การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 596 ของขวัญ
บทที่ 596 ของขวัญ
ฉีเสียนได้ยินเปาลี่ผิงพูดอย่างนั้น เขาก็ยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ “ครับ ตั้งแต่วันนี้ไปผมจะติดตามคุณถังซวง” เขาไม่เรียกอีกฝ่ายว่าหัวหน้าโถง เพราะเขาไม่รู้เลยว่ามันเป็นโถงแบบไหน มันจะดีกว่าหากไม่พูดออกไปโดยตรง
ถังซวงเห็นฉีเสียนตอบตกลงทำงาน ก็ยิ้มก่อนจะเอ่ยปาก “เอาละ อย่างนั้นช่วงนี้พี่อยู่กับลี่ผิงไปก่อน”
จู่ ๆ ถังซวงก็นึกถึงเสี่ยวซีได้
“เหยาหงต้องไปเรียน แล้วพี่ก็ต้องทำงาน ใครจะดูแลเสี่ยวซีล่ะ?”
ฉีเสียนพูดขึ้นว่า “ปกติแล้วเสี่ยวซีจะมีเพื่อนบ้านดูแลให้ เราจ้างเธอดูแลเสี่ยวซีอย่างดี” แต่หลังจากนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ฉีเสียนขมวดคิ้วเคลือบแคลงใจ
คราวนี้เสี่ยวซีเป็นหวัดเพราะเสื้อผ้าของเขาเปียกฝน และไม่ได้เปลี่ยน
ปกติป้าเพื่อนบ้านค่อนข้างที่จะใส่ใจเด็กชาย แต่วันนั้นหล่อนไม่ได้สนใจเสี่ยวซีเลย แม้เสื้อผ้าของเด็กชายจะเปียกแต่เธอก็ไม่เปลี่ยนมันให้เขา
ถังซวงเห็นสีหน้าของฉีเสียนจึงถามต่ออีกหน่อย
หลังจากได้รู้เรื่องนี้ ถังซวงจึงพูดขึ้นว่า “อย่างนั้นก็พาเสี่ยวซีมาที่นี่ด้วย ฉันจำได้ว่าลี่ผิงจ้างคุณป้าสองคนมาด้วย อย่างนั้นให้พวกเธอช่วยดูแลเขาก็ได้”
เธอหันมองเปาลี่ผิงก่อนจะพูดต่อว่า “นับตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป เราจะเพิ่มเงินให้กับคุณป้าทั้งสองคน”
เปาลี่ผิงพยักหน้ารับ
“ครับท่านผู้นำโถง ผมเข้าใจแล้ว”
เขาให้ความสำคัญกับฉีเสียนมาก เพราะว่าตัวเขาก็ได้รับความสำคัญจากถังซวง
ขณะที่ฉีเสียนคิดปฏิเสธ เขาได้ยินถังซวงพูดขึ้นว่า “เอาละ แค่นี้เรื่องทั้งหมดก็เรียบร้อยแล้ว”
พอเห็นสีหน้าจริงจังของถังซวง ฉีเสียนจึงไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะเขาสัมผัสได้ว่าหัวหน้าคนใหม่ของตนเด็ดขาดมาก และหากเธอตัดสินใจอะไรแล้ว เธอจะไม่เปลี่ยนใจ
“ฉีเสียน พี่รู้เส้นทางแล้ว อย่างนั้นพรุ่งนี้พี่ก็มาที่นี่พร้อมกับเสี่ยวซีได้เลยนะ”
ฉีเสียนพยักหน้ารับโดยตรง “ครับคุณถังซวง”
หลังจากถังซวงจากไป เปาลี่ผิงตบบ่าของฉีเสียน กล่าวขึ้นว่า “ผู้นำโถงของพวกเราน่ะเก่งมาก นายโชคดีแล้วที่ได้เจอเธอ เอาละ เรามาทำความคุ้นเคยกับสถานที่สักหน่อย แล้วเดี๋ยวฉันจะแนะนำให้นายรู้จักกับบริษัทที่พวกเรากำลังจะก่อตั้ง”
“ครับ”
อีกด้านหนึ่ง ถังซวงกลับมาที่บ้านตระกูลจิงแล้ว
ถังหลานที่เห็นถังซวงกลับมาจึงรีบเข้ามาทักทาย “ซวงเอ๋อร์ มาช่วยเลือกหน่อยสิ อันไหนดีจ๊ะ?”
ถังซวงเห็นว่าเป็นเสื้อผ้าเด็กแบบใหม่มากมายหลายชุด เหมาะสำหรับเด็กชายและเด็กหญิง แถมดูดีมาก “สำหรับฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยใช่ไหมคะ?”
ถังหลานยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ “ใช่จ้ะ น้องจะครบขวบแล้ว แม่เลยจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สักหน่อย”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงจึงรู้ตัว น้องฝาแฝดของเธอจะอายุครบหนึ่งปีแล้ว เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจริง ๆ
“แม่คะ งั้นเรามาจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้กับฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยกันเถอะ”
ถังหลานพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “งั้นเราควรเชิญแค่คนในครอบครัวก็พอ ไม่ต้องจัดงานใหญ่โตหรอกจ้ะ”
“เดี๋ยวลองถามคุณปู่กับคุณย่าก่อนดีกว่าค่ะว่าพวกท่านคิดยังไง”
ถังหลานพยักหน้ารับ “จ้ะ งั้นเดี๋ยวแม่จะไปถามคุณพ่อคุณแม่อีกที”
ขณะที่แม่กับลูกสาวกำลังพูดคุยกัน หัวเฟยเฟิ่งก็เดินเข้ามาและเห็นทั้งสองคนกำลังเลือกเสื้อผ้าสำหรับงานเลี้ยงวันเกิดปีแรกของฟักทองน้อยและฟักขาวน้อย เธอจึงเข้ามาดูและเลือกเสื้อผ้าชุดเดียวกับที่ถังซวงเพิ่งเลือก
“แม่คะ แม่กับซวงเอ๋อร์เลือกชุดเดียวกันเลยค่ะ ในเมื่อทั้งสองคนคิดว่าชุดนี้ดูดีกว่า งั้นฉันก็จะเอาชุดนี้ค่ะ”
หลังทั้งสามคนตัดสินใจแล้ว ถังหลานไปหาคุณปู่จิงและคุณย่าจิง ส่วนหัวเฟยเฟิ่งยืนพูดคุยกับถังซวงต่อ
“ซวงเอ๋อร์ พวกเราจะกลับไปเยี่ยมตระกูลถังตอนไหนดี?”
ถังซวงหันมองหัวเฟยเฟิ่ง “คุณยายคะ มีเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูลถังหรือคะ?”
“ไม่มีหรอกจ้ะ”
หัวเฟยเฟิ่งยิ้มก่อนจะส่ายศีรษะ “ยายกลัวว่าหากผู้นำตระกูลไม่อยู่ คนอื่น ๆ จะละเลยหลานเอาได้ หากมีเวลาก็กลับไปเยี่ยมที่นั่นบ้างเถิด”
“ค่ะคุณยาย หนูเข้าใจแล้ว แต่ช่วงนี้หนูยุ่งมากจริง ๆ เราค่อยกลับไปฉลองปีใหม่พร้อมกับทุกคนในตระกูลแล้วกันค่ะ”
หัวเฟยเฟิ่งพยักหน้ารับ “จ้ะ เรากลับไปช่วงปีใหม่ก็ดีเหมือนกัน บรรยากาศค่อนข้างชื่นมื่นไม่เบา”
ขณะทั้งสองกำลังพูดคุย ถังเซวี่ยกลับมาแล้ว เพราะวันนี้เธอไปซื้อหนังสือจึงกลับบ้านช้าสักหน่อย “พี่คะ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ? วันนี้พี่กลับเร็วกว่าฉันอีก”
“เพิ่งกลับมาจ้ะ”
หัวเฟยเฟิ่งกล่าวทักทายถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย หลานกลับมาพอดีเลย คุณทวดของหลานส่งของมาให้แน่ะ แถมยังบอกให้ยายมอบให้กับหลานเป็นการส่วนตัวเลยนะ เอ้านี่” หลังจากนั้นเธอมองถังซวง “ซวงเอ๋อร์ ไปด้วยกันเถอะจ้ะ ยายคิดว่าเสี่ยวเซวี่ยไม่น่าจะยกมันคนเดียวได้”
“ค่ะ”
ถังซวงและถังเซวี่ยมาที่ลานบ้านของหัวเฟยเฟิ่ง ตอนนั้นเองที่พวกเธอเห็นกล่องขนาดใหญ่วางอยู่
“กล่องนี้แหละ ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ยกมันกลับไปได้เลย”
ถังเซวี่ยมองขนาดของกล่องแล้วพูดว่า “คุณยายคะ เดี๋ยวหนูขอลองดูก่อน หนูออกกำลังกายกับพี่ทุกวัน แข็งแรงมากอยู่แล้ว”
“จ้ะ ๆ”
ถังเซวี่ยนั่งยอง ๆ ใช้กำลังทั้งหมดยกกล่องใบนี้
เมื่อเห็นว่าถังเซวี่ยพยายามอย่างหนัก หัวเฟยเฟิ่งก็ยิ้มก่อนจะพูดว่า “ให้พี่ช่วยเถอะจ้ะ”
คราวนี้ถังเซวี่ยไม่ดื้อแล้ว เธอกับถังซวงช่วยกันยกกล่องกลับไปที่ห้องของตัวเอง
“ไม่รู้ว่าคุณทวดส่งอะไรมา หนักจัง”
ขณะพูด ถังเซวี่ยเปิดกล่องออก และเห็นว่ามันเป็นกล่องหิน เธอจึงรีบปิดกล่องทันที “นี่… คุณทวดเอาหินพวกนี้ออกมาได้ยังไง”
หินทั้งหมดเป็นหินที่พวกเขาพบในห้องลับของหอสมุด แม้หัวเทียนจางต้องการเอาออกมา มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะปกติแล้วจะมีคนของตระกูลหัวเฝ้าที่หอสมุดอยู่เสมอ แต่เขากลับส่งมันมามากขนาดนี้
แม้แต่ถังซวงเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ แต่เพราะหัวเทียนจางส่งมันมาแล้ว เขาคงต้องการให้ถังเซวี่ยใช้สิ่งเหล่านี้
“เสี่ยวเซวี่ย ถ้ามีเวลาก็รีบจัดการหินพวกนี้ซะ แล้วอย่าให้ใครรู้ล่ะ”
ถังเซวี่ยพยักหน้า “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”
ถังซวงเองก็นึกสงสัยว่าหินพวกนี้ใช้ทำอะไรได้ หลังจากถังเซวี่ยอยู่กับสิ่งเหล่านี้มาสักพักแล้ว เธอจึงลองถามว่า “เสี่ยวเซวี่ย เธอรู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างหรือเปล่า?”
“วันนี้ฉันไปซื้อหนังสือ แค่นึกว่าอยากได้เล่มไหน พอเงยหน้าขึ้นก็พบทันทีเลยค่ะ… แบบนี้ใช่หรือเปล่า?”
ถังเซวี่ยเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
แต่ถังซวงพยักหน้ารับ “ต้องใช่แน่นอน เอาละ อย่างนั้นก็พยายามอยู่กับมัน และถ้ามีการบ้านตรงไหนไม่เข้าใจถามฉันได้เลยนะ”
“ค่า”
หลังจากถังซวงจากไป ถังเซวี่ยพยายามอย่างหนักเพื่อเคลื่อนย้ายกล่องใบนี้ รีบหาที่ซ่อนมันเพราะกลัวว่าจะมีคนมาพบเข้าเสียก่อน