การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 609-2 การตอบโต้ของถังเซวี่ย (2)
- Home
- การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย
- บทที่ 609-2 การตอบโต้ของถังเซวี่ย (2)
บทที่ 609 การตอบโต้ของถังเซวี่ย (2)
หัวเหวินปินจ้องมองหัวเทียนจางอย่างคาดหวังแล้วเอ่ยปากขึ้นว่า “ผู้นำตระกูล บอกผมหน่อยเถอะ… คุณหนูถังเซวี่ยรู้อะไรงั้นหรือ? ทำไมเธอถึงไม่ให้ผมออกไปข้างนอก? ถ้าผมรู้ว่าจะเป็นอย่างนั้น ผมจะเชื่อเธอแน่นอน”
หัวเทียนจางตอบกลับอย่างสบาย ๆ “เหวินปิน คุณเข้าใจผิดแล้ว เสี่ยวเซวี่ยไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ เธอแค่รู้สึกว่าคุณไม่ควรที่จะออกไปก็เท่านั้น”
หัวเหวินปินเองก็ทราบถึงตำนานเล่าขานถึงความสามารถของผู้นำตระกูลหัว เขาพยักหน้าแล้วตอบกลับว่า “เพราะนั่นเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับผม และคุณหนูเสี่ยวเซวี่ยสัมผัสถึงลางร้ายได้ น่าเสียดายที่ผมไม่เชื่อเธอ” สุดท้ายแล้ว เขายิ้มให้หัวเทียนจางก่อนจะกล่าวต่อว่า “ผมส่งคนไปเรียกทุกคนแล้ว เรามาพูดคุยกันเถอะครับ”
“อื้ม”
พอได้ยินว่าหัวเหวินปินจัดการทุกอย่างแล้ว หัวเทียนจางลอบมีความสุข เวลานี้เขาไม่จำเป็นต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองเลย
หลังจากคนอื่น ๆ มาถึง พวกเขาทั้งหมดหันมองหัวเหวินปินด้วยความตกตะลึง “เหวินปิน คุณไปโดนอะไรมา?”
หัวเหวินปินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนจะถอนหายใจ “เวลานั้นฉันน่าจะฟังคำเตือนของคุณหนูถังเซวี่ย ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องบาดเจ็บอย่างนี้ เฮ้อ… น่าเสียดาย ฉันนี่มันตาบอดหูหนวกจริง ๆ”
“อะไรกัน… เหวินปิน คุณไปพบเจอเรื่องร้ายทันทีที่ออกจากตระกูลงั้นหรือ นี่… นี่มันเป็นอย่างที่คุณหนูถังเซวี่ยพูดจริง ๆ”
“นับว่าน่าทึ่งที่คุณหนูถังเซวี่ยสามารถคาดเดาสถานการณ์ล่วงหน้าได้”
ทุกคนตกตะลึงและยิ่งรู้สึกประหลาดใจ แต่สุดท้ายใบหน้าของพวกเขากลับเผยความยินดีออกมา ทันใดนั้นมีใครคนหนึ่งหันมาหาหัวเทียนจางก่อนจะกล่าวคำ “ผู้นำตระกูล ในเมื่อคุณหนูถังเซวี่ยมีพรสวรรค์ยิ่งใหญ่นี้ เธอก็ควรที่จะเป็นผู้นำตระกูลหัวของเรา คุณควรจะรีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด”
“ใช่ คุณหนูถังเซวี่ยมีพรสวรรค์ เธอสมควรเป็นผู้นำตระกูลหัวของพวกเรา”
พอได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น หัวเทียนจางก็เผยรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า เขารู้ดีอยู่แล้วว่าเหลนสาวของเขาน่าทึ่งเพียงใด
หัวเหวินปินกล่าวขึ้นว่า “ผู้นำตระกูล เราควรส่งคนไปเรียกคุณหนูถังเซวี่ยเลยดีไหม? ผมคิดว่าเราควรจะตัดสินใจเลือกผู้นำตระกูลคนใหม่โดยเร็วที่สุด เพราะนานหลายปีแล้วที่พวกเราไม่พบเจอบุตรหลานที่ครอบครองพรสวรรค์ยิ่งใหญ่เช่นคุณหนูถังเซวี่ย”
“ใช่แล้ว ผู้นำตระกูลรีบส่งคนไปเรียกคุณหนูถังเซวี่ยมาที่นี่เถอะ เร็ว ๆ นี้ผมก็มีธุระต้องออกไปสะสางนอกตระกูลด้วยเช่นกัน อยากให้เธอช่วยดูโชคชะตาของผมบ้าง”
เกิดการพูดคุยมากมาย แต่หัวเทียนจางกลับเพิกเฉย ก่อนจะบอกให้คนไปเรียกถังเซวี่ยมาที่นี่
เมื่อถังเซวี่ยมาถึง ทุกคนหยุดปากทันที และยืนมองเธอโดยไม่ขยับเขยื้อน
ตอนนี้เธอเห็นแผลที่หน้าผากของหัวเหวินปินแล้ว และสัมผัสได้ว่าความรู้สึกของเธอก่อนหน้านี้ถูกต้อง หัวเหวินปินไม่ควรออกไปด้านนอกในวันนี้จริง ๆ
ก่อนหัวเทียนจางจะได้ตอบกลับ หัวเหวินปินก้าวมาด้านหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “คุณหนูถังเซวี่ย ฉันต้องขอโทษจริง ๆ ที่ทำตัวเสียมารยาทกับเธอเมื่อเช้านี้ ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นเพราะฉันไม่เชื่อเธอ”
ถังเซวี่ยรีบถาม “แล้วผู้เฒ่าสามเป็นอะไรมากไหมคะ?”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นอะไรมาก”
ถังเซวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก
เวลานี้คนอื่น ๆ ก็ถามขึ้นว่า “คุณหนูถังเซวี่ย พวกเราต้องขอโทษเธอด้วยเหมือนกัน ทั้งหมดเป็นความผิดของเราเอง”
เมื่อเห็นคนเถ้าคนแก่ทั้งหมดกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ ถังเซวี่ยก็ทนไม่ได้เสียเอง เธอรีบโบกมือปฏิเสธ “อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ จริง ๆ หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน มันก็แค่ความรู้สึกน่ะค่ะ”
“คุณหนูถังเซวี่ย ความรู้สึกของเธอนับว่าถูกต้อง”
พวกเขาเริ่มแสดงความคิดเห็นออกมา ขณะเดียวกันก็หันมองหัวเทียนจางแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านผู้นำตระกูล ควรเรียกทุกคนเข้าประชุมเพื่อตรวจสอบผู้สืบทอดตระกูลหัวคนต่อไปโดยเร็ว และเราควรรีบประกาศให้ทุกคนทราบว่าคุณหนูถังเซวี่ยจะเป็นผู้นำตระกูลหัวคนต่อไป”
หัวเทียนจางมองทั้งหมดก่อนจะถามกลับไปว่า “แล้วพวกคุณคิดเห็นเหมือนกับฉันไหม?”
“ครับ พวกเราทุกคนคิดเห็นเช่นเดียวกับผู้นำตระกูล”
ได้ยินทุกคนเอ่ยปากออกมาจริงจัง หัวเทียนจางก็ยิ้มออกมา ก่อนจะสั่งการ “เอาละ เราจะมีการประชุมภายในตระกูล และจะประกาศกับทุกคนว่าเสี่ยวเซวี่ยคือผู้สืบทอดตระกูลหัวคนต่อไป”
ไม่นาน ทุกคนในตระกูลหัวก็ทราบว่ามีการเรียกประชุมภายในตระกูล ทั้งหมดถึงกับสงสัยทันทีว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในเทศกาลปีใหม่เช่นนี้
ส่วนบางคนรู้อยู่แล้วว่าจะมีการประกาศผู้สืบทอดคนใหม่ในการประชุมคราวนี้
“อะไร… ผู้สืบทอดคนใหม่งั้นหรือ? ทายาทถูกเลือกไว้ตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไง หัวเฟยหลงไม่ใช่หรือ! ทำไมต้องเลือกทายาทคนใหม่อีก มีอะไรเข้าใจผิดหรือเปล่า!”
“ใช่ มันเปลี่ยนไปแล้ว”
ทุกคนได้ยินข่าวก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงครอบครัวของหัวเทียนอวี้
ภรรยาของหัวเทียนอวี้ที่สบถออกมาอย่างไม่อาจอดกลั้น เธอหันมองสามีของตนเองพร้อมเอ่ยปากถาม “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฉันได้ยินว่าจะมีการเลือกทายาทคนใหม่ ทำไมทายาทของตระกูลหัวไม่ใช่หัวเฟยหลงของเราแล้ว? ทำไมถึงมาเปลี่ยนตอนนี้ พวกเขาทำแบบนี้ได้ยังไง?”
ไม่ใช่เพียงแค่ภรรยาของเขา แม้แต่หัวเทียนอวี้เองก็รู้สึกว่าเหตุการณ์นี้มันกะทันหันมาก แต่เขายังไม่เคลื่อนไหว เพียงหันมองภรรยาและคนอื่น ๆ ก่อนจะพูดว่า “เราจะตรวจสอบสถานการณ์ให้ดีก่อน”
“อื้ม!”
ไม่นาน ถังซวงและคนอื่น ๆ ก็ทราบเรื่องนี้ ทันทีที่ถังหลานรู้ว่าหัวเทียนจางจะประกาศให้ถังเซวี่ยเป็นทายาทคนต่อไปของตระกูลหัวต่อหน้าทุกคน เธออดไม่ได้ที่จะกังวล “คุณตาจะประกาศวันนี้เลยหรือคะ แล้วทุกคนในตระกูลหัวจะเห็นด้วยหรือคะ”
หัวเฟยเฟิ่งหันมองลูกสาวก่อนจะกล่าวปลอบใจ “อาหลาน เชื่อในคุณตาเถอะ เขาจัดการทุกอย่างได้”
ถังหลานหยุดพูด และเพราะนี่เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ทุกคนจึงอยู่ในตระกูลอย่างพร้อมเพรียง
เห็นว่าทุกคนในตระกูลหัวมาเกือบจะครบแล้ว หัวเทียนจางยิ้มก่อนจะโบกมือให้พวกเขานั่งลงตามตำแหน่งของตัวเอง
หลังจากนั้น ครอบครัวของหัวเทียนอวี้และหัวเฟยหลงก็เข้ามา
หัวเฟยหลงหันมองหัวเทียนจางด้วยสีหน้าซับซ้อน เขายังไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่รู้สึกไม่เชื่อถือข่าวลือในวันนี้สักเท่าไหร่ แต่เมื่อคิดไตร่ตรองให้ดี เขาก็รู้สึกว่ามันอาจจะเป็นความจริง เพราะหากไม่มีมูล เรื่องจะถูกเล่าต่อได้อย่างไร? คงจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่
เมื่อหัวเทียนจางเห็นทุกคนมาถึง เขายิ้มก่อนจะกล่าวเชิญชวน “ทุกคนนั่งลงก่อน”
ทันทีที่พูด เขาก็ดึงถังเซวี่ยไปด้านข้าง กล่าวแนะนำเสียงดัง “นี่คือเหลนของฉัน ถังเซวี่ย และนับต่อจากนี้ไปเธอจะเป็นผู้นำตระกูลหัวคนใหม่ของพวกเรา”
“อะไรกัน… เรื่องนี้… เป็นไปได้ยังไง”
ทว่าหัวเฟยหลงที่ได้ยินอย่างนั้นกลับไม่เผยความแปลกใจใด ๆ เพราะเขาเองก็ตระหนักเรื่องนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว