การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 587 สร้างปัญหา
บทที่ 587 สร้างปัญหา
หลังออกจากร้าน ถังซวง ถังชุนหยาน และพานลี่ฮวาตรงไปยังร้านขายเครื่องสำอางอีกสองแห่ง
ทั้งสองร้านนั้นไม่มีสิ่งใดที่ผิดแปลก และถังซวงพึงพอใจกับการให้บริการของพนักงานต้อนรับของทั้งสองร้านนั้นมาก “คุณป้าคะ ทั้งสองร้านนี้ดีมากเลยค่ะ งั้นเราไปดูโรงงานกันเถอะ”
พานลี่ฮวาถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
ซวงเอ๋อร์เชื่อใจเธอมาก ถ้าหากมีปัญหาในร้านขายเครื่องสำอางเหล่านี้ เธอคงจะรู้สึกละอายใจ หลังจากคราวนี้เธอจะต้องจัดระเบียบร้านทั้งหมด จะไม่ปล่อยให้มีเรื่องผิดพลาดอีกต่อไป
เมื่อทั้งหมดมาถึงโรงงาน พานลี่ฮวาพาถังซวงและถังชุนหยานไปสวมใส่ชุดพิเศษ ก่อนจะพาเข้าเยี่ยมชมภายในโรงงาน ผู้รับผิดชอบหลายคนรู้จักถังซวง และเคยได้ยินเรื่องราวของถังชุนหยานมาก่อน ทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าถือว่าเป็นผู้ก่อตั้ง “ท่านประธาน ช่างเทคนิคถัง อุปกรณ์สำหรับการสร้างผลิตภัณฑ์ของเราอยู่ในอีกห้อง ฉันจะพาไปดูค่ะ”
พานลี่ฮวามองผู้ที่รับผิดชอบด้วยความพอใจ “ไม่เลว ไม่เลว ฉันไม่คิดว่าเธอจะเตรียมตัวได้ดี”
“คุณพาน ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วค่ะ”
หัวหน้างานดีใจมากหลังได้รับคำชม เธอพาถังซวงและคนอื่น ๆ เดินชมด้วยรอยยิ้ม “ตรงนี้ค่ะ ถ้ามีสิ่งอื่น ๆ ที่ต้องการอีก สามารถบอกได้ทันที เราจะจัดเตรียมให้”
ถังชุนหยานมองดูสิ่งต่าง ๆ ด้วยความระมัดระวังก่อนจะเอ่ยปากขึ้นว่า “ไม่ต้องเพิ่มเติมอะไรแล้วค่ะ เท่านี้เพียงพอแล้ว” จากนั้นเธอหันไปหาถังซวงพร้อมเอ่ยปากถาม “พี่สาวซวง ฉันควรจะมาสอนพวกเขาในวันพรุ่งนี้ไหมคะ? จะได้มีเวลามากหน่อย”
ถังซวงพยักหน้า “อื้ม พรุ่งนี้ฉันจะมากับเธอด้วย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันมาคนเดียวได้”
ถังชุนหยานได้ยินถังซวงบอกไว้ว่าเธอมีเรื่องต้องทำในก่างเฉิงอีกมาก จึงไม่อยากเป็นภาระ
แต่ในขณะนั้น พานลี่ฮวากล่าวขึ้น “ซวงเอ๋อร์ พรุ่งนี้ป้าจะมาที่นี่กับชุนหยานด้วย ไม่ต้องกังวลนะ”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงจึงไม่โต้แย้ง “ค่ะ งั้นพรุ่งนี้หนูจะไปจัดการเรื่องอื่น”
หลังจากทั้งสามคนเข้ามาดูโรงงานสักครู่หนึ่ง ก็เย็นมาแล้ว พวกเธอจึงรีบกลับทันที
“ซวงเอ๋อร์ ชุนหยาน พวกเธอกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ป้าจะเข้าครัวไปเตรียมอาหารเย็นกับพวกป้า ๆ ด้านใน”
ถังซวงและถังชุนหยานพยักหน้า “ขอบคุณค่ะคุณป้า”
“ฮ่าฮ่า… ขอบคุณอะไรกันจ๊ะ ป้าต่างหากที่ต้องดีใจที่เหวินรุ่ยกับจูรุ่ยได้เจอกัน ว่าแต่ทั้งสองคนอยู่ไหนล่ะเนี่ย?” เธอเพิ่งรู้ตัวว่ายังไม่ได้พบจิงเหวินรุ่ยและจูรุ่ยเลย
ทันใดนั้น จิงเหวินรุ่ยและจูรุ่ยก็เดินเข้ามา
“คุณป้า กลับมาแล้วเหรอครับ”
จิงเหวินรุ่ยยิ้มทักทายก่อนจะมอบของขวัญให้กับทุกคน “คุณป้า ซวงเอ๋อร์ ชุนหยาน ขอบคุณที่มาก่างเฉิงเพื่อฉันกับเสี่ยวรุ่ยนะ”
พานลี่ฮวามองจิงเหวินรุ่ย และกล่าวด้วยน้ำเสียงตำหนิเล็กน้อย “เหวินรุ่ย ไม่จำเป็นต้องสุภาพนักหรอก อีกอย่างพวกเราเป็นญาติกัน ไม่จำเป็นต้องขอบคุณเลย”
จูรุ่ยที่ยืนด้านข้างก็กล่าวขอบคุณด้วยเช่นกัน
“คุณพาน ฉันอยากจะขอบคุณทุกคนจริง ๆ ค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันคงถูกขังอยู่ในบ้าน ไม่ได้เจอกับทุกคนแบบนี้”
พานลี่ฮวามองจูรุ่ยก่อนจะเอ่ยปากขึ้นว่า “ทำไมเรียกฉันว่าคุณพานล่ะ เธอควรจะเรียกฉันว่าป้าพานสิจ๊ะ”
ใบหน้าจูรุ่ยแดงเรื่อ แม้จะเขินอายแต่เธอก็กล่าวว่า “ค่ะป้าพาน”
“จ้ะ…”
แววตาของพานลี่ฮวาเป็นประกายความยินดีเมื่อได้ยินจูรุ่ยเรียกตนว่าป้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจูรุ่ยชอบจิงเหวินรุ่ยมากแค่ไหน ถึงกับยอมเรียกตนว่าป้าแล้ว
จิงเหวินรุ่ยเองก็มีความสุขไม่แพ้กัน เขาหันมองจูรุ่ยด้วยความรัก คล้ายว่ามีคำพูดมากมายอยู่ในดวงตาคู่นั้น
ถังซวงและถังชุนหยานหัวเราะ เมื่อเห็นทั้งสองคน จากนั้นจึงกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเองเพราะไม่อยากเป็นก้างขวางคอ
เมื่อเฮ่อจื่อกุยและเฮ่อเจียรุ่ยกลับมา อาหารเย็นก็ถูกตั้งโต๊ะพร้อมแล้ว
เห็นอาหารเย็นหรูหราตรงหน้า เฮ่อจื่อกุยถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “วันนี้มีงานฉลองอะไรหรือเปล่า? ทำไมอาหารหน้าตาน่ากินแบบนี้ล่ะ?”
พานลี่ฮวาจึงตระหนักได้ว่าเธอยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับลูกชายและสามีเลย “อ้อ ฉันลืมบอกคุณไปเลยว่าเหวินรุ่ยกับเสี่ยวรุ่ยคบหากันแล้ว ฉันมีความสุขเลยเตรียมอาหารเย็นมื้อใหญ่ฉลองให้พวกเขาทั้งสองคนน่ะ”
เฮ่อจื่อกุยและเฮ่อเจียรุ่ยไม่ได้แปลกใจอะไรนัก เพราะจิงเหวินรุ่ยออกจากเมืองหลวงเพื่อมาหาจูรุ่ยถึงก่างเฉิง เพียงเท่านี้ก็พิสูจน์ความรักของทั้งสองได้แล้ว และตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ชัดเจนมากขึ้น ล้วนแต่เป็นเรื่องที่น่ายินดี “โอ้ อย่างนั้นหรือ งั้นพวกเรามาฉลองกันดีกว่า เหวินรุ่ยเรามาดื่มกันเถอะ!”
เหวินรุ่ยไม่ปฏิเสธ ยิ้มและพยักหน้ารับ “ครับคุณลุง”
ขณะที่ทุกคนกำลังรับประทานมื้อเย็น เสียงกริ่งดังขึ้น พานลี่ฮวาจึงบ่นออกมาอย่างไม่ตั้งใจ “ใครกันนะมาในเวลาแบบนี้”
เมื่อเห็นว่าใครที่มา ใบหน้าของเธอก็มืดมน ไม่พอใจ
“พี่สะใภ้ พี่มาที่นี่ทำไมคะ?”
เยี่ยฉงยืนอยู่ถัดจากเยี่ยฝูเซี่ยง แต่พานลี่ฮวาไม่สนใจหล่อนเลย
เยี่ยฝูเซี่ยงทำหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นท่าทางเฉยชาของพานลี่ฮวา
“ลี่ฮวา เสี่ยวฉงทำงานหนักให้กับเธอ แต่ทำไมถึงไล่หลานฉันออกแบบนี้? เธอรู้ไหมว่าเพื่อที่จะจัดการเรื่องต่าง ๆ ในร้าน เสี่ยวฉงต้องเผชิญกับความยากลำบากแค่ไหน แต่นี่กลับถูกไล่ออก? เธอทำแบบนี้ได้ยังไง ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะไล่ใครง่ายอย่างนี้ ฉันคิดผิดจริง ๆ เธอไล่คนออกโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ทั้งที่เห็นอยู่แล้วว่าเสี่ยวฉงทำงานหนักแค่ไหน”
พานลี่ฮวาได้ยินถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
“พี่สะใภ้ แล้วพี่รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไล่เยี่ยฉงออก? พี่เข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วหรือถึงบุกมาหาฉันถึงที่นี่? นอกจากนี้ซวงเอ๋อร์คือเจ้าของบริษัทที่แท้จริง เธอสามารถไล่ใครออกก็ได้ ถ้าหากเธอไม่ชอบใคร!”
เยี่ยฝูเซี่ยงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ อย่างนี้เธอหมายความว่าต่อให้เยี่ยฉงจะทำถูกต้อง แต่ก็ถูกถังซวงไล่ออกได้หากอีกฝ่ายไม่พอใจงั้นหรือ
พอนึกถึงสิ่งที่พานลี่ฮวากล่าวก่อนหน้า ก็ถามด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น? หรือเสี่ยวฉงทำอะไรผิดกัน? และแม้หลานฉันจะทำพลาด แต่เธอก็ควรจะให้โอกาสเยี่ยฉงได้แก้ไขไม่ใช่ไล่ออกแบบนี้ เธอควรจะดูแลหลานฉันให้มากเพื่อเห็นแก่ใบหน้าของฉันสิ นี่ฉันอุตส่าห์ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวของเราเพื่อของานให้กับเยี่ยฉงในคราวนี้เลยนะ”
พานลี่ฮวาโกรธจัด เชิดหน้าขึ้น พูดต่อว่า “พี่สะใภ้คะ สิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดในตอนนี้คือการยอมให้เธอเข้ามาทำงานในร้านของฉัน ไม่รู้เลยว่าฉันต้องเสียลูกค้าไปกี่คนเพราะปากของหลานสาวพี่ หลานสาวของพี่เติบโตมาแบบไหนฉันไม่ทราบ แต่ตาของเธอคงจะต่ำเตี้ย วันนี้เธอถึงกับกล้าไล่เจ้าของบริษัทออกจากร้าน พี่คิดว่าเราควรจะให้พนักงานอย่างนี้ทำงานต่องั้นหรือคะ?”
“อะไรนะ…”
เยี่ยฝูเซี่ยงรู้สึกว่าเรื่องราวมันไม่เป็นดั่งที่เธอคิดไว้เลย เธอหันมองเยี่ยฉงด้วยความประหลาดใจ “เป็นอย่างนั้นหรือ?”
เยี่ยฉงรีบอธิบาย “คุณป้าคะ เพราะฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นเจ้าของบริษัท คนไม่รู้ไม่ผิดไม่ใช่หรือคะ ในอนาคตฉันจะไม่ทำอีกแน่นอน”
แน่นอนว่าเยี่ยฝูเซี่ยงรู้ว่าเจ้าของบริษัทคือถังซวง ความจริงเธอเองก็ไม่พอใจเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน บริษัทนี้ทำเงินได้สูงมาก และกำไรครึ่งหนึ่งของที่นี่เป็นเงินของสาวน้อยคนนั้น ตระกูลเยี่ยไม่ได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้เลย และตอนนี้หลานสาวของเธอถูกถังซวงไล่ออก เธอจึงต้องการทวงความยุติธรรมคืนให้กับหลานสาวของตัวเอง
“ลี่ฮวา เสี่ยวฉงรู้ความผิดตัวเองแล้ว ลองให้โอกาสเธออีกสักครั้งเถอะนะ”