การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 607 อีกหนึ่งที่นั่ง (2)
บทที่ 607 อีกหนึ่งที่นั่ง (2)
“อะไรนะ…”
หยินเยี่ยนหมิงตกตะลึงกับคำพูดของผู้เฒ่าตระกูล “ท่านผู้เฒ่าตระกูล ตระกูลหยินไม่เคยคิดอย่างนั้น และพวกเราไม่ได้ไม่พอใจผู้นำตระกูลของคุณเลย ดูเหมือนจะมีการเข้าใจผิดบางอย่างนะครับ”
“เข้าใจผิดงั้นหรือ? ฉันจะเข้าใจผิดได้ยังไง ก็เมื่อคุณมาที่นี่ ยั่วโมโหผู้นำตระกูลของเราและบุกเข้าโจมตีเธอทันที คุณต้องการให้ตระกูลถังไร้ซึ่งผู้นำงั้นหรือ? การลอบสังหารคราวนี้ถูกกระทำโดยตระกูลหยิน นี่คิดทำให้ตระกูลถังของเราอ่อนแอลงใช่หรือไม่? เพื่อความแข็งแกร่งของตระกูลหยินจะได้ติดตามพวกเราได้ทัน!”
หยินเยี่ยนหมิงถึงกับตื่นตระหนก ไม่คิดเลยว่าผู้เฒ่าตระกูลจะสวมหมวกใส่ร้ายให้กับตระกูลหยินแบบนี้ เขารีบปฏิเสธ “ท่านผู้เฒ่าตระกูล คุณเข้าใจผิดแล้ว ตระกูลหยินและตระกูลถังมีมิตรภาพที่ดีต่อกันเสมอมา และด้วยเหตุผลนี้เราจะทำแบบนั้นได้อย่างไร? ลูกสาวของผมก็เพียงแค่ลองประมือกับผู้นำตระกูลถังเท่านั้น”
หยินจิงหงที่อยู่ด้านข้างรู้ตัวแล้วว่าตนได้กระทำการวู่วามเกินไป
ที่นี่คือตระกูลถัง ถังซวงคือผู้นำตระกูลถัง และการที่เธอโจมตีถังซวง นั่นเท่ากับว่าเธอกำลังดูถูกตระกูลถัง ทำไมเมื่อครู่เธอจึงตาบอดหูหนวกวิ่งเข้าไปหาถังซวง? ถ้าหากความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหยินและตระกูลถังพังทลายลงเพราะเธอ หลังจากนี้เธอจะตกเป็นที่ครหาต่อผู้คนภายนอกแน่
พอตระหนักได้อย่างนั้น หยินจิงหงรีบกล่าวเสริมที่พ่อของเธอพูดเมื่อครู่ทันที “ใช่แล้วค่ะผู้เฒ่าตระกูลถัง ฉันกับผู้นำตระกูลถังเพียงแค่ประมือกันเล็กน้อย และตัวฉันเองชื่นชมผู้นำตระกูลถังเสมอมา ฉันได้ยินว่าเธอมีทักษะที่ยอดเยี่ยมจึงต้องการคำแนะนำ”
เว่ยชื่อเหอที่เงียบมานานก็กล่าวเสริมหยินจิงหงด้วย
“ใช่ คุณหนูหยินเพียงแค่พูดคุยกับผู้นำตระกูลถัง ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร อย่าสร้างความเข้าใจผิดเลย”
แต่ผู้เฒ่าตระกูลไม่คิดสนใจ หันมองถังซวงแล้วถามว่า “ผู้นำตระกูล เป็นเช่นนั้นจริงหรือ? พวกเขาไม่ได้ยั่วยุใด ๆ เธอ แต่ต้องการประลองฝีมือกับเธอ?”
ถังซวงประหลาดใจเมื่อเห็นสายตาของผู้เฒ่าตระกูล เธอสัมผัสได้ว่าผู้เฒ่าตระกูลต้องการจะส่งสารบางอย่างให้กับตน คราวแรกเธอไม่เข้าใจ แต่อย่างไรแล้วทักษะการแสดงของเธอก็นับว่ายอดเยี่ยม
“ผู้เฒ่าตระกูล เพราะฉันไร้ประโยชน์ ตั้งแต่ที่ฉันรับตำแหน่งผู้นำตระกูลถัง ทุกคนก็คัดค้านไม่จบสิ้น ทันทีที่คุณหนูหยินได้พบเจอกับฉัน เธอก็ชี้ดาบใส่ฉันแล้วถามว่าทำไมเป็นฉันที่ได้รับตำแหน่งนี้ ฉันคิดว่า… ตัวฉันคงจะไม่เหมาะกับตำแหน่งผู้นำตระกูลถังแล้ว ผู้เฒ่าตระกูล คุณควรมองหาคนอื่นที่มีความสามารถเหมาะสมมาเป็นผู้นำตระกูลนะคะ”
ถังซวงก้มหน้าลงก่อนจะเอามือกุมหัวใจไว้ราวกับว่าเศร้ามาก
เห็นถังซวงแสดงขนาดนั้น ผู้เฒ่าตระกูลอดไม่ได้ที่จะกลอกตา
ท่าทางเสแสร้งนี้มองก็รู้ และมันทำให้ผู้คนรู้สึกว่าอีกฝ่ายเสแสร้งโดยไม่ต้องคิด แต่ว่าเขาไม่สามารถพูดมันออกไปได้ แน่นอนว่าตอนนี้เขาจะต้องเล่นไปตามละครที่ถังซวงวางบท
“ผู้นำตระกูลอย่าพูดแบบนั้นเลย เธอคือผู้นำตระกูลของตระกูลถัง เป็นผู้นำที่พวกเราตามหามานานนับพันปี ไม่มีใครอื่นจะเทียบเทียมเธอได้อีกแล้ว การที่ตระกูลหยินดูถูกเธอ หมายความว่าพวกเขาดูถูกตระกูลถังของเราด้วย เรื่องนี้จะไม่จบง่าย ๆ แน่นอน”
ขณะพูด ผู้เฒ่าตระกูลหันควับมาหาหยินเยี่ยนหมิง “หยินเยี่ยนหมิง ดูเหมือนว่าคำอวยพรปีใหม่ของคุณจะเป็นเพียงเรื่องเสแสร้ง คุณต้องการลอบสังหารผู้นำตระกูลของพวกเรา เพราะงั้นวันนี้จะไม่มีใครได้กลับไปทั้งนั้น และฉันต้องการพบกับผู้นำตระกูลของคุณเพื่อทราบถึงแผนที่แท้จริงของตระกูลหยิน!”
“ผู้เฒ่าตระกูล ทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิดครับ”
“เข้าใจผิดงั้นหรือ? ความเข้าใจผิดของคุณคือการดูถูกผู้นำตระกูลถังทันทีที่คุณเหยียบตระกูลถังของพวกเรา? แล้วที่ลูกสาวของคุณชี้ปลายดาบใส่ผู้นำตระกูลของเราก็คือความเข้าใจผิดงั้นหรือ? ที่ต่อสู้กันหมายเอาชีวิตก็เป็นความเข้าใจผิดด้วยหรือเปล่า? อย่าได้คิดว่าเพียงพูดแล้วเรื่องจะจบลง”
หยินเยี่ยนหมิงเห็นว่าผู้เฒ่าตระกูลยังไม่ยอม เขาก็เข้าใจทันทีว่าไม่สามารถแก้ไขเรื่องเหล่านี้ได้ จึงถามออกไปว่า “ท่านผู้เฒ่าตระกูล จะให้ทำอย่างไรคุณถึงจะเชื่อว่าลูกสาวของผมไม่ได้คิดยั่วยุผู้นำตระกูลถังจริง ๆ?”
ผู้เฒ่าตระกูลได้ยินแล้วตอบกลับ “เรื่องนี้ไม่ยาก สำหรับที่นั่งการไปตงโจวของปีนี้ ตระกูลถังของพวกเราต้องการเพิ่มหนึ่งที่นั่ง และเมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลถังจะไปหกคน ส่วนตระกูลหยินของคุณจะไปสี่คน”
“ไม่…”
หยินเยี่ยนหมิงปฏิเสธทันที “ผู้เฒ่าตระกูล นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะสามารถตัดสินใจได้”
ผู้เฒ่าตระกูลไม่ได้สนใจหยินเยี่ยนหมิงด้วยซ้ำ เขาพูดต่อ “แน่นอน คุณไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้ งั้นคุณก็รออยู่ที่ตระกูลถัง และฉันจะไปคุยกับผู้นำตระกูลของคุณเอง” ในตอนท้าย ผู้เฒ่าตระกูลโบกมือให้ลูกชาย “มัวยืนทำอะไรอยู่? ทำไมไม่พาคุณชายสามของตระกูลหยินกับคนอื่น ๆ ไปห้องพัก? อย่าลืมมอบความบันเทิงให้กับพวกเขาด้วยล่ะ”
ถังคุนอวี้ยิ้มกว้าง หันไปพูดกับหยินเยี่ยนหมิง “คุณชายหยิน เชิญทางนี้ครับ”
ทว่าหยินเยี่ยนหมิงไม่เคลื่อนไหว เขาต้องการจะพูดบางอย่างกับผู้เฒ่าตระกูล
แต่ถังคุนอวี้ไม่ให้โอกาส และสมาชิกในตระกูลถังก็รุมกันเข้ามาพาหยินเยี่ยนหมิงและคนอื่น ๆ ออกไปทันที
“ผู้เฒ่าตระกูล…”
หยินเยี่ยนหมิงพยายามตะโกน
แต่ผู้เฒ่าตระกูลไม่สะทกสะท้าน และไม่คิดมองหยินเยี่ยนหมิงด้วยซ้ำ
เห็นอย่างนั้น หยินเยี่ยนหมิงจึงเข้าใจว่าพวกเขาไม่สามารถออกจากตระกูลถังได้ในเร็ววันแน่
หลังจากหยินเยี่ยนหมิงและคนอื่น ๆ ออกไปแล้ว ผู้เฒ่าตระกูลหันมองถังซวงด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดว่า “ผู้นำตระกูลนับว่ามีไหวพริบยอดเยี่ยม เพียงแค่มองตาก็ทราบแล้วว่าต้องทำยังไง”
ถังซวงโบกมือ “ผู้เฒ่าตระกูล ความจริงแล้วฉันไม่ได้เข้าใจหรอกค่ะ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะทำถูก” ในตอนท้ายเธอถามเกี่ยวกับเรื่องของตงโจว “ผู้เฒ่าตระกูลคะ ตงโจวคือที่ไหนหรือคะ ทำไมจะต้องได้รับที่นั่งจึงจะไปที่นั่นได้?”
ผู้เฒ่าตระกูลอธิบาย “จำเป็นจะต้องมีสิทธิ์สำหรับไปที่นั่น คนทั่วไปอาจไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวของตงโจว แต่ทุกคนในตระกูลรู้ดีว่าตงโจวคือสถานที่เก่าแก่ที่สุด มันอยู่ทางเกาะทางตะวันออกของประเทศนี้ และมีผู้คนตั้งแต่สมัยโบราณอาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขาไม่ติดต่อกับคนภายนอก อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ทั้งหมดได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ดังนั้นผู้คนในตระกูลอิ๋นซื่อจะเข้าไปเยี่ยมชมและศึกษาประวัติศาสตร์ในทุกปี แต่ว่าตงโจวเป็นเพียงสถานที่เล็ก ๆ และมีคนในท้องถิ่นไม่มากนัก แต่ละตระกูลจึงได้รับสิทธิ์เพียงห้าที่นั่งเท่านั้น”
ถังซวงรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นกบในบ่อน้ำ เธอไม่เคยได้ยินเรื่องราวของตงโจวมาก่อน และไม่รู้เลยว่ามีอะไรอยู่ที่นั่นบ้าง
“ท่านผู้นำตระกูล โปรดเข้าร่วมกับทุกคนในปีนี้เถอะ การไปที่ตงโจวมีประโยชน์มากจริง ๆ และมีผู้ได้รับมรดกมากมายในสถานที่แห่งนั้น… บรรพบุรุษตระกูลเว่ยที่ไม่เคยทราบเรื่องราวอาวุธลับ ก็ได้รับมรดกในตงโจวโดยบังเอิญ และหลังจากนั้นความแข็งแกร่งของตระกูลเว่ยก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด”
ถังซวงจึงเลิกคิ้วอย่างสับสนเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ผู้เฒ่าตระกูล ในเมื่อคุณพูดถึงขนาดนี้ ฉันก็อยากจะไปที่นั่นจริง ๆ ค่ะ”
หลังจากนั้นก็ไม่รู้เลยว่าผู้เฒ่าตระกูลไปเจรจากับตระกูลหยินอย่างไร และสุดท้ายแล้วตระกูลถังได้รับหนึ่งสิทธิ์ตามต้องการ และเป็นตระกูลหยินที่สูญเสียผลประโยชน์ ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ทุกคนในตระกูลหยินรู้สึกขุ่นเคืองต่อหยินเยี่ยนหมิงและลูกสาวของเขามาก