การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 57 หัวใจสลาย
บทที่ 57 หัวใจสลาย
บทที่ 57 หัวใจสลาย
ถังชุนหยานพยักหน้าอย่างจริงจังและพูดว่า “ใช่ หนูเห็นเต็มสองตาเลยว่าแม่ม่ายหลิวกำลังมีความสัมพันธ์กับเอ้อไหลจื่อ”
ดวงตาของแม่ม่ายหลิวเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ถังชุนหยาน หุบปากซะ นังเด็กเวร”
“ฉันไม่หุบปากหรอก ฉันได้ยินคนพูดว่าพวกค้ามนุษย์พวกนั้นอาจมีส่วนรู้เห็นกับไอ้สารเลวนั่นด้วย ดังนั้นเขาจึงเป็นคนไม่ดี คุณซึ่งเป็นม่าย แถมยังเป็นชู้กับเขาก็เป็นคนไม่ดีเหมือนกัน” ถ้าครั้งนี้ไม่ใช่เพราะถังซวง พวกเขาอาจถูกขายไปที่ภูเขาจริง ๆ แล้วก็ได้
เมื่อได้ยินคำพูดของถังชุนหยาน ความเงียบก็เข้าครอบงำในลานบ้านของตระกูลถังอยู่ชั่วครู่ และสายตาของทุกคนก็หันไปหาแม่ม่ายหลิว
แต่แม่ม่ายหลิวขมวดคิ้วทันทีและปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่า “แกพูดไร้สาระ ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเอ้อไหลจื่อ และฉันไม่รู้จักพวกค้ามนุษย์เลยสักนิด” ในตอนแรกเธอกังวลว่าความสัมพันธ์ของเธอจะถูกเปิดเผย แต่หลังจากได้ยินเกี่ยวกับพวกค้ามนุษย์ เธอก็รู้สึกว่าถังชุนหยานน่าจะคิดไปเอง เพราะเธอไม่รู้จักพวกค้ามนุษย์ด้วยซ้ำ
จ้าวเหม่ยฉินเป็นคนแรกที่ตอบสนองและรีบสาปแช่งแม่ม่ายหลิว
“เอาล่ะ กลายเป็นว่าชุนหยานของเราถูกคนเลวจับตัวไปเพราะเธอ นังสารเลว แกมีเจี้ยนกั๋วอยู่แล้ว แต่ยังไปยุ่งกับคนอื่นอีกงั้นหรือ? แกมันนังแพศยาสารเลวจริง ๆ”
ในตอนท้าย จ้าวเหม่ยฉินมองไปที่ถังเจี้ยนกั๋วและพูดว่า “เจี้ยนกั๋ว ผู้หญิงแบบนี้ นายควรขับไล่เธอออกไปให้เร็วที่สุด”
ถังเจี้ยนกั๋วที่ยืนอยู่มีใบหน้าหม่นหมอง
ผู้ชายคนไหนที่ภรรยามีชู้ย่อมทนไม่ได้ทั้งนั้น
เมื่อเห็นถังเจี้ยนกั๋วเช่นนี้ หัวใจของแม่ม่ายหลิวก็เต้นไม่เป็นจังหวะ คนอื่น ๆ จะสงสัยเธออย่างไรก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่ถังเจี้ยนกั๋วไม่สงสัยในตัวเธอก็พอ หากแต่ตอนนี้ เมื่อเห็นถังเจี้ยนกั๋วแบบนี้ ดูเหมือนว่าเขากำลังสงสัยในตัวเธอเช่นกัน ซึ่งแม่ม่ายหลิวไม่อาจยอมได้ ดังนั้นเธอจึงรีบโผเข้าหาถังเจี้ยนกั๋วอย่างอ่อนแรง
“เจี้ยนกั๋ว คุณไม่เชื่อฉันหรือ? เราทั้งคู่ต่างสูญเสียครอบครัว ฉันก็ยังตามคุณมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…” ในขณะที่พูด เธอจับมือของถังเจี้ยนกั๋วมาวางไว้ที่ท้อง “ฉันกำลังตั้งท้องลูกชายของคุณ คุณสงสัยฉันได้ยังไง?”
หลังจากสัมผัสท้องของแม่ม่ายหลิวแล้ว ถังเจี้ยนกั๋วตอบสนองอย่างรวดเร็ว และการแสดงออกบนใบหน้าก็ดูโอนอ่อนขึ้น
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นมากมาย แต่เขาไม่สนใจเรื่องพวกนั้นสักนิด แม้เขาจะรู้ว่าแม่ม่ายหลิวกำลังท้องก่อนหน้านี้ เขาก็ยังคงคิดหนัก หากแต่ตอนนี้ถังเจี้ยนกั๋วไม่แสดงอาการแม้แต่น้อย และกังวลเกี่ยวกับลูกชายในครรภ์ของแม่ม่ายหลิวมากขึ้น
หลังจากเห็นปฏิกิริยาของถังเจี้ยนกั๋ว แม่ม่ายหลิวก็หัวใจกระตุกวูบอีกครั้ง จากนั้นชี้ไปที่ถังชุนหยาน และด่าทอ “นังเด็กสารเลว แกไม่ชอบฉันกับลุงรองของแกสินะ นั่นคือเหตุผลที่แกใส่ร้ายฉันหรือ? พูดออกมาตรง ๆ เถอะว่ามันไม่มีอะไร อย่ามาสาดน้ำสกปรกใส่ฉันแบบนี้ ถ้าแกยังพูดไร้สาระแบบนี้อีก ระวังปากจะฉีกเอา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังชุนหยานก็แค่นเสียงอย่างเย็นชาและพูดว่า “ไม่ว่าคุณจะเคยมีอะไรกับเอ้อไหลจื่อหรือไม่ ตัวคุณรู้ดีที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเห็นเรื่องการเล่นชู้ระหว่างคุณสองคน ถังซวงกับฉันคงไม่ถูกพวกค้ามนุษย์พาตัวไป ดังนั้นอย่าพยายามปฏิเสธเลย”
ในตอนท้าย ถังชุนหยานมองไปที่ถังเจี้ยนกั๋วอีกครั้งและพูดว่า “ลุงรอง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่อย่างที่ลุงคิด อย่าหลงกลเธอ ตอนนี้พวกค้ามนุษย์ถูกจับแล้ว และเอ้อไหลจื่อก็อยู่ในกลุ่มนั้น แม่ม่ายหลิวไม่มีวันหนีไปไหนได้”
“กรี๊ดดด… นังเด็กบ้า ฉันจะฉีกปากแกให้ขาดเอง!”
เมื่อเห็นถังชุนหยานมุ่งเป้าไปที่เธอครั้งแล้วครั้งเล่า แม่ม่ายหลิวรีบพุ่งไปหาเด็กสาวทันที
ถังชุนหยานรีบหลบ “อย่าคิดว่าคุณจะทำอะไรก็ได้เพียงเพราะคุณท้องนะ ฉันขอบอกเลยว่าทำอย่างนี้ก็ปิดบังเรื่องแย่ ๆ ของคุณไม่ได้หรอก”
จ้าวเหม่ยฉินกลอกตาเมื่อได้ยินคำพูดนั้นและยืนอยู่หน้าถังชุนหยาน หลังจากหยุดแม่ม่ายหลิว เธอมองไปที่ถังเจี้ยนกั๋วและพูดว่า “เจี้ยนกั๋ว ฉันไม่ได้ว่านายนะ แต่ทุกคนในหมู่บ้านของเราต่างรู้ว่าแม่ม่ายหลิวเป็นยังไง ก่อนหน้านาย ฉันไม่รู้ว่าเธอคบกับใครมากี่คน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะคบกับเอ้อไหลจื่อ ส่วนลูกในท้องของเธอ ฉันไม่รู้หรอกว่าเป็นลูกใคร บางทีเธออาจจะหลอกนายก็ได้”
แม่ม่ายหลิวคนนี้ไม่สามารถเปรียบเทียบกับเฮ่อหลานได้เลย
ตั้งแต่เข้าประตูมาเธอก็ขี้เกียจ ไม่ทำงานบ้าน ดังนั้นจึงต้องเป็นจ้าวเหม่ยฉินที่ทำงานมากขึ้น ส่วนถังเจี้ยนกั๋วก็ช่วยเหลือแม่ม่ายหลิวที่กำลังตั้งครรภ์ทุกอย่าง เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้เรื่องการแยกบ้านเข้ามาในความคิดของเธอด้วย และเป็นเรื่องแปลกที่เธอยังทำตัวดีต่อแม่ม่ายหลิวอยู่
เมื่อถังเจี้ยนกั๋วได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาก็กลับมามืดมนอีกครั้ง
“พี่สะใภ้พูดถูก ว่าแต่คนในหมู่บ้านพูดอย่างนั้นจริงหรือ?”
จ้าวเหม่ยฉินพยักหน้าอย่างรีบร้อนและพูดว่า “นี่อาจเป็นเรื่องโกหกก็ได้ หากนายไม่เชื่อ นายจะไปถามคนที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้นะ”
เมื่อเห็นว่าจ้าวเหม่ยฉินพูดอย่างเด็ดขาด ถังเจี้ยนกั๋วมองไปที่แม่ม่ายหลิว และถามว่า “บอกความจริงกับฉันมาว่าเด็กในท้องของเธอเป็นลูกของฉันหรือเปล่า”
“ถังเจี้ยนกั๋ว เห็นได้ชัดว่าจ้าวเหม่ยฉินกำลังใส่ร้ายฉัน คุณเชื่อเธอจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ได้ ถ้าคุณคิดว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของคุณ ฉันจะฆ่ามันเดี๋ยวนี้แหละ” เธอกล่าวอย่างโหดร้าย และทุบตีที่ท้องของตัวเอง
เมื่อเห็นดังนี้ ถังเจี้ยนกั๋วจึงรีบหยุดเธอ
“เธอจะทำอะไร?”
เมื่อเห็นว่าท้องของแม่ม่ายหลิวยังไม่เป็นอะไร เขาก็โล่งใจ แม้ว่าเขาจะมีความสงสัยอยู่ในใจ แต่เขาก็ยังไม่ทราบความจริงทั้งหมด เขาจะยอมให้อะไรเกิดขึ้นกับท้องของแม่ม่ายหลิวได้อย่างไร เพราะยังมีความเป็นไปได้ว่านี่เป็นลูกชายของเขา
เมื่อเห็นสีหน้าประหม่าของถังเจี้ยนกั๋ว แม่แม่ม่ายหลิวก็ยกยิ้ม
เธอรู้ดีว่าถังเจี้ยนกั๋วต้องการลูกชายมากแค่ไหน ดังนั้นเด็กท้องนี่จึงเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดของเธอ
แต่ก่อนที่แม่ม่ายหลิวจะรู้สึกเอะใจ เธอรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังมองมาที่เธอ และเมื่อหันไปมอง เธอพบว่าถังซวงกำลังมองมาด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ
เมื่อเห็นการแสดงออกของถังซวง หัวใจของแม่ม่ายหลิวก็เต้นระรัว
เธอเกือบลืมไปว่าถังซวงยังอยู่ที่นี่ ถ้าเด็กนี่เปิดโปงเรื่องของเธอล่ะ?
แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือถังซวงไม่เพียงไม่พูดอะไร แต่มองไปที่ถังชุนหยานแทนและพูดว่า “ชุนหยาน บางทีเธออาจเข้าใจผิดก็ได้ ถังเจี้ยนกั๋วเป็นรักแท้ของแม่ม่ายหลิว ไม่เช่นนั้นเธอจะท้องตั้งแต่ยังไม่เข้าประตูบ้านได้ยังไง? อย่าพูดอย่างนั้นอีกนะ”
แน่นอนว่าเธอรู้ว่าแม่ม่ายหลิวกังวลอะไร แต่เธอจะไม่พูดเรื่องของแม่ม่ายหลิวกับเอ้อไหลจื่อออกไป นับประสาอะไรกับการเปิดเผยพ่อที่แท้จริงของเด็กในท้องของแม่ม่ายหลิว เธอแค่ต้องการให้ถังเจี้ยนกั๋วรับรู้เองหลังจากที่เด็กคนนี้เกิดมา เมื่อถังเจี้ยนกั๋วมีความรู้สึกต่อเด็กคนนี้และมีความผูกพันกับเขา จากนั้นก็ให้ได้รู้ความจริง ซึ่งมันจะยิ่งบีบหัวใจมากขึ้น
ในเวลานั้นไม่เพียงแต่เขาจะโดนสวมเขาเท่านั้น แต่เขายังต้องช่วยเลี้ยงลูกของคนอื่นด้วย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวน่าสนุกไปอีก
หลังจากได้ยินคำพูดของถังซวงแล้ว ถังชุนหยานก็พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “พี่สาว ฉันไม่ได้เข้าใจผิดแน่นอน และพี่ลืมไปแล้วหรือว่าทำไมเราถึงถูกจับไป พี่ยังพูดถึงแม่ม่ายหลิวอยู่เลยนะ”