การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 576 ขอโทษที่ฉันทำพวกคุณเสียเวลา
- Home
- การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย
- บทที่ 576 ขอโทษที่ฉันทำพวกคุณเสียเวลา
บทที่ 576 ขอโทษที่ฉันทำพวกคุณเสียเวลา
ถังซวงเองก็พยักหน้ารับคำพูดของพานลี่ฮวา “ค่ะคุณป้า พรุ่งนี้เราไปที่นั่นด้วยกันนะคะ”
แม้จิงเหวินรุ่ยเองจะร้อนใจ แต่เขาก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลา และเขาเองก็ทำให้พานลี่ฮวากับถังซวงต้องมาเดือดร้อนในเรื่องของตนมากพอแล้ว
“ขอบคุณคุณป้ามากนะครับที่มาช่วยผม”
พานลี่ฮวายิ้มก่อนจะโบกมืออย่างสบาย ๆ “โอ๊ยเหวินรุ่ย อย่าพูดแบบนั้นเลยจ้ะ ยังไงซะเราก็คนกันเอง อีกอย่างป้าก็รู้จักกับจูรุ่ยมานานแล้ว เธอเป็นเด็กดี และป้าก็ปรารถนาให้เธอสองคนได้อยู่ด้วยกัน พรุ่งนี้พวกเราจะต้องได้พบเธอแน่จ้ะ”
“ครับ”
ตกกลางคืน เฮ่อจื่อกุยและเฮ่อเจียรุ่ยกลับมาที่บ้าน
เพราะผู้อาวุโสเฮ่อทั้งสองคนไปอยู่เมืองหลวงแล้ว กิจการทั้งหมดในเมืองก่างเฉิงจึงเป็นเฮ่อจื่อกุยและลูกชายดูแล พวกเขาจึงยุ่งตลอดเวลา กระทั่งว่าตอนนี้เฮ่อเจียรุ่ยเองก็เริ่มเข้ามาดูแลกิจการบางส่วนแล้วด้วย
“ซวงเอ๋อร์ ลุงต้องขอโทษด้วยนะที่วันนี้ไม่ได้ไปรับเธอด้วยตัวเอง”
“คุณลุงอย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ เป็นพวกเรามากกว่าที่มารบกวน”
เฮ่อจื่อกุยรีบแย้งถังซวง “ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป อย่าพูดเรื่องเก่าเลย ไปกินข้าวกันดีกว่า”
“ใช่ หลังจากทานมื้อเย็นแล้วต้องพักผ่อนให้มากนะ”
พานลี่ฮวาพาทุกคนไปที่ห้องอาหาร
ระหว่างมื้ออาหาร เฮ่อจื่อกุยถามเรื่องของผู้อาวุโสเฮ่อทั้งสองมากมาย ส่วนพานลี่ฮวาก็ชวนจิงเหวินรุ่ยและถังชุนหยานกินอาหารบนโต๊ะ
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณลุง คุณตาคุณยายสบายดีมาก พูดคุยกับคุณปู่ และคุณปู่หลี่ทุกวัน สุขภาพแข็งแรงดีค่ะ”
เฮ่อจื่อกุยได้ยินอย่างนั้นก็โล่งอก
ส่วนเฮ่อเจียรุ่ยก็ถามถึงถังเซวี่ยบ้าง “ตอนนี้เสี่ยวเซวี่ยยังวาดรูปอยู่ไหม? เธอน่าจะอยู่ชั้นมัธยมปลายปีสองแล้ว คงจะยุ่งมากใช่ไหม?”
“ถ้ามีเวลาว่างเสี่ยวเซวี่ยจะวาดภาพตลอดค่ะ เธอชอบการออกแบบมากเลย แต่หลังจากขึ้นมัธยมปลายแล้วก็ต้องเรียนหนัก ต้องแบ่งเวลาอ่านหนังสือให้ดีค่ะ”
เฮ่อเจียรุ่ยโล่งใจ “ได้ยินเธอพูดอย่างนี้ก็ค่อยสบายใจหน่อย ฉันกลัวว่าหากไม่ได้วาดปล่อย ๆ จะลืมเอาได้”
เห็นว่าทุกคนพูดคุยกันไม่หยุด พานลี่ฮวาจึงกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้ “เจียรุ่ย อย่าเพิ่งชวนซวงเอ๋อร์คุยนักสิ ให้กินข้าวก่อนจะได้รีบพักผ่อน พวกเขาเดินทางมาไกล ตอนนี้คงจะเหนื่อยมากแล้ว”
“ใช่ ๆ กินข้าวเถอะ ไม่คุยแล้ว”
เฮ่อจื่อกุยชวนให้ทุกคนกินข้าว
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว พานลี่ฮวาพาถังซวงและคนอื่น ๆ ไปห้องพัก “ซวงเอ๋อร์ ชุนหยาน ห้องของพวกเธออยู่ทางนี้นะ อยู่ติดกันน่าจะสะดวกกว่า” หลังจากนั้นเธอหันมองจิงเหวินรุ่ย “เหวินรุ่ย ห้องของเธออยู่ฝั่งเดียวกันกับเจียรุ่ย เดี๋ยวให้เจียรุ่ยพาไปนะจ๊ะ”
เฮ่อเจียรุ่ยตบบ่าของจิงเหวินรุ่ยก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “เหวินรุ่ย ป่ะ ไปกันเถอะ”
“อื้ม”
ตกค่ำ บรรยากาศกลายเป็นเงียบงัน
ถังซวงหลับสนิทตลอดทั้งคืน และตอนเช้าถังชุนหยานกับถังซวงตื่นขึ้นพร้อมกัน เมื่อสองคนมาถึงห้องนั่งเล่น ก็เห็นว่าจิงเหวินรุ่ยนั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว
“พี่รอง พี่ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมมาเร็วจัง”
ถังซวงคิดว่าตัวเธอตื่นเช้ามากแล้ว แต่กลับช้ากว่าเขาซะได้
พานลี่ฮวาเดินออกมาจากห้องครัวก่อนจะชวนถังซวงไปทานมื้อเช้า ขณะเดียวกันก็หันมองจิงเหวินรุ่ยพร้อมกล่าวหยอกล้อ “เหวินรุ่ย อยากเจอจูรุ่ยแล้วใช่ไหมล่ะ? เมื่อคืนคงนอนไม่หลับเลยสินะจ๊ะ? ฉันเห็นว่าเธอลุกขึ้นตั้งแต่ตีห้าแล้วน่ะ”
จิงเหวินรุ่ยเขินอาย เขานอนไม่หลับจริง ๆ เพราะไม่คุ้นเคยสถานที่ส่วนหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไร เพียงยกยิ้มตอบกลับว่า “ไม่หรอกครับ เมื่อคืนผมหลับสนิทมาก ตื่นเช้าเป็นปกติอยู่แล้ว”
แน่นอนว่าพานลี่ฮวาไม่เชื่อ แต่เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ และบอกให้ถังซวงกับคนอื่น ๆ รีบทานอาหาร
“รีบกินข้าวกันเถอะ เราจะได้ไปเยี่ยมบ้านตระกูลจูด้วยกัน”
ถังซวงมองเวลา ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “มันเช้าไปหรือเปล่าคะ พวกเขาจะตื่นหรือยัง”
“ไม่เช้าไปหรอก เดี๋ยวเรากินเสร็จก็ค่อยไปที่นั่น สักแปดโมงก็ถึงบ้านตระกูลจูแล้วละ”
ถังซวงเห็นว่าเฮ่อจื่อกุยและเฮ่อเจียรุ่ยยังไม่ออกมา เธอจึงถามว่า “คุณป้าคะ เรารอคุณลุงกับเจียรุ่ยก่อนไหมคะ”
พานลี่ฮวาโบกมืออย่างสบาย ๆ “ไม่ต้องรอหรอก พวกเขาไม่ทานมื้อเช้าที่บ้าน”
“งั้นหรือคะ?”
พานลี่ฮวาหัวเราะก่อนจะพูดว่า “ป้าจะโกหกทำไมล่ะ พวกเขาไม่กินข้าวเช้าที่บ้านจริง ๆ เอาละ เรามากินกันเถอะจ้ะ”
“ค่ะ”
หลังจากถังซวงและทุกคนทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว พานลี่ฮวาก็พาทุกคนออกไป
ถังชุนหยานและจิงเหวินรุ่ยต่างก็มาที่เมืองก่างเฉิงครั้งแรก ทั้งสองมองดูความพลุกพล่านรอบตัวและรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย แต่จิงเหวินรุ่ยกลับแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่ตื่นเต้นอะไรกับสิ่งเหล่านี้เลย เขาและถังชุนหยานมองตึกอาคารสูงใหญ่ และถนนกว้างเต็มไปด้วยจราจรแน่นหนา และตระหนักได้ว่าดวงตาอาจไม่มีพื้นที่เพียงพอให้เก็บภาพสิ่งเหล่านี้
พานลี่ฮวายกยิ้มก่อนจะเอ่ยปากถาม “ชุนหยาน ทำไมไม่มาอยู่ในเมืองก่างเฉิงแล้วช่วยงานป้าล่ะ”
ถังชุนหยานเบือนหน้าออกจากสิ่งตระการตาก่อนจะส่ายศีรษะ “หนูช่วยป้าพานไม่ได้หรอกค่ะ หนูอยากอยู่กับพี่สาวซวงมากกว่า”
“ทำไมล่ะชุนหยาน เมืองก่างเฉิงไม่ดีหรือ? ถ้าถึงเวลาที่เหมาะสมฉันจะแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายดี ๆ สักคน และเธอก็จะได้ปักหลักในเมืองก่างเฉิงไง” หลังจากนั้นเธอคิดไปถึงเครื่องสำอางที่ผลิตขึ้นโดยถังชุนหยาน พานลี่ฮวาก็รู้สึกว่านี่คือพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ควรจะรักษาไว้ให้ดี เธอหันไปถามถังซวง “ซวงเอ๋อร์ เธอคิดว่ายังไง?”
ถังซวงยิ้ม “ตามที่ถังชุนหยานเต็มใจเลยค่ะ อยู่ที่ไหน ฉันก็ไม่มีปัญหาหรอก”
หลังจากได้ยินอย่างนั้นแล้ว พานลี่ฮวาหันมองถังชุนหยานอย่างคาดหวัง
แต่ถังชุนหยานยังคงส่ายศีรษะ “ป้าพานคะ หนูจะไม่อยู่ในเมืองก่างเฉิงค่ะ หนูจะอยู่กับพี่สาวซวง”
พานลี่ฮวาถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“อ่า เอาละ”
หลังจากมาถึงบ้านตระกูลจู ก็เป็นเวลาแปดโมงเช้าพอดี แต่กลับไม่มีใครได้พบกับจูรุ่ย
“คุณพาน มาที่นี่ทำไมหรือคะ? ฉันบอกไปแล้วนี่ว่าพี่สาวของฉันไม่ว่าง หล่อนกำลังยุ่งกับการเตรียมงานแต่งงาน และตอนนี้ก็ไม่อยู่บ้านด้วย”
ถังซวงมองจูเหลียนตรงหน้าพร้อมเลิกคิ้วขึ้น
“จูเหลียน ไม่ได้พบกันเสียนานนะ วันนี้ไม่ใช่คุณพานที่ต้องการพบเจอพี่สาวของเธอหรอก แต่เป็นฉันที่มาเที่ยวเมืองก่างเฉิงและอยากพบต่างหาก หล่อนไม่อยู่งั้นหรือ?”
จูเหลียนหันมองถังซวง
แน่นอนว่าเธอจำถังซวงได้ ด้วยรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายแล้ว เธอจะไม่มีวันลืมแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นถังซวงไม่เพียงแต่จะหน้าตาดี แต่ยังมีความสามารถ ถังซวงและพานลี่ฮวาเปิดบริษัทเครื่องสำอางร่วมกัน และเธอเคยได้ยินมาว่าเครื่องสำอางทั้งหมดนั้นเป็นถังซวงที่พัฒนาขึ้นมา
จูเหลียนมองถังซวงด้วยแววตาริษยา ก่อนจะยกยิ้มฝืนแล้วกล่าวอีกครั้งว่า “เป็นคุณถังนี่เอง แต่พี่สาวของฉันไม่อยู่บ้านจริง ๆ ขอโทษด้วยที่ทำให้พวกคุณเสียเวลา”