การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 59 การทดสอบ(รีไรท์)
บทที่ 59 การทดสอบ(รีไรท์)
บทที่ 59 การทดสอบ(รีไรท์)
หลังจากความสงสัยเกิดขึ้นในใจของถังเจี้ยนกั๋ว เขาก็ไม่สามารถปฏิบัติต่อแม่ม่ายหลิวได้เหมือนเดิมอีกต่อไป และในตอนนี้ยังได้ยินคำพูดพวกนั้นอีก เขาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอ
ส่วนแม่ม่ายหลิวที่ได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เอ้อไหลจื่อทำแล้ว หัวใจของเธอก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ เธอคิดมาตลอดว่าเธอกับเอ้อไหลจื่อสนิทกันที่สุด แต่จริง ๆ แล้วคนผู้นั้น… กลับปิดบังเรื่องเช่นนี้จากเธอ อีกทั้งยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่าง และที่แย่กว่านั้น ข่าวลือว่าเธอแอบมีสัมพันธ์กับเอ้อไหลจื่อได้แพร่กระจายไปทั่ว ดังนั้นแม่ม่ายหลิวจึงมีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้น เธอคิดว่าต้องรีบอธิบายเรื่องนี้กับถังเจี้ยนกั๋ว
“เจี้ยนกั๋ว ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับไอ้สารเลวนั่น คุณต้องเชื่อฉันนะ”
เดิมทีเธอมีความสัมพันธ์กับถังเจี้ยนกั๋วก็เพื่อต้องการประโยชน์บางอย่างจากตระกูลของเขา มันไม่สำคัญว่าสุดท้ายเธอจะเลิกกับเขาหรือไม่ แต่ตอนนี้เมื่อเอ้อไหลจื่อถูกจับแล้ว เธอทำได้เพียงต้องจับถังเจี้ยนกั๋วไว้ให้มั่น ไม่อย่างนั้นเธอที่เป็นแม่ม่ายท้องโตจะอยู่อย่างไร
เมื่อเห็นแม่ม่ายหลิวร้องไห้ราวกับสายฝนโปรยปราย ถังเจี้ยนกั๋วไม่เคยรู้สึกเป็นทุกข์เท่านี้มาก่อน เขามองไปที่แม่ม่ายหลิวอย่างเย็นชาและถามว่า “จริงหรือ?”
“แน่นอน เป็นเรื่องจริง”
ถังเจี้ยนกั๋วไม่ได้พูดอะไร มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่จะตัดสินว่าจะเชื่อหรือไม่
เมื่อเห็นท่าทีของถังเจี้ยนกั๋ว แม่ม่ายหลิวก็ตื่นตระหนกอย่างมาก “เจี้ยนกั๋ว คุณไม่เชื่อฉันหรือ?”
“ผมไม่ได้พูดอย่างนั้น”
หลังจากถังเจี้ยนกั๋วพูดแบบนี้ เขาก็หันหลังออกจากบ้านไป
“เจี้ยนกั๋ว…”
แม่ม่ายหลิวมองไปที่ถังเจี้ยนกั๋วที่จากไปและตะโกนเรียกอีกฝ่าย แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่หันหลังกลับมามองเธอแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นหมู่บ้านใกล้เคียงอีกหลายแห่งก็รู้เรื่องที่เอ้อไหลจื่อหลอกเด็กสาวและขายพวกเธอไปที่ภูเขา และข่าวลือก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านหลู่ฮวา และไม่นานข่าวลือเกี่ยวกับแม่ม่ายหลิวที่แอบมีสัมพันธ์กับเอ้อไหลจื่อก็ค่อย ๆ จางหายไป
เมื่อถังซวงรู้ข่าวนี้ เธอก็เม้มริมฝีปากอย่างเคร่งเครียด ในเมื่อไม่มีใครพูดถึงเอ้อไหลจื่อและแม่ม่ายหลิวแล้ว ก็ปล่อยให้ถังเจี้ยนกั๋วและแม่ม่ายหลิวทรมานกันและกันไปตลอดชีวิตนั่นแหละ
ผู้ชายที่คลอดลูกเองไม่ได้ ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะมีลูกชาย แต่ท้ายที่สุดแล้วก็กลายเป็นลูกของชายอื่น เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอนาคตขึ้นมา มันต้องตื่นเต้นมากแน่ ๆ
นี่ถือได้ว่าเป็นการแก้แค้นที่เจ็บปวดที่สุด…
…
เมื่อขบวนการค้ามนุษย์ถูกจับกุมและนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เรื่องของเอ้อไหลจื่อพอผ่านไประยะหนึ่งจึงไม่ค่อยมีใครพูดถึง
หากแต่ถังเจี้ยนกั๋วยังคงใช้ชีวิตอย่างวุ่นวาย
ชีวิตของแม่ม่ายหลิวนั้นยากลำบากขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนแรกถังเจี้ยนกั๋วรู้สึกสงสารเธอและไม่เคยปล่อยให้เธอทำอะไรเองเลย แต่ตอนนี้มันต่างออกไป หญิงตั้งครรภ์ในชนบทยังคงทำงานตามปกติ แม้แต่แม่ม่ายหลิวก็ไม่เว้น เธอมีงานให้ทำทุกวันไม่รู้จบ
แต่ถังซวงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่เธอสนใจมากที่สุดในตอนนี้คือการสอบของเธอและเสี่ยวเซวี่ย
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย พวกลูกอย่ากังวลเกินไปนะ ไม่สำคัญว่าจะสอบผ่านหรือเปล่า ตราบใดที่ลูกพยายามอย่างเต็มที่…” เฮ่อหลานยืนยันอีกครั้งถึงสิ่งที่ลูกสาวทั้งสองจะต้องทำในการสอบครั้งนี้ และรีบปลอบโยนพวกเธอ เนื่องจากเธอกลัวว่าลูก ๆ จะกดดันเกินไป
ก่อนที่ถังซวงจะพูดอะไร ถังเซวี่ยก็พูดจากด้านข้างว่า “แม่คะ เราไม่กดดันเลยจริง ๆ น่าจะแม่มากกว่าที่กดดันที่สุด แม่รู้ตัวหรือเปล่า แม่พูดเรื่องนี้ซ้ำมาหลายครั้งแล้วนะ”
“อา…แม่พูดไปแล้วหรือ?”
ถังซวงพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ค่ะ แม่พูดไปแล้ว”
เฮ่อหลานไม่รู้ตัวจริง ๆ เมื่อเธอรู้ว่าลูกสาวสองคนไม่ประหม่าหรือกดดันจริง ๆ เธอก็เหลือบไปมองแล้วพูดว่า “ตกลง ในเมื่อลูก ๆไม่กดดันแล้ว…งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
หลินหมิงซู่และโม่เจ๋อหยวนที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นสามแม่ลูกเข้ากันได้ดีแบบนี้
“พี่หลาน ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยเป็นเด็กฉลาดมาก พวกเธอต้องสอบผ่านแน่นอน พี่ไม่ต้องกังวลเลยจริง ๆ”
“ใช่ครับ ป้าหลาน ผมได้ทดสอบทั้งสองคนก่อนแล้ว ไม่มีปัญหาสำหรับการสอบเทียบจบระดับประถมเลยครับ” อันที่จริง โม่เจ๋อหยวนรู้สึกว่าถังซวงแทบไม่มีปัญหาเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าเธอจะสอบระดับมัธยมต้นได้โดยตรงเลยก็ตาม เธอต้องสอบได้แน่ สำหรับถังเซวี่ยอาจจะน่าเป็นห่วงเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับอายุของเธอแล้ว ก็ถือว่าเธอทำได้ดีมาก
เมื่อได้ยินหลินหมิงซู่และโม่เจ๋อหยวนพูดเช่นนั้น เฮ่อหลานก็ผ่อนคลายเล็กน้อย
“ใช่ พวกเธอต้องไม่เป็นไร”
เมื่อพวกเขามาถึงโรงเรียนประถมประจำตำบล ก็มีคนทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“คุณหลิน คุณอยู่ที่นี่เอง”
หลินหมิงซู่มองบุคคลนั้นด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “อาจารย์ใหญ่จิน เด็กสองคนนี้คือถังซวงกับถังเซวี่ยที่จะมาสอบครับ และผมอาจต้องรบกวนคุณในอนาคตอีกนะครับ”
“ไม่มีปัญหา ๆ”
อาจารย์ใหญ่จินมองทั้งสองด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้ไปที่ห้องเรียนกันเถอะ แล้วเธอสองคนค่อย ๆ ทำข้อสอบก็พอ”
หลังจากมาถึงห้องเรียน ก็มีครูสองคนกำลังรออยู่ตรงนั้นแล้ว
คนหนึ่งสอนภาษาจีน อีกคนสอนคณิตศาสตร์ พวกเขาได้ยินข่าวว่าเด็กหญิงในชนบทสองคนมาสอบเทียบจบในวันนี้ เป็นเด็กที่ไม่เคยไปโรงเรียนมาก่อน แววตาของอาจารย์ทั้งสองมีแววไม่พอใจเล็กน้อย และพวกเขารู้สึกว่าเด็กสาวตัวเล็ก ๆ สองคนนี้ช่างอวดเก่งจริง ๆ นี่พวกเธอคิดจริง ๆ หรือว่าสามารถเรียนรู้ระดับประถมทั้งหมดได้ด้วยการศึกษาด้วยตนเอง นั่นมันเป็ฯความคิดที่ไร้เดียงสามาก
“คุณตง คุณโจว เด็กสองคนนี้เป็นนักเรียนที่จะมาสอบ คุณสามารถให้พวกเธอเริ่มทำข้อสอบได้เลย”
“ได้ค่ะอาจารย์ใหญ่”
เมื่อเห็นการแสดงออกที่กระตือรือร้นของอาจารย์ใหญ่จิน ทั้งสองก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเด็กสาวในชนบทสองคนนั้นไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นอารมณ์ของอาจารย์ใหญ่จะดีเช่นนี้ได้อย่างไร
อาจารย์ใหญ่จินมองไปที่หลินหมิงซู่ และพูดว่า “คุณหลิน เราปล่อยให้พวกเธอทำข้อสอบที่นี่ไปก่อนเถอะ เราไปนั่งรอในห้องทำงานของผมกัน คงจะใช้เวลาอีกนานกว่าการสอบจะจบลง”
หลินหมิงซู่คิดอยู่ครู่หนึ่งและตกลง “ตกลงครับ ผมรบกวนอาจารย์ใหญ่จินด้วยนะครับ”
หากพวกเขาทั้งหมดรออยู่ที่นี่ มันอาจเป็นการกดดันซวงเอ๋อร์และเสี่ยวเซวี่ยไปด้วย
หลังจากที่ทุกคนออกไป ตงเฟินขมวดคิ้วและมองไปที่ถังซวงกับถังเซวี่ย จากนั้นพูดอย่างเย็นชาว่า “ทดสอบภาษาจีนก่อนแล้วกัน แล้วก็เริ่มทำข้อสอบทันทีที่เธอได้รับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงชำเลืองมองตงเฟิน และพูดว่า “ค่ะอาจารย์ เริ่มสอบกันเถอะค่ะ”
เมื่อเห็นดวงตาที่ไร้อารมณ์ของถังซวง หัวใจของตงเฟินก็สั่นสะท้าน หลังจากที่รู้ว่าเธอถูกนักเรียนเพิกเฉยใส่ เธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมา “ได้ งั้นเริ่มกันเลย สำหรับคนที่ไม่เคยเรียนมาก่อน แบบทดสอบนี้ไม่ง่ายนะ ถ้าเธอทำแบบทดสอบได้ไม่ดี ก็อย่าคิดแม้แต่จะได้รับประกาศนียบัตรชั้นประถมศึกษาเลย”
เมื่อถังซวงได้ยินสิ่งนี้ เธอก็เผยสีหน้าเย็นชาออกมา
แม้แต่ความตื่นเต้นของถังเซวี่ยเองก็จางหายไป เพราะเธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเธอและพี่สาวกำลังถูกดูถูก และในที่สุดถังซวงก็ดึงถังเซวี่ยให้นั่งลงและพูดว่า “งั้นอาจารย์รอดูดีกว่าค่ะ ว่าเราจะทำได้หรือไม่ได้”
“ฮึ… ฉันก็อยากเห็นมันจริง ๆ”
“เอาล่ะคุณตง รีบแจกกระดาษข้อสอบเถอะค่ะ”
อาจารย์โจวที่อยู่ด้านข้างมีความเกรงใจหลินหมิงซู่ และคนอื่น ๆ เล็กน้อย ท้ายที่สุดแล้วบุคคลที่สามารถทำให้อาจารย์ใหญ่จินแสดงอาการแบบนั้นได้นั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงรีบเอ่ยปรามตงเฟิน
เมื่อเห็นเช่นนี้ ตงเฟินไม่ได้พูดอะไรอีก และยื่นข้อสอบให้เด็กทั้งสองทันที
“การทดสอบภาษาจีนใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ต้องรีบหน่อยนะ”