การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 608-2 ผู้นำคนใหม่ของตระกูลหัว (2)
- Home
- การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย
- บทที่ 608-2 ผู้นำคนใหม่ของตระกูลหัว (2)
บทที่ 608 ผู้นำคนใหม่ของตระกูลหัว (2)
หัวเทียนจางมองถังเซวี่ยก่อนจะถามขึ้นว่า “เสี่ยวเซวี่ย แร่พวกนี้ถูกใช้หมดแล้ว เหลนรู้สึกยังไงบ้าง?”
ถังเซวี่ยส่ายศีรษะ “หนูไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ”
หัวเทียนจางอดไม่ได้ที่จะเผยความผิดหวังผ่านแววตา
เดิมทีเขาคิดว่าถังเซวี่ยน่าจะสัมผัสบางอย่างได้หลังจากแร่ถูกใช้จนหมดแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ เขาไม่เข้าใจและคิดว่าอาจจะมีบางอย่างผิดพลาด
แต่ถึงแม้จะมีบางอย่างผิดพลาด ก็ยังดีที่ได้ลงมือทำ ดีกว่าไม่ได้ทดลองอะไรเลย
หลังจากตระหนักอย่างนั้นแล้ว หัวเทียนจางเลิกสนใจเรื่องนี้
“เสี่ยวเซวี่ย งั้นเราออกจากที่นี่ก่อนเถอะ”
หลังจากหัวเทียนจางพาเสี่ยวเซวี่ยออกจากห้องลับ เขาคิดจะพาเธอออกไปตามเส้นทางเดิมเหมือนครั้งที่ผ่านมา
แต่ถังเซวี่ยหยุดหัวเทียนจางเอาไว้พร้อมกล่าวกระซิบ “คุณทวด เราไปทางอื่นดีกว่าค่ะ”
หัวเทียนจางถึงกับประหลาดใจ
แต่ถังเซวี่ยพูดต่อว่า “คุณทวดคะ หนูรู้สึกว่าเราจะต้องไปทางนั้นค่ะ”
หัวเทียนจางไม่คิดลังเล พาถังเซวี่ยหลบออกไปอีกด้าน
ทันทีที่ทั้งสองคนจากไป มีคนเข้ามาภายในนี้ และคนผู้นั้นคือหัวเฟยหลง เขาขมวดคิ้วพร้อมสำรวจโดยรอบ “แปลก… ทำไมรู้สึกเหมือนมีคนเข้ามาที่นี่? หรือฉันจะคิดไปเองนะ”
หลังจากหัวเทียนจางพาถังเซวี่ยออกมาแล้ว เขาก็ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน เวลานี้เขาไม่ได้ถามอะไรต่อ และรีบพาถังเซวี่ยกลับไปยังลานเล็ก ๆ ของพวกเธอ
ตอนนี้เองที่หัวเทียนจางทนไม่ไหวแล้ว
“เสี่ยวเซวี่ย ก่อนหน้านั้นเหลนเห็นว่ามีใครเข้ามาหรือ?”
ถังเซวี่ยส่ายศีรษะ “ไม่ค่ะ หนูไม่ได้เห็นใคร แต่ความรู้สึกมันบอกหนูว่าอย่าไปทางนั้นค่ะ”
เธอไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นความรู้สึกอย่างไร อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นสัมผัสที่หกก็ได้
เพียงแค่ประโยคนี้ทำใบหน้าของหัวเทียนจางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเซวี่ย สิ่งที่เหลนรู้สึกก่อนหน้านี้ถูกต้องแล้ว มีคนเข้ามาทันทีหลังจากเราจากไป นั่นหมายความว่าถ้าหากเราเดินกลับไปทางเดิม เราจะได้พบเขาคนนั้น เหลนมีสัมผัสที่สามารถหลบเลี่ยงอันตรายและสามารถมองหาสิ่งที่ดีกว่าได้จริง ๆ”
แต่ถังเซวี่ยส่ายศีรษะ “คุณทวดคะ หนูไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงไหม มันก็เป็นแค่ความรู้สึกของหนูเท่านั้นเองค่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า… เสี่ยวเซวี่ย เรื่องพวกนี้มันต้องทำได้โดยที่ไม่รู้ตัวก็ถูกต้องแล้ว”
หัวเทียนจางเข้าใจได้ว่ามันไม่อาจตัดสินได้เพียงเหตุการณ์นี้เท่านั้น เขาหันมองถังเซวี่ยก่อนจะถามว่า “เสี่ยวเซวี่ย เหลนมีอย่างอื่นจะบอกทวดอีกไหม?”
ถังเซวี่ยเหลือบมองหัวเทียนจางก่อนจะพูดอย่างช่วยไม่ได้ “คุณทวดคะ มันไม่มีอะไรแล้วค่ะ หนูไม่มีอะไรจะบอกแล้ว”
“อ้อ อย่างนั้นหรือ ไม่เป็นไรหรอก ขอโทษด้วย ทวดคงมีความสุขมากเกินไปหน่อย แต่ยังไงซะทวดก็เชื่อว่าเหลนคือผู้มีพรสวรรค์ เหลนควรเป็นทายาทที่เหมาะสมของตระกูลหัว”
ขณะพูดอย่างนั้น หัวเทียนจางหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ในที่สุดตระกูลหัวก็ได้พบทายาทที่แท้จริงแล้ว หลังจากนี้ไปตระกูลหัวจะมีผู้นำตระกูลที่เหมาะสม
พอเห็นความตื่นเต้นของพ่อตนเอง หัวเฟยเฟิ่งอดไม่ได้ที่จะกล่าวขัด
“พ่อคะ ถึงเสี่ยวเซวี่ยจะมีพรสวรรค์จริง ๆ แล้วหลังจากนี้หัวเฟยหลงจะเป็นยังไงต่อล่ะคะ? พ่อรับเลี้ยงหัวเฟยหลงเพื่อให้เขาขึ้นสืบทอดเป็นทายาท และเขาได้รับการฝึกฝนเพื่อเป็นผู้นำตระกูลมานานหลายปี ทุกคนในตระกูลหัวล้วนแต่ยอมรับเขา แต่จู่ ๆ พ่อกลับบอกกล่าวว่าเขาจะไม่ใช่ผู้นำตระกูลหัวคนต่อไป พ่อคิดว่าเขาจะยอมรับเรื่องนี้หรือ? อีกอย่างคนในตระกูลหัวจะยอมรับได้หรือคะ?”
ถังหลานเองก็กล่าวออกมาด้วยความกังวล “ใช่ค่ะคุณตา มันเป็นเรื่องดีที่เสี่ยวเซวี่ยมีพรสวรรค์ แต่สำหรับการขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหัว คนอื่นคงไม่เห็นด้วยแน่นอน และหนูก็ไม่ต้องการให้เสี่ยวเซวี่ยเผชิญกับอันตรายในอนาคตด้วยค่ะ”
ทักษะของถังเซวี่ยไม่เทียบเท่าถังซวง และเธอก็ไม่ได้เด็ดขาดพอที่จะตัดสินใจสิ่งต่าง ๆ ได้ดีเท่าถังซวง จึงไม่ผิดที่ถังหลานจะกังวลเรื่องนี้มาก
หัวเทียนจางได้ยินอย่างนั้น ก็เขาเอ่ยอย่างเย็นชา “พวกเขาจะมาคัดค้านอะไรได้? นี่คือกฎที่สืบทอดมารุ่นสู่รุ่น! พวกเราเพียงแค่ปฏิบัติตาม และเสี่ยวเซวี่ยจะเป็นผู้นำตระกูลหัวคนต่อไป” ในตอนท้าย หัวเทียนจางลุกขึ้นยืน “พ่อจะไปจัดการเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง ถ้าเป็นไปได้ พ่อจะให้เสี่ยวเซวี่ยได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหัวโดยเร็วที่สุด!”
“พ่อคะ…”
หัวเฟยเฟิ่งอยากจะพูดอะไรต่อ แต่หัวเทียนจางกลับไม่สนใจและเดินออกไปทันที
ส่วนถังซวงเดินไปหาถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย เธอคิดเห็นเรื่องนี้ยังไง? อยากเป็นผู้นำตระกูลหัวไหม?”
ถังเซวี่ยหันกลับมาหาถังซวงแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “พี่คะ ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากจะเป็นผู้นำตระกูลค่ะ คุณทวดตั้งตารอเวลานี้มาตลอด และเขามีความสุขทุกครั้งที่จัดการเรื่องนี้ อีกอย่างฉันใช้แร่ในตระกูลหัวไปแล้วตั้งมากมาย ฉันอยากตอบแทนพวกเขา แต่ถ้าหากตระกูลหัวส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ฉันคงไม่สามารถทำอะไรได้หรอกค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้นถังซวงพยักหน้ารับ “อื้ม ฉันเข้าใจแล้ว”
เฟิงเยี่ยหานก้าวไปด้านหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเซวี่ย ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหน พวกเราจะสนับสนุนคุณเอง”
ถังเซวี่ยหันมองเฟิงเยี่ยหานด้วยรอยยิ้ม “อื้ม ขอบคุณนะคะ”
อีกด้าน หัวเทียนจางไม่ยอมเสียเวลาแม้สักวินาที เขาเรียกผู้อาวุโสระดับสูงหลายคนในตระกูลเข้ามาหาทันที “ขอบคุณทุกท่านที่ยอมรับคำเชิญและมาหาฉันในวันนี้ ที่เรียกมากะทันหันเป็นเพราะว่าฉันมีข่าวดีจะบอก”
“ข่าวดี?”
หัวเทียนจางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ตอนนี้ตระกูลหัวของพวกเราได้พบผู้นำตระกูลที่แท้จริงแล้ว”
ทุกคนทำหน้าสับสน “ผู้นำตระกูล คุณพูดเรื่องอะไรกัน? ใครคือผู้นำตระกูลที่แท้จริง?”
หัวเทียนจางเหลือบมองทั้งหมดด้วยความขุ่นเคือง “อะไรกัน คุณไม่รู้จักผู้นำตระกูลที่แท้จริงของตระกูลหัวงั้นหรือ? เขาก็คือผู้นำที่ถูกเลือกจากกฎของตระกูลที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นยังไงล่ะ! บรรพบุรุษบอกกล่าวไว้ว่าตราบใดที่คนผู้นั้นมีแต่ความโชคดีในชีวิต เขาจะเป็นผู้นำตระกูลหัวที่แท้จริง”
คนอื่น ๆ ขมวดคิ้วก่อนจะหันมองหัวเทียนจาง “ผู้นำตระกูล คุณน่าจะเข้าใจผิดแล้ว ตระกูลของเราไม่มีใครมีพรสวรรค์ขนาดนั้นหรอกนะ”
“ไม่… พวกคุณคงยังไม่รู้ว่าหลานสาวของเฟยเฟิ่งมีพรสวรรค์ เสี่ยวเซวี่ยน่ะมีพรสวรรค์นี้”
“อะไรนะ…”
ทุกคนรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ มีคนเช่นนั้นอยู่ในครอบครัวของพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยถาม “ผู้นำตระกูล คุณพูดจริงหรือ?”
“เรื่องจริง ฉันจะโกหกทำไม?”
“ผู้นำตระกูล เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะพูดกล่าวหรือตัดสินด้วยตัวเองได้ พวกเราต้องการพิสูจน์มันด้วยตาของตัวเอง”
เวลานี้คนอื่น ๆ ก็กล่าวเสริมขึ้นมาด้วยเช่นกัน “ใช่ พวกเราต้องการเห็นด้วยตาของตนเอง”
“ได้ อย่างนั้นฉันจะแสดงให้พวกคุณทุกคนได้รับชม”