การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 608 ผู้นำคนใหม่ของตระกูลหัว (1)
- Home
- การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย
- บทที่ 608 ผู้นำคนใหม่ของตระกูลหัว (1)
บทที่ 608 ผู้นำคนใหม่ของตระกูลหัว (1)
มีคนไม่มากนักที่รู้เรื่องของตระกูลถังและตระกูลหยิน แต่เพราะการแย่งชิงโควตาที่นั่งทำให้ตระกูลอิ๋นซื่อทั้งหมดทราบเรื่อง เวลานี้จึงไม่มีใครกล้าที่จะดูถูกถังซวงผู้นำคนใหม่ของตระกูลถังอีก
เดิมทีพวกเขาคิดว่าหากเอาผู้หญิงมาปกครองตระกูลถัง อนาคตของตระกูลถังคงจะไม่รุ่งโรจน์เสียแล้ว แต่สุดท้ายแล้วในวันปีใหม่ ตระกูลหยินกลับพ่ายแพ้ต่อตระกูลถังอย่างราบคาบ
ได้ยินมาว่าลูกสาวของหยินเยี่ยนหมินผู้เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งยังไม่สามารถต่อกรกับถังซวงได้ ชัดเจนแล้วว่าถังซวงคนนี้มีความสามารถมากจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าหลานสาวที่ถังคุนหาวเพิ่งพบเจอจะแข็งแกร่งเช่นนี้
ทว่าถังซวงที่ไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ คิดยังไงกับเธอ หลังจากปรุงยาในตำรับยาโบราณให้กับผู้เฒ่าตระกูลเสร็จเรียบร้อย เธอจึงวางแผนว่าจะไปเยี่ยมตระกูลหัวต่อ
พอผู้เฒ่าตระกูลรู้ว่าถังซวงและคนอื่น ๆ กำลังจะไปเยี่ยมตระกูลหัว พวกเขากล่าวด้วยความเสียใจ “ท่านผู้นำตระกูล ทำไมถึงรีบร้อนไปที่ตระกูลหัวนักล่ะ? เธอน่าจะอยู่ที่นี่ต่อสักสองสามวัน จะได้มีเวลาปรุงยาของตระกูลเราให้มากขึ้น”
ถังซวงหัวเราะออกมา
“ผู้เฒ่าตระกูล ถ้าฉันมาที่นี่อีก ฉันก็จะปรุงยาต่อเหมือนเดิม คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกค่ะ”
ถังซวงกล่าวเสริมว่า “ถ้าใครในตระกูลของเราต้องการยา คุณสามารถแบ่งปันให้พวกเขาได้ตามสมควรเลยนะคะ”
“เข้าใจแล้ว”
ผู้เฒ่าตระกูลยิ้มกว้าง พิจารณาสถานการณ์ให้รอบคอบที่สุดเท่าที่จะทำได้
ท้ายที่สุดแล้ว ยาแต่ละชนิดที่ถูกบันทึกไว้ในตำรับยาโบราณนั้นมีค่ามาก ในตระกูลไม่มีใครสามารถกลั่นมันได้แม้แต่คนเดียว ยกเว้นเพียงถังซวง อีกอย่างวัตถุดิบสำหรับปรุงยาเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่หายาก แน่นอนว่าไม่สามารถแจกจ่ายมันออกไปได้ตามใจชอบ
“ผู้นำตระกูล โปรดเดินทางโดยสวัสดิภาพ”
“ไม่ต้องกังวลค่ะผู้เฒ่าตระกูล พวกเราจะดูแลตัวเองอย่างดี”
เห็นว่าพรุ่งนี้จะต้องไปบ้านตระกูลหัวแล้ว หัวเฟยเฟิ่งจึงรีบเก็บข้าวของและไปหาถังคุนหาว
“คุณจะไปตระกูลหัวกับพวกเราไหม?”
ถังคุนหาวพยักหน้ารับ “ผมจะไปด้วย ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องพาคุณกลับไปทานข้าวที่บ้านในช่วงปีใหม่อยู่แล้ว”
หัวเฟยเฟิ่งยิ้มรับ “ค่ะ”
วันออกเดินทาง ถังซวงและคนอื่น ๆ มุ่งหน้าไปยังตระกูลหัว และเมื่อมาถึงก็ทันเวลามื้อกลางวันพอดี
เมื่อหัวเทียนจางเห็นลูกสาวและทุกคนมาถึง ใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้ม ก่อนจะอุ้มฟักทองน้อยและฟักขาวน้อยด้วยความยินดี “เธอสองคนก็มาด้วยหรือ เดี๋ยวทวดจะพาไปเดินเล่นนะ”
ฟักขาวน้อยและฟักทองน้อยที่ไม่คุ้นเคยกับหัวเทียนจาง แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่ในตระกูลถัง และผู้เฒ่าหลายคนชอบกอดพวกเขามาก ทั้งสองจึงคุ้นเคยกับมันดีและร้องเรียก “ผู้เฒ่า…” ออกมาด้วยน้ำเสียงหวานหู
หัวเทียนจางที่ได้ยินเด็กน้อยเรียก เขาก็ยกยิ้มอย่างหุบไม่ลง
แต่สุดท้ายแล้ว คนที่เขารักมากที่สุดคือถังเซวี่ย
“เสี่ยวเซวี่ย เธอมาถึงเสียที เอาละเดี๋ยวทวดจะพาเหลนไปทานมื้อเที่ยงนะ พวกเราไปทานอาหารด้วยกัน จะได้มีช่วงเวลาดี ๆ ในครอบครัวกันไง”
ถังเซวี่ยเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “ค่ะคุณทวด ไปทานอาหารกันเถอะค่ะ” ในตระกูลหัว มีเพียงครอบครัวของหัวเทียนอวี้ที่ไม่ค่อยเป็นมิตร มันจึงดีหากว่าพวกเขาทานอาหารเพียงแค่ในครอบครัวของตัวเอง
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว หัวเทียนจางรีบไปหาเสี่ยวเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย “เรารีบไปที่หอสมุดกันดีกว่า”
คราวนี้หัวเทียนจางไม่ได้ชวนถังซวง
พอเห็นท่าทางกระตือรือร้นของพ่อตนเองอย่างนั้น หัวเฟยเฟิ่งอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะ เธอหันมองถังหลาน พูดขึ้นว่า “อาหลาน พวกเราไปที่ห้องพักกันก่อนดีกว่า ฟักขาวน้อยกับฟักทองน้อยจะได้พักผ่อน”
เฟิงเยี่ยหานหันมองถังเซวี่ยที่เดินออกไป ส่วนเขาทำได้เพียงติดตามถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกลับไปที่ลานบ้าน
อีกด้าน หลังจากหัวเทียนจางพาถังเซวี่ยมาที่หอสมุดแล้ว ทั้งสองคนเข้าไปในห้องลับอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าแร่บนชั้นวางทั้งหมดหายไปจำนวนมาก หัวเทียนจางพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “เสี่ยวเซวี่ย ที่ทวดเอาแร่ไปให้เหลนคราวที่แล้วคงจะหมดชั้นแล้วละ”
ถังเซวี่ยพยักหน้า “ค่ะคุณทวด น่าจะหมดแล้ว”
“อย่างนั้น… เหลนสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบ้างไหม?”
“ไม่ค่ะ”
ถังเซวี่ยส่ายศีรษะ เธอถอนหายใจก่อนจะกล่าว “คุณทวดคะ คราวแรกหนูยังพอจะรู้สึกบ้าง แต่หลังจากนั้นมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยค่ะ”
ถึงอย่างนั้น หัวเทียนจางก็ยังมีความสุข
“เสี่ยวเซวี่ย ดีแล้วที่เหลนสามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง แม้ว่ามันจะเบาบางก็ไม่เป็นไร ที่นี่ก็ยังมีแร่อยู่อีกมาก หลังจากที่เหลนใช้พวกมันทั้งหมดแล้ว ทวดเชื่อว่าเราจะได้เห็นอะไรดี ๆ แน่นอน”
ในตอนท้าย หัวเทียนจางเร่งเร้าถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย เริ่มได้เลย ทวดจะอยู่ที่นี่ด้วย และเมื่อใกล้ถึงเวลาเราจะกลับออกไปพร้อมกัน”
เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของหัวเทียนจาง ถังเซวี่ยก็ไม่คิดปฏิเสธ และเริ่มทำสมาธิ
ทันทีที่ถังเซวี่ยลืมตาขึ้น เธอรู้สึกว่าเวลาผ่านไปค่อนข้างนานพอสมควร
หัวเทียนจางพูดกับถังเซวี่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เสี่ยวเซวี่ย นี่แค่สองชั่วโมงเท่านั้น ความเร็วของเหลนดีขึ้นกว่าคราวแรกมากเลยนะ ยังอยากจะทำต่อไปไหม?”
ถังเซวี่ยเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองและเห็นว่าเวลาผ่านไปแค่สองชั่วโมงจริง ๆ เด็กสาวจึงพยักหน้า “ค่ะ หนูจะทำต่อ”
ประมาณห้าโมงเย็น หัวเทียนจางกับถังเซวี่ยก็ออกมาจากหอสมุด
เฟิงเยี่ยหานเห็นว่าถังเซวี่ยกลับมาแล้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความยินดี “เสี่ยวเซวี่ย คุณกลับมาแล้ว”
ถังเซวี่ยเดินเข้าไปหาเฟิงเยี่ยหานด้วยรอยยิ้ม “เฟิงเยี่ยหาน ทำไมถึงมานั่งอยู่ด้านนอกแบบนี้ล่ะ?”
“ผมมารอคุณ”
ถังเซวี่ยถึงกับยิ้มกว้าง พูดด้วยความห่วงใย “คุณควรเข้าไปรอฉันด้านในสิ ตอนนี้อากาศข้างนอกหนาวจะตาย ถ้าเป็นหวัดขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?” ขณะพูด เธอก็ดึงเฟิงเยี่ยหานเข้าไปด้านในทันที
หลังจากทั้งสองคนเข้ามาภายในบ้าน พวกเขาก็พบว่าถังซวงและโม่เจ๋อหยวนนั่งอยู่ด้านในก่อนแล้ว
ถังซวงหันมองถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?”
“ค่ะพี่ ไม่มีอะไรต้องกังวล แล้วเดี๋ยวคุณทวดจะพาฉันไปที่นั่นอีกในเร็ว ๆ นี้ค่ะ”
“อื้ม จัดการต่อไปเถอะ พวกเราจะคอยอยู่เป็นเพื่อนกับเฟิงเยี่ยหานเอง เธอไม่ต้องห่วง”
ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะเขินอาย “ฉัน… ไม่ได้กังวลเรื่องนั้นหรอกค่ะ” สุดท้ายแล้วเธอกล่าวขอบคุณถังซวงและโม่เจ๋อหยวน และขอให้พวกเขาช่วยอยู่กับเฟิงเยี่ยหานแทนเธอหน่อย
หลังจากนั้นหัวเทียนจางก็พาถังเซวี่ยไปที่หอสมุดในทุกวัน และแร่ทั้งหมดก็หายไปในพริบตา
ไม่รู้ว่าคราวนี้ความสามารถของเธอเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน แต่หลังจากที่เธออยู่ในตระกูลหัวมาแล้วเจ็ดวัน แร่ทั้งหมดก็ถูกใช้หมดไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว