การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 588 คว้าน้ำเหลว
บทที่ 588 คว้าน้ำเหลว
พอได้ยินเยี่ยฝูเซี่ยงกล่าวอย่างนั้นแล้ว พานลี่ฮวาก็ปฏิเสธเด็ดขาด
“ไม่มีโอกาสอะไรทั้งนั้น สิ่งที่เยี่ยฉงทำผิดถือเป็นความผิดร้ายแรง หากพี่สะใภ้ไม่มีอะไรแล้ว ควรกลับไปเถอะค่ะ”
เยี่ยฝูเซี่ยงทนไม่ไหวแล้ว “พานลี่ฮวา เธอยังมีครอบครัวของแม่ผู้ให้กำเนิดอยู่ในใจบ้างไหม ตอนนี้ธุรกิจของเธอรุ่งเรืองขนาดนี้ แต่กลับใจร้ายกล้ากล่าวคำแบบนี้กับฉันงั้นหรือ? นี่คือความรักที่เธอมีต่อพี่สะใภ้ของตัวเองใช่ไหม?”
ในตอนท้าย เธอชี้ไปที่ถังซวงก่อนจะพูดขึ้นว่า “ถังซวงไม่ใช่หลานสาวทางสายเลือดของเธอด้วยซ้ำ แม่ของเธอเป็นแค่ลูกบุญธรรม แต่กลับช่วยเหลือคนนอกที่ไม่ใช่ครอบครัวตัวเอง เธอยังมีสติดีอยู่ไหม?”
เยี่ยฉงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน เธอคิดว่าถังซวงเป็นหลานตระกูลเฮ่อจริง ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าถังซวงคือลูกสาวของลูกบุญธรรมของตระกูลเฮ่อ
เยี่ยฉงเหลือบมองถังซวงด้วยแววตาเหยียดหยามทันที
“อะไรกัน? เป็นแค่ลูกบุญธรรมเองหรือ ฉันก็หลงคิดว่าเธอเป็นคนก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมา แต่จริง ๆ แล้วเป็นแค่ในนาม ยังกล้าทำตัวใหญ่โตอีก” เยี่ยฉงกล่าวออกมา และหันมองพานลี่ฮวาก่อนจะยกยิ้ม “คุณพาน ป้าของฉันก็เป็นพี่สะใภ้ของคุณด้วย ถ้าหากคุณต้องการคู่ธุรกิจ คุณก็ควรจะเลือกป้าของฉันไม่ใช่หรือ”
คำพูดของเยี่ยฉงตรงกับใจของเยี่ยฝูเซี่ยงอย่างมาก
เพราะบริษัทนี้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เธอเองก็อยากจะมีส่วนเกี่ยวข้อง เมื่อมีโอกาส ก็อยากจะเข้าแทนที่ถังซวงทันที “ลี่ฮวา เสี่ยวฉงพูดถูก ในเมื่อเธออยากจะเปิดบริษัททำไมถึงไม่ขอให้ฉันมาลงทุนด้วย? เราเป็นครอบครัวเดียวกันแท้ ๆ ควรจะทำอะไรร่วมกันสิจึงจะถูก ตอนนี้ยังไม่สายเกินไปนะ เราควรพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอีกรอบ”
ถังซวงถึงกับตกตะลึงกับความไร้ยางอายของเยี่ยฝูเซี่ยง
แม้เธอจะไม่ชอบพี่สะใภ้ของพานลี่ฮวา แต่ก็ไม่ได้เกลียดชังเท่ากับตอนนี้เลย
และอีกคนที่ตกตะลึงไม่แพ้กันคือพานลี่ฮวา เธอมองเยี่ยฝูเซี่ยงอย่างประหลาดใจก่อนจะปรบมือให้อีกฝ่าย “เยี่ยฝูเซี่ยง คำพูดพี่ทำฉันประหลาดใจจริง ๆ เมื่อก่อนพี่ไม่ใช่คนไร้ยางอายขนาดนี้ กล้าพูดมันออกมาได้ยังไง!”
พานลี่ฮวาขับไล่พวกเขาออกไปอีกครั้ง
“พวกคุณกลับไปได้แล้ว บริษัทของเราไม่ต้องการคนแบบเยี่ยฉง!”
“พานลี่ฮวา อย่ามาจองหองนักเลย ถ้าหากวันนี้เธอกล้าทำให้ฉันโกรธ ฉันจะกลับไปบอกให้พี่ชายของเธอมาจัดการนะ!”
ยิ่งเห็นว่าเยี่ยฝูเซี่ยงกล้าข่มขู่ตัวเองอย่างนี้ พานลี่ฮวายิ่งพยายามขับไล่พวกหล่อนออกไป
“งั้นคุณกลับไปฟ้องพี่ใหญ่ให้เร็วเลย! ถ้าหากพี่ชายของฉันยังเข้าข้างคุณ เราสองคนพี่น้องก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว!” ในตอนท้าย พานลี่ฮวาพูดออกมาจากใจจริง
เยี่ยฝูเซี่ยงใจเต้นรัว
พวกเธอไม่สามารถทำอะไรพานลี่ฮวาได้เลย เพราะหากพานลี่ฮวายุติสัมพันธ์กับครอบครัวสามีของเธอจริง ๆ เป็นครอบครัวของเธอก็จบ ตระกูลเฮ่อยิ่งใหญ่กว่าตระกูลพานมาก แม้แต่พานลี่ฮวายังกลายเป็นประธานบริษัทที่มีชื่อเสียงในก่างเฉิง ตอนนี้ครอบครัวของเธอจึงได้รับผลประโยชน์มากมายจากความสัมพันธ์ของพานลี่ฮวากับสามี เธอไม่สามารถทำให้พานลี่ฮวายุติความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัวนี้เด็ดขาด
เยี่ยฝูเซี่ยงจึงจะทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายลง
เยี่ยฝูเซี่ยงหันไปเห็นจูรุ่ย ก็กล่าวออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “อ้าว… นี่ลูกสาวคนโตของตระกูลจูไม่ใช่หรือ? ตระกูลจูตามหาเธออยู่นี่ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
เยี่ยฝูเซี่ยงหันมองพานลี่ฮวา “ลี่ฮวา หรือว่าเธอลักพาตัวลูกสาวของคนอื่นมา?”
พานลี่ฮวาขมวดคิ้วเครียด พวกเขากำลังทานอาหาร จึงไม่มีเวลาให้จูรุ่ยไปหลบ ตอนนี้เยี่ยฝูเซี่ยงเห็นเธอแล้ว หากตระกูลจูรู้ว่าลูกสาวของพวกเขาอยู่ที่บ้านของเธอ ตระกูลเฮ่อลำบากแน่นอน
พอเห็นพานลี่ฮวาเครียดแบบนั้น เยี่ยฝูเซี่ยงก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือความลับของพวกเขา ความกังวลของเธอก็หายไป ระเบิดเสียงหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “ลี่ฮวา เธอทำมันจริง ๆ หรือ นี่เธอพาลูกสาวตระกูลจูมาได้ยังไง? เธอรู้ไหมว่าตระกูลจูกำลังตามหาหล่อนให้ควั่ก ถ้าหากพวกเขารู้ว่าคุณหนูจูอยู่ที่บ้านของเธอ มันจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ?”
ได้ยินอีกฝ่ายกล่าวอย่างนั้น พานลี่ฮวายิ่งรังเกียจพี่สะใภ้คนนี้มาก
แต่ก่อนที่พานลี่ฮวาจะพูดอะไร จูรุ่ยก็ลุกขึ้นพูดว่า “คุณพาน ฉันมาเยี่ยมตระกูลเฮ่อในฐานะแขก โปรดอย่าได้กล่าวถึงการลักพาตัวอะไรเลยค่ะ ถ้าหากคนอื่นได้ยิน พวกเขาจะคิดไปไกล”
จูรุ่ยมองเยี่ยฝูเซี่ยงด้วยแววตาเย็นชา “แล้วถ้าคุณต้องการบอกพ่อของฉัน ก็ไปบอกได้ทันทีเลยค่ะ เพราะวันพรุ่งนี้ฉันก็วางแผนไว้ว่าจะกลับบ้านแล้วเหมือนกัน”
ได้ยินจูรุ่ยพูดอย่างนั้น เยี่ยฝูเซี่ยงก็หันมองเธอ รู้สึกว่าคุณหนูจูแตกต่างจากข่าวลือที่ได้ยินมาเล็กน้อย แต่เรื่องที่ตระกูลจูกำลังตามหาจูรุ่ยนั้นเป็นเรื่องจริง “ฉันได้ยินว่าคุณหนูจูกำลังจะหมั้นกับหลานชายคนโตตระกูลหลี่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คงจะเป็นการดีหากคุณรีบกลับบ้านนะคะ”
พานลี่ฮวายังคงลังเล เมื่อเห็นว่าจูรุ่ยต้องเผชิญหน้ากับคนแบบนี้ เธอยิ่งทนไม่ได้ จึงไม่คิดรักษามารยา ขับไล่เยี่ยฝูเซี่ยงและเยี่ยฉงออกจากบ้านไปทันที
“พานลี่ฮวา เธอ… เธอกล้าไล่ฉันงั้นหรือคอยดูเถอะ เราสองคนไม่จบกันง่าย ๆ แน่!”
เยี่ยฝูเซี่ยงตบประตูอย่างแรง แต่ว่าประตูกลับไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย และเป็นฝ่ามือของเธอเองที่เจ็บ แต่ก็ทำได้เพียงจากไปเท่านั้น
เยี่ยฉงเดินตามเยี่ยฝูเซี่ยงไป “คุณป้าคะ จูรุ่ยคนนั้นมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
เยี่ยฝูเซี่ยงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “มีแน่นอน ป้าได้ยินว่าจูรุ่ยกำลังจะหมั้นกับหลานชายคนโตตระกูลหลี่ แต่ในช่วงสองวันที่ผ่านมาตระกูลจูแทบจะพลิกแผ่นดินค้นหาตัวเธอ ซึ่งชัดเจนแล้วพวกเขาบังคับลูกสาวให้หมั้นหมาย คงไม่คิดว่าจูรุ่ยจะมาอยู่ที่ตระกูลเฮ่อ”
เยี่ยฉงถามต่อ “คุณป้าคะ… อย่างนั้นเราควรบอกเรื่องนี้กับตระกูลจูไหม? ถึงจูรุ่ยจะบอกว่าไม่สน แต่ถ้าตระกูลจูมาที่นี่ คงจะสร้างปัญหาให้พวกเขาได้ไม่น้อย”
เยี่ยฝูเซี่ยงเองก็คิดแบบนั้น “อื้ม เราไปบ้านตระกูลจูกันเถอะ”
ทั้งป้าและหลานสาวตรงไปยังบ้านตระกูลจูทันที
อีกด้านหนึ่ง จิงเหวินรุ่ยหันมองจูรุ่ยด้วยความกังวล “เสี่ยวรุ่ย พวกเขาจะไปบอกพ่อของคุณไหมว่าคุณอยู่ที่นี่?”