การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 606-2 ความเกลียดชังที่ยากอธิบาย (2)
- Home
- การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย
- บทที่ 606-2 ความเกลียดชังที่ยากอธิบาย (2)
บทที่ 606 ความเกลียดชังที่ยากอธิบาย (2)
จิงเจ้อหรงเห็นว่ามีคนดูแลลูกน้อยสองคนให้แล้ว เขาก็รีบชวนถังหลานกินอาหาร
“อาหลาน คุณควรจะรีบกินข้าว วันนี้คุณยังไม่ค่อยได้กินอะไรเลย ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่กับผู้เฒ่าตระกูลคอยดูแลฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยอยู่” ขณะพูด เขาก็ตักอาหารที่ถังหลานชอบมาให้
ถังหลานพยักหน้ารีบคำ คิดในใจว่าจะรีบกินให้เสร็จ เพื่อที่จะได้ดูแลลูกน้อยทั้งสองคนต่อ
แต่ก่อนถังหลานจะกินข้าวเสร็จ เด็กน้อยทั้งสองก็อิ่มแล้ว เพราะมีหลายคนผลัดกันป้อนพวกเขา และอยากจะลงจากโต๊ะเพื่อไปเล่นกัน
“ฟักทองน้อย ฟักขาวน้อย ฉันขอเล่นด้วยได้ไหม?”
เฟิงเยี่ยหานเดินเข้าหาเด็กสองคน กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ตกลง ตกลง”
ฟักขาวน้อยเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา ก่อนจะอ้าแขนออกกว้างเพื่อให้เฟิงเยี่ยหานกอด พวกเขาอยู่ด้วยกันมาสองสามวันแล้ว เด็กทั้งสองจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับเฟิงเยี่ยหานมาก
เฟิงเยี่ยหานเห็นความน่ารักของฟักขาวน้อย หัวใจของชายหนุ่มก็แทบจะละลายติดพื้น รีบอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมา
โม่เจ๋อหยวนเองก็กินข้าวเสร็จแล้ว จึงอุ้มฟักทองน้อยมาด้วย ทั้งสองคนก็เริ่มเล่นกับเด็กน้อยด้วยกัน
ถังหลานกำลังจะลุกขึ้น แต่จิงเจ้อหรงกลับคว้าเธอไว้ “อาหลาน ให้เจ๋อหยวนกับเสี่ยวเยี่ยดูแลลูกก่อน คุณรีบกินข้าวดีกว่าครับ”
ถังซวงยิ้ม “ใช่ค่ะแม่ ให้พวกเขาดูแลน้อง ๆ ก่อนเถอะ” เธอเห็นแล้วว่านอกจากโม่เจ๋อหยวน ยังมีเฟิงเยี่ยหานที่ชอบน้องทั้งสองคนมาก แต่ฟักขาวน้อยและฟักทองน้อยก็น่ารักมากจริง ๆ
หลังจากทุกคนกินข้าวเสร็จ ถังหลานกับจิงเจ้อหรงเตรียมตัวพาเด็กน้อยสองคนกลับบ้าน เพราะถึงเวลาที่เด็ก ๆ จะต้องเข้านอนแล้ว
“อาหลาน พรุ่งนี้พวกลูกคงต้องตื่นแต่เช้า”
ถังคุนหาวพูดกับทุกคน ก่อนจะบอกพวกเขาว่าพรุ่งนี้จะมีการเปิดโถงบรรพบุรุษเพื่อสักการะ “แต่ไม่ต้องห่วง มันไม่ได้เช้ามาก ถ้าเจ้าตัวน้อยยังไม่ตื่น ก็ให้หลานนอนต่อก็ได้”
ถังหลานพยักหน้ารับ “ค่ะพ่อ หนูเข้าใจแล้ว”
ถังซวงและคนอื่น ๆ แยกย้ายกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น ถังซวงตื่นก่อนรุ่งสางเสียอีก หัวเฟยเฟิ่งก็มาหาเธอและเตรียมชุดที่ประหลาด ๆ มาให้ “ซวงเอ๋อร์ นี่คือสิ่งที่ผู้นำตระกูลจะต้องสวมใส่เมื่อเข้าสักการะบรรพบุรุษ หลานลองใส่ดูก่อน ถ้าหลวมเกินไปยายจะได้เอาไปแก้ให้”
หลังจากถังซวงใส่เสร็จแล้ว เธอก็พบว่ามันพอดี
“คุณยายคะ มันพอดีแล้วค่ะ”
หัวเฟยเฟิ่งถึงกับยกยิ้มกว้าง “จ้ะ ดีแล้วละ งั้นเราไปทานมื้อเช้ากันเถอะ เดี๋ยวจะหิวแย่”
ยกเว้นเพียงถังซวง คนอื่น ๆ ตื่นหมดแล้วและรออยู่ที่ห้องอาหาร “พี่คะ มาทานมื้อเช้าเร็ว ฉันได้ยินว่าพิธีใช้เวลานานพอสมควรเลยนะ”
โม่เจ๋อหยวนรีบตักอาหารให้กับถังซวง และบอกให้เธอนั่งลง “ซวงเอ๋อร์มากินข้าวก่อน ลุงจิงกับคนอื่น ๆ บอกว่าจะกินทีหลัง ตอนนี้ฟักขาวน้อยกับฟักทองน้อยยังไม่ตื่นเลย”
“อื้ม”
หลังจากกินเสร็จแล้ว ถังหลานและจิงเจ้อหรงก็เข้ามาพร้อมกับลูกน้อย ทั้งสองทานอาหารเช้าอย่างรวดเร็วก่อนจะไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษ
ผู้เฒ่าตระกูลเห็นถังซวงมาถึง ก็ยิ้มกว้าง พาเธอไปยืนด้านหน้า
ผู้เฒ่าตระกูลอีกหลายคนก็เริ่มทยอยเข้ามาด้านใน และตอนนี้เกือบทุกคนในตระกูลถังมาถึงแล้ว ถังคุนหาวจึงประกาศเริ่มพิธีการอย่างเป็นทางการ
ถังซวงจดจำทุกสิ่งได้ชัดเจนเพราะผู้เฒ่าตระกูลได้เน้นย้ำกับเธอไว้แล้ว ดังนั้นเธอจึงพาทุกคนทำพิธีสักการะบรรพบุรุษได้อย่างราบรื่น
ผู้เฒ่าถังทั้งสองคนก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน การสักการะบรรพบุรุษเป็นพิธีสำคัญของตระกูล พวกเขาจึงไม่คิดละเลย แต่เมื่อเขามองถังซวงที่เป็นผู้นำพิธีในคราวนี้ ผู้เฒ่าถังถึงกับหน้าบิดเบี้ยว รู้สึกว่าทุกคนรอบตัวเคยจับจ้องตนมาก่อน และเมื่อปีที่แล้วยังเป็นตนที่พาทุกคนทำพิธีสักการะบรรพบุรุษอยู่เลย
แม่เฒ่าถังเอื้อมมือมาจับเขาไว้เบา ๆ ผู้เฒ่าถังถึงยิ้มออกมาได้
ผู้เฒ่าตระกูลกล่าวชมถังซวง “ผู้นำตระกูล เธอทำได้ดีมาก นี่เป็นครั้งแรกในการทำสิ่งไม่คุ้นเคย แต่เธอกลับจดจำขั้นตอนทั้งหมดได้และไม่ทำผิดพลาดสักนิด”
ถังซวงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ความจริงแล้วขั้นตอนก็ไม่ได้มีมากนักค่ะ แต่ก็ดีแล้วที่ทุกอย่างราบรื่น ท่านผู้เฒ่า มีอะไรที่ฉันต้องทำอีกไหมคะ?”
ผู้เฒ่าตระกูลส่ายศีรษะ “ไม่มีแล้วล่ะ ท่านผู้นำตระกูลกลับไปพักผ่อนได้เลย”
แต่ก่อนที่ถังซวงจะจากไป ถังคุนอวี้ ลูกชายของผู้เฒ่าตระกูลก็เดินเข้ามาเสียก่อน ทันทีที่เขาเห็นถังซวง เขารีบพูดว่า “ผู้นำตระกูล มีคนจากตระกูลอื่นมาเพื่ออวยพรปีใหม่ให้กับเรา เธออาจจะต้องไปต้อนรับพวกเขา”
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะถาม “ตระกูลไหนหรือคะ?”
“เป็นตระกูลหยิน และตระกูลเว่ย คนที่มาอวยพรให้กับเราในปีนี้คือ หยินเยี่ยนหมิง บุตรชายที่สามของตระกูลหยิน มาพร้อมกับลูกสาวของเขา หยินจิงหง ส่วนตระกูลเว่ย ผู้นำตระกูลคงรู้จักเขาอยู่แล้ว เป็นเว่ยชื่อเหอผู้เป็นหลานชายของเว่ยเหิง”
ถังซวงพยักหน้ารับ “ค่ะ เดี๋ยวฉันจะออกไปพบพวกเขา”
นอกจากเว่ยชื่อเหอแล้ว ถังซวงเองก็ยังมีเรื่องราวกับหยินเยี่ยนหมิงด้วย เมื่อวันเกิดของผู้เฒ่าถังในปีที่แล้ว ถังคุนเฉินคิดยึดอำนาจในตระกูล และหยินเยี่ยนหมิงคนนี้ดูเหมือนจะอยู่ฝ่ายเดียวกับถังคุนเฉิน ไม่รู้ว่าการมาที่นี่ของเขาในวันนี้มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงหรือเปล่า
พอเห็นถังซวงเดินเข้ามาในโถงหลัก หยินเยี่ยนหมิงและเว่ยชื่อเหอที่ยืนอยู่ข้างกัน ด้านข้างของพวกเขามีผู้หญิงร่างเพรียวบาง หน้าตาสวยยืนอยู่ เธอมองถังซวงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นี่น่ะหรือผู้นำตระกูลคนใหม่ของตระกูลถัง เด็กอยู่เลย! คงเป็นเพราะตระกูลถังไร้อาวุโสแล้วละมั้ง ถึงเลือกเอาเด็กสาวมาเป็นผู้นำตระกูล”
ถังซวงเลิกคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นลูกสาวของหยินเยี่ยนหมิง ตัวเธอไม่คิดมาก่อนว่าเมื่ออีกฝ่ายจะพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมา
ก่อนถังซวงจะตอบสิ่งใด หยินเยี่ยนหมิงก็กล่าวเสียงหนักแน่น “จิงหง หยุดพูดจาหยาบคาย!”
หยินจิงหงที่ถูกพ่อดุ ก็เบะปาก กล่าวอย่างไม่พอใจ “คุณพ่อ หนูพูดผิดตรงไหน? ดูตระกูลอื่นเขาสิ มีผู้นำตระกูลอายุน้อยอย่างนี้ไหม? ผู้นำตระกูลควรจะเป็นอาวุโสมากด้วยบารมีไม่ใช่หรือ? แต่ผู้นำตระกูลถังยังเด็กมาก และหนูไม่รู้จักหล่อนด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่”
“ฉันไม่สนใจว่าตระกูลถังจะคิดยังไง แต่ที่ฉันสนใจคือตระกูลหยินรู้นิสัยของเธอหรือเปล่า และถ้าหากพวกเขารู้เข้า คงจะกระอักเลือดจนตายละมั้ง!”
ถังซวงสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นมิตรจากหยินจิงหง แต่เธอก็รู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าคงไม่ค่อยมีสมองมากนัก เพราะแม้จะตั้งตัวเป็นศัตรู ก็ไม่ควรพ่นคำเหล่านี้ออกมาอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้
“เธอ… ไม่ใช่ธุระของเธอที่จะมาเป็นห่วงตระกูลหยินของเรา เธอควรจะดูแลตัวเองให้ดีดีกว่า!”
“จิงหง ถ้าหากลูกจะทำตัวไร้มารยาทอย่างนี้ ก็ออกจากตระกูลถังไปซะ!”
เห็นว่าพ่อของตนโกรธมาก หยินจิงหงจึงไม่พูดต่อ เพียงกระซิบแผ่วเบา “ค่ะ หนูจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว หนูขอแค่ได้เจออวี้สือก็พอ”