบบนี้”
หัวเทียนจางหันมองถังซวง
“ดูเหมือนเธอเองก็จะรู้เรื่องของตระกูลหัวอยู่บ้าง อื้ม ฉันคิดว่าเสี่ยวเซวี่ยโชคดี และการที่เธอสามารถค้นพบห้องลับนี้ถือว่าเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด” สมาชิกทุกคนของตระกูลหัวเคยเข้ามาที่หอสมุดแห่งนี้แล้ว แต่ไม่เคยมีใครพบสถานที่ลับนี้เลย แต่ถังเซวี่ยกลับค้นพบมันทั้งที่เพิ่งมาในคราวแรก มันชัดเจนแล้วว่าเธอคือผู้ถูกเลือกให้เป็นผู้นำตระกูลหัว
ทว่าถังเซวี่ยไม่รู้เรื่องของตระกูลหัวเลย และรู้สึกสับสนมากหลังได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เธอรู้ดีว่าตัวเองมีความสามารถระดับไหน และเป็นไปไม่ได้เลยที่ตัวเธอจะเป็นผู้นำตระกูลเช่นเดียวกับพี่สาว
“คุณทวดคะ บางทีเรื่องโชคลาภมันก็พูดกันยากนะคะ วันนี้หนูอาจจะแค่โชคดีก็ได้ค่ะ”
หัวเทียนจางกล่าวด้วยความมั่นใจ “ฉันคิดไม่ผิดแน่นอน เหลนคือผู้นำตระกูลหัวที่พวกเราต้องการพบมากที่สุด”
เมื่อเห็นว่าถังเซวี่ยยังไม่เชื่อ หัวเทียนจางถึงกับโบกมือให้ถังเซวี่ยแล้วเอ่ยปากขึ้นว่า “เสี่ยวเซวี่ย มานี่สิ”
ถังเซวี่ยมองหัวเทียนจางก่อนจะก้าวเท้าไปอย่างเชื่อฟัง อีกฝ่ายเอาหินใส่มือของเธอก่อนจะพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย ลองบีบหินก้อนนี้ดูสิ”