การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 594 หางาน
บทที่ 594 หางาน
ถังซวงที่ได้ยินว่าเหยาหงขอบคุณตน เธอเพียงส่ายศีรษะแล้วยกยิ้ม “เหยาหง ไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันเห็นว่าเสี่ยวซีเป็นเด็กดีและฉลาดมาก ฉันชอบเขามาก”
เหยาหงมีความสุขที่ถังซวงชื่นชมลูกชายของตน
“ถังซวง เธอเป็นคนเดียวที่ชื่นชมเขาเลยนะ เพราะปกติแล้วเสี่ยวซีซนมากเลยละ”
ตอนนี้ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านเองก็เอ่ยปากกล่าวเสริมว่า “เด็กผู้ชายจะค่อนข้างซนอยู่แล้ว ไม่แปลกหรอก” จากนั้นต้วนเฟิ่งหยิงพูดขึ้น “เหยาหง เดี๋ยวพวกเราจะไปด้วย ฉันก็อยากเจอเสี่ยวซีเหมือนกัน”
เหยาหงพยักหน้ารับ “จ้ะ งั้นไปกินข้าวที่บ้านฉันกัน” แม้ว่าบ้านของเธอค่อนข้างเล็ก แต่เธอก็อยากจะเชิญพวกเขามารับประทานอาหารเพื่อแสดงความขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ
ถังซวงและคนอื่น ๆ ตอบรับทันที
เหยาหงเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
วันเสาร์ ถังซวง ต้วนเฟิ่งหยิง และเจียนหวานหว่านมายังบ้านเช่าของเหยาหง
“น้าถัง น้าต้วน น้าเจียน มาแล้วหรือครับ เข้ามาเลยครับ”
ฉีซีรออยู่นานแล้ว เมื่อเห็นถังซวงและคนอื่น ๆ มาถึง เขารีบวิ่งไปต้อนรับด้วยรอยยิ้มสดใส
ถังซวงมีความสุขมากที่ได้เห็นฉีซีร่าเริงไม่เหมือนคราวที่แล้ว เขาดูดีและเต็มไปด้วยพลัง
ต้วนเฟิ่งหยิงก้าวมากอดฉีซีเอาไว้ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เสี่ยวซีมายืนรอด้านนอกแบบนี้นานหรือยัง อากาศหนาวขนาดนี้รีบเข้าบ้านเร็วเถอะ” ขณะพูดอย่างนั้นเธออุ้มฉีซีพร้อมกับยกเขาคล้ายกับร่อนเครื่องบิน
“ฮิฮิฮิ…”
ฉีซีมีความสุขมาก ส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมา “น้าต้วน น้าแข็งแรงเหมือนพ่อของผมเลย อุ้มผมแบบนี้ได้ด้วย แม่ของผมไม่เคยทำแบบนี้เลยนะ”
ต้วนเฟิ่งหยิงพาฉีซีบินอีกสองสามรอบก่อนจะวางเขาลงแล้วพูดขึ้นว่า “เป็นเพราะน้าต้วนแข็งแรงมากไงล่ะ”
ฉีซีกำหมัดแน่นก่อนจะพูดขึ้นว่า “ในอนาคตผมก็จะแข็งแรงเหมือนกับพ่อให้ได้ พ่อของผมต่อสู้กับคนไม่ดีตั้งมากมาย เขาเก่งมาก ในสายตาของผม พ่อเก่งที่สุดในโลก”
ต้วนเฟิ่งหยิงอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเด็กชาย
เด็กชายทำหน้าจริงจัง “เสี่ยวซีไม่ได้โกหก พ่อแข็งแกร่งมากจริง ๆ ก่อนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บ เขาปกป้องประเทศเอาไว้ ผมได้ยินว่าพ่อทำความดีไว้ตั้งมากมาย” ในตอนท้ายเด็กชายกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหดหู่ “น่าเสียดายที่พ่อต้องกลับบ้านหลังจากบาดเจ็บ ไม่สามารถไปปกป้องประเทศได้อีกแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวซีอย่างนั้น ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านถึงกับชะงักค้าง หากที่เด็กชายกล่าวออกมาเป็นเรื่องจริง ฉีเสียนน่าจะเคยอยู่ในกองทัพมาก่อน แต่เขาถูกปลดประจำการเพราะอาการบาดเจ็บ
ถังซวงเองก็คิดอย่างนั้น
ก่อนหน้านี้ที่เธอได้พบเจอกับฉีเสียน เธอก็รู้สึกว่าหน่วยก้านของเขาค่อนข้างดี คล้ายกับทหารในกองทัพ
ได้ยินอย่างนั้นถังซวงก็อดนึกถึงบริษัทรักษาความปลอดภัยที่เธอเคยกล่าวกับเฟ่ยไห่ชางก่อนหน้านี้ไม่ได้ คงจะดีมากถ้าหากได้คนปลดประจำการอย่างฉีเสียนเข้ามา
เหยาหงเดินออกมา และเห็นว่าถังซวงกับคนอื่น ๆ ยังไม่เข้ามาในห้อง จึงรีบเอ่ยปากเรียก
“เสี่ยวซี ต้อนรับคุณน้าเสร็จหรือยัง? ทำไมยืนอยู่ด้านนอกล่ะ รีบเข้ามาด้านในเร็วเข้า”
เสี่ยวซีตอบกลับ “ครับแม่ มาแล้ว ๆ” เสี่ยวซีกระโดดไปมาบนพื้นพร้อมเชิญทุกคนเข้าบ้าน
เห็นแบบนี้ ถังซวง ต้วนเฟิ่งหยิง และเจียนหวานหว่านต่างก็ขบขันในท่าทางของเด็กชาย
แม้แต่เหยาหงเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
หลังจากเข้ามาแล้ว ฉีเสียนกล่าวขณะยกชามซุปออกมา “อาหารพร้อมแล้วครับ”
ระหว่างมื้ออาหาร เหยาหงเอาเครื่องเคียงมาเพิ่มให้เผื่อว่าถังซวงและคนอื่น ๆ จะขอเพิ่ม
ต้วนเฟิ่งหยิงรีบโบกมือ “ไม่ต้องหรอกเหยาหง เอาให้เสี่ยวซีดีกว่า พวกเราไม่เป็นไร อีกอย่างอาหารที่เธอปรุงเนี่ยอร่อยจริง ๆ นะ ไม่คิดเลยว่าเธอจะมีฝีมือการทำอาหารยอดเยี่ยมขนาดนี้”
เหยาหงหน้าแดงเมื่อได้รับคำชม
“ฉีเสียนเป็นคนทำน่ะ ปกติแล้วเขาเป็นคนทำอาหารตลอด”
ต้วนเฟิ่งหยิงหัวเราะออกมา “เหยาหง เธอโชคดีจริง ๆ นี่พี่เขยของฉันมีฝีมือยอดเยี่ยมขนาดนี้เลยหรือเนี่ย ได้กินอาหารอร่อย ๆ ทุกวันจะต้องมีความสุขมากแน่เลย”
เหยาหงอายุมากกว่าพวกเธอทั้งหมด ดังนั้นการเรียกฉีเสียนว่าพี่เขยจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ฉีเสียนเองเขินอายเล็กน้อย เขาไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้น ตอนนี้หากยังไม่พูดอะไรคงเป็นเรื่องไร้มารยาทไปสักหน่อย จึงเอ่ยปากขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นก็กินเยอะ ๆ นะ”
“ได้เลย”
ถังซวงและคนอื่น ๆ ไม่ถือว่าตัวเองเป็นแขก พวกเธอกินอาหารอย่างสนุกสนาน และกินกันเยอะมาก
เหยาหงยิ้มกว้างกับภาพนั้น หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว เธอก็ไปหั่นผลไม้ให้กับพวกเธอ และแน่นอนว่าเธอซื้อมันมาเพื่อเลี้ยงอาหารแขกโดยเฉพาะ โดยปกติแล้วเธอมักจะไม่ซื้อผลไม้ เพราะรู้สึกว่ามันค่อนข้างสิ้นเปลือง
ฉีเสียนกำลังจะพาเสี่ยวซีออกไป แต่ถูกต้วนเฟิ่งหยิงหยุดไว้ “เสี่ยวซี มากินผลไม้ก่อนสิ”
เสี่ยวซีเม้มปาก เขาเองก็อยากกิน แต่ก็ส่ายศีรษะ “เสี่ยวซีเพิ่งกินข้าวเสร็จ อิ่มมากจนไม่อยากจะกินอีกแล้ว คุณน้ากินกันได้เลย”
เห็นท่าทางรู้ความของลูกชาย เหยาหงรู้สึกสะเทือนใจมาก
ต้วนเฟิ่งหยิงกอดเสี่ยวซีเอาไว้ก่อนจะพูดว่า “พวกน้าก็อิ่มแล้วเหมือนกัน เสี่ยวซีต้องมาช่วยกินสิ”
เวลานี้ เด็กชายไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร
ฉีเสียนที่อยู่ด้านข้างกำหมัดแน่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขื่นขม ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาที่ไร้ความสามารถ ลูกชายของเขาก็ไม่จำเป็นต้องอดทนแบบนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา
ถังซวงเงยหน้าขึ้นก่อนจะหันมองฉีเสียนแล้วเอ่ยปากถาม “พี่เขย ตอนนี้พี่ทำงานที่ไหนหรือคะ”
ฉีเสียนได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ เขาไม่เข้าใจว่าถังซวงถามทำไม แต่ก็ยังตอบออกไปตามตรง “ก็ไม่มีสถานที่เป็นหลักแหล่งหรอก ที่ไหนมีงานจ้าง ฉันก็ไปที่นั่น ฉันทำได้ทุกอย่างที่ได้เงินน่ะ” ความจริงแล้วการหางานในเมืองหลวงมันยากมาก ถ้าหากเขามีอาการบาดเจ็บร่วมด้วย การหาเงินก็ยิ่งเป็นเรื่องยากมากขึ้นไปอีก
ถังซวงมองฉีเสียนแล้วถามว่า “ฉันรู้จักงานหนึ่งน่าจะเหมาะสมกับพี่มาก ไม่รู้ว่าพี่จะสนใจไหม?”
ฉีเสียนประหลาดใจ
เด็กตรงหน้าเป็นนักศึกษาเหมือนกับภรรยาของเขา เธอจะมีงานแบบไหนมาเสนอ? แต่อย่างไรก็ตามถังซวงสามารถรักษาลูกชายของเขาได้ เขาเองก็ประทับใจในตัวเธอเช่นกัน เขาพยักหน้ารับพร้อมเอ่ยปากตอบกลับ “อื้ม ถ้ามันเหมาะสมกับฉัน ฉันจะทำงานนี้แน่นอน”