การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 573 เกอชิงเหม่ยตั้งครรภ์
บทที่ 573 เกอชิงเหม่ยตั้งครรภ์
เห็นใบหน้าของจิงเหวินรุ่ยนิ่งค้างไป ถังซวงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ และเข้าไปกล่าวปลอบ “พี่รอง ไม่ต้องกังวลค่ะ ทั้งหมดนี้เป็นข่าวจากป้าของฉันเอง แล้วเดี๋ยวฉันจะติดต่อจูรุ่ย ฉันก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
แต่เวลานี้หูของจิงเหวินรุ่ยดับสนิท เขาไม่ได้ยินคำพูดของถังซวงเลย ในหัวมีแต่คำว่าจูรุ่ยกำลังจะหมั้น ในใจทั้งผิดหวังและโศกเศร้า สุดท้ายแล้วตัวเขาไม่มีความหมายอะไรกับจูรุ่ยเลยแม้แต่น้อย
โม่เจ๋อหยวนก้าวไปด้านหน้าก่อนจะตบบ่าเขาเบา ๆ “พี่รอง เรายังไม่ได้คุยกับจูรุ่ยเลย เดี๋ยวรอให้เราติดต่อเธอได้ก่อนดีกว่า พี่อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ บางทีอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้”
หลังได้ยินคำพูดของโม่เจ๋อหยวน จิงเหวินรุ่ยฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง เขาพยายามสงบอารมณ์อย่างหนักก่อนจะพยักหน้ารับ “อื้ม ฉันจะรอฟังข่าวจากจูรุ่ย ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่านี่มันหมายความว่ายังไง”
โม่เจ๋อหยวนกล่าวอีกครั้ง “พี่รอง เราจะติดต่อจูรุ่ยให้เร็วที่สุดครับ”
“อื้ม ฉันจะรอฟังข่าวจากพวกเธอ”
หลังจากจิงเหวินรุ่ยเดินคอตกออกไป โม่เจ๋อหยวนถอนหายใจก่อนจะเอ่ยปาก “ดูเหมือนพี่รองจะเจ็บปวดไม่น้อย ใบหน้าของเขาบอกทุกอย่างเลย”
ถังซวงถอนหายใจด้วยเช่นกัน
“ใครจะไปคิดล่ะว่าจูรุ่ยกำลังจะหมั้น พี่รองคงตกหลุมรักเธอจริง ๆ ได้ยินข่าวแบบนี้ก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา ฉันจะต้องรีบติดต่อจูรุ่ยโดยเร็วที่สุดแล้วละ”
ทว่าสิ่งที่ถังซวงไม่คาดคิดก็คือเวลานี้เธอไม่สามารถติดต่อกับจูรุ่ยได้เลย และมีข่าวจากพานลี่ฮวาว่าตอนไปเยี่ยมบ้านตระกูลจู พานลี่ฮวาเองก็ไม่ได้พบจูรุ่ยเช่นกัน
“แปลกจัง ฉันติดต่อเธอไม่ได้เลย”
โม่เจ๋อหยวนเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “หรือ… จูรุ่ยไม่อยากพูดคุยกับพวกเราเพราะอับอาย? คุณป้าไปหาเธอที่บ้าน แต่ก็ไม่ยอมออกมาพบ?”
“ฉันก็ไม่รู้ แต่ว่า… ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างแปลก เดี๋ยวจะให้คุณป้าลองพยายามอีกครั้งเผื่อจะได้พบเธอ และต่อให้เธอกำลังจะหมั้นจริง ๆ เธอก็ควรจะบอกพี่รองให้ชัดเจน ไม่ใช่เงียบไปแบบนี้”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้า “ใช่ เธอไม่ควรให้ความหวังพี่รองถ้าหากว่าจะหมั้นหมายกับคนอื่น”
ขณะที่ถังซวงพยายามติดต่อกับจูรุ่ย ภาคการศึกษาใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ทุกคนกลับไปเรียนอีกครั้ง
หนึ่งวันก่อนเปิดเรียน เฟิงเยี่ยหานออกจากเมืองหลวงเพื่อกลับเมืองไห่เฉิง
ช่วงนี้งานของจิงเจ้อหรงไม่ค่อยยุ่ง เขาจึงจะไปส่งลูกสาวทั้งสองคนด้วยตัวเอง
แต่ถังซวงและถังเซวี่ยปฏิเสธ “พ่อคะ พวกเราไปเองดีกว่า ไม่ต้องไปส่งหรอก”
ถังหลานกล่าวขึ้นจากด้านข้าง “พรุ่งนี้เปิดเรียนวันแรก ให้พ่อเขาไปส่งเถอะจ้ะ พ่อเขาคิดเรื่องนี้ไว้นานแล้วละ”
ถังซวงกับถังเซวี่ยจึงไม่ได้คัดค้านอะไรอีก
วันรุ่งขึ้น โม่เจ๋อหยวนมาที่บ้านแต่เช้า และเป็นจิงเจ้อหรงที่ขับรถไปส่งทั้งสามคนก่อนจะไปทำงาน
ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านเห็นถังซวงเข้ามาในห้องเรียนแล้ว ก็รีบโบกไม้โบกมือด้วยรอยยิ้ม “ถังซวง ทางนี้ ๆ”
ถังซวงนั่งลงข้างทั้งสองคน พร้อมยิ้มทักทาย “ปิดเทอมไปตั้งนาน เป็นยังไงบ้าง?”
ต้วนเฟิ่งหยิงส่ายศีรษะตอบกลับ “ฉันไม่ได้ไปไหนเลย อยู่แต่บ้าน ทำนู่นทำนี่ทั้งวันไม่รู้จบ”
เจียนหวานหว่านพยักหน้า “ฉันได้ไปทะเลน่ะ สวยมาก ไว้ถ้ามีโอกาสพวกเราไปเที่ยวด้วยกันนะ”
“โห… หวานหว่าน ดีจังเลย เธอได้ไปทะเลด้วย งั้นเดี๋ยวฤดูร้อนหน้าพวกเราไปทะเลกันเถอะ” ต้วนเฟิ่งหยิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอิจฉา ก่อนจะหันมองถังซวง “ถังซวง แล้ววันหยุดของเธอเป็นยังไงบ้างหรือ?”
“อ่า ฉันไปบ้านปู่ทวดกับบ้านตาทวดน่ะ เดินทางเหนื่อยไม่น้อย”
“แบบนั้นดีจังเลยนะ”
ต้วนเฟิ่งหยิงอิจฉาทั้งสองคนเล็ก ๆ เธอโน้มตัวเข้าหาถังซวงและเจียนหวานหว่านก่อนกล่าวกระซิบ “พวกเธอได้ยินข่าวของถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่วหรือยัง? พวกเธอสองคนลาออกไปแล้ว ฉันน่ะตกใจมากเลยตอนได้ยินข่าว เพราะเทอมที่แล้วพวกหล่อนกระตือรือร้นมาก แต่เทอมนี้กลับลาออกจากมหาวิทยาลัยซะอย่างนั้น”
แววตาของถังซวงวูบไหวหลังได้ยินอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ส่วนเจียนหวานหว่านเป็นคนที่โต้ตอบด้วยความตื่นเต้น “เฟิ่งหยิง เธอพูดจริงหรือ? ทั้งถังอวี้สือกับเหวินเจ๋อหลิ่วน่ะหรือลาออกไปแล้ว? ฉันไม่เห็นได้ยินข่าวนี้เลย”
“ก็เธอเพิ่งกลับมาที่นี่เมื่อเช้า เธอก็ต้องไม่ได้ยินข่าวน่ะสิ แต่ฉันมาที่มหาวิทยาลัยตั้งแต่สองวันที่แล้ว”
เจียนหวานหว่านยังรู้สึกประหลาดใจ “จริงหรือ? พวกเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี้ได้แล้วแท้ ๆ แต่กลับลาออกกลางคัน ไม่รู้เลยทั้งสองคนคิดอะไรอยู่กันแน่”
ถังซวงเห็นอาจารย์เดินเข้ามา จึงกล่าวเตือนทั้งสองคน “หยุดคุยกันได้แล้ว”
ต้วนเฟิ่งหยิงกับเจียนหวานหว่านหยุดพูดคุยกันอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่อาจารย์หวังอี้เดินเข้ามา เขากล่าวเรื่องที่ถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่วลาออกจากมหาวิทยาลัยให้ทุกคนทราบ
นักศึกษาคนอื่น ๆ ที่ไม่ทราบข่าวมาก่อน ดูตื่นตระหนก และเจียนหวานหว่านก็ยอมเชื่อข่าวนั้นแล้ว และเธอนึกถึงเตียงในหอพักขึ้นมา “อย่างนั้นหอพักของเราก็จะมีเตียงว่างเพิ่มขึ้นสินะ แต่ไม่รู้เลยนะว่าจะมีคนอื่นย้ายเข้ามาไหม”
ปกติแล้วถังซวงไม่ได้อยู่ในหอพัก จึงไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้มากนัก และหลังจากได้รับหนังสือเรียนเรียบร้อย เธอวางแผนที่จะกลับบ้าน
“ซวงเอ๋อร์ ทางนี้”
ทันทีที่ถังซวงเดินออกจากห้องเรียน ก็เห็นว่าโม่เจ๋อหยวนมายืนรอ ทั้งสองเดินกลับบ้านตระกูลจิงพร้อมกัน เมื่อมาถึงบ้าน ก็เห็นว่าถังเซวี่ยกลับมาแล้วด้วย
“พี่สาว พี่เขย พวกพี่สองคนกลับเร็วมากเลย”
ถังซวงทักทายถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย ตอนนี้เธออยู่ชั้นมัธยมปีที่ 2 ถ้าไม่เข้าใจอะไร ถามเราได้ตลอดเลยนะ”
“ค่ะ ฉันถามแน่นอน”
ขณะที่พูดคุยกัน เกอชิงเหม่ยเดินเข้ามาทักทาย “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย เจ๋อหยวน กลับมาแล้วหรือจ๊ะ”
ถังซวงและถังเซวี่ยถึงกับรีบก้าวไปด้านหน้าด้วยความประหลาดใจ “ป้าเกอ ทำไมถึงกลับมาเร็วจังเลยคะ? เราคิดว่าป้าจะกลับมาสิ้นเดือนหน้าซะอีก”
เกอชิงเหม่ยและซ่างสยงเยี่ยเพิ่งจะกลับมาที่นี่ จึงไม่มีใครคาดคิดว่าเธอจะกลับมาอีกเร็วแบบนี้
เกอชิงเหม่ยตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “กลับมาคราวนี้ ป้าจะกลับเมืองก่างเฉิงอีกทีปีหน้าเลยจ้ะ”
ถังซวงตกตะลึง ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะพึมพำขึ้นว่า “ป้าเกอคะ… ป้า… ทะเลาะกับคุณลุงซ่างหรือคะ?”
เกอชิงเหม่ยเหลือบมองถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย ป้าดูเหมือนว่ากำลังทะเลาะกับใครอยู่หรือจ๊ะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ”
พวกเธอเองก็ดูออกว่าเกอชิงเหม่ยกำลังอารมณ์ดีมาก ไม่น่าจะทะเลาะกับใครมาแน่ ๆ
เกอชิงเหม่ยไม่อยากหยอกล้อเด็ก ๆ ต่อ จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ป้าท้องน่ะ เลยคิดว่าจะคลอดลูกที่นี่จ้ะ”