การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 614-2 ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จ (2)
- Home
- การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย
- บทที่ 614-2 ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จ (2)
บทที่ 614 ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จ (2)
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงมองถังเซวี่ยด้วยความประหลาดใจแล้วเอ่ยถามว่า “เสี่ยวเซวี่ย เธอคิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะดีกว่าหรือ?”
“ก็แค่เมื่อครู่ จู่ ๆ ความคิดนี้ก็แวบขึ้นมาน่ะ เพราะฉะนั้นพวกเราเลือกเป็นตอนเช้าของวันพรุ่งนี้เถอะค่ะ”
ในตอนนี้ถังเซวี่ยเข้าใจในความสามารถของตัวเองอย่างแน่ชัดแล้ว ความสามารถของเธอนี้เหมือนกับสัมผัสที่หกของผู้หญิงมาก เพียงแต่สัมผัสที่หกของเธอนั้นแม่นยำกว่าคนทั่วไป
ถังซวงได้ยินถังเซวี่ยกล่าว จึงกล่าวพลางพยักหน้า “อืม พี่เข้าใจแล้ว เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เช้า แต่ว่าเราก็ต้องเปลี่ยนแผนการสักหน่อยแล้วละ”
เพราะว่าแผนการมีการเปลี่ยนแปลง ถังซวงจึงหารือกับหัวเฟยเฟิ่งอีกรอบ
ในครั้งนี้โชคดีที่หัวเฟยเฟิ่งมีความคุ้นเคยกับตระกูลหัว พวกเขาจึงสามารถจัดเตรียมวางแผนได้อย่างดี
“ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องเป็นห่วง พรุ่งนี้เช้าตรู่พวกเราจะลงมือ”
จริง ๆ แผนของพวกเขาไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ขอแค่ควบคุมตัวหัวเฟยหลงเอาไว้เท่านั้นก็พอแล้ว ถ้าจับโจรก็ต้องจับหัวโจกให้ได้ ขอแค่ควบคุมตัวหัวเฟยหลงเอาไว้ได้ ต่อให้เขาจะมีแผนมากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์
ขณะนี้เอง ถังซวงก็หยิบขวดกระเบื้องเซรามิกขวดหนึ่งยื่นให้หัวเฟยเฟิ่ง และกล่าวว่า “คุณยาย คุณยายพกอันนี้ไปด้วย มันมีประโยชน์มาก แค่โปรยใส่เพียงเล็กน้อย คนคนนั้นก็จะไร้เรี่ยวแรงในทันที”
หัวเฟยเฟิ่งไม่เกรงใจ รับขวดแก้วเซรามิกในมือของถังซวงเอาไว้ทันที กล่าวพลางพยักหน้า “อืม ยายเข้าใจแล้ว เมื่อถึงเวลาคับขันยายจะใช้มัน”
ถังซวงหยิบขวดแก้วเซรามิกอีกขวดยื่นให้ และกล่าวว่า “คุณยาย หลังจากยายทานยานี่แล้วก็จะไม่โดนพิษไปด้วย” เมื่อกล่าวจบ ถังซวงรู้สึกเหมือนกับว่าเมื่อก่อนความคิดของเธอถูกปิดกั้นเอาไว้ ในเมื่อมียาอยู่ พวกเธอก็นำยาไปใช้ทอนปัญหา แถมทุ่นแรงได้อีกด้วย
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาเช่นเดียวกับหัวโย่วเฉิง
แต่หลังจากที่หัวเฟยเฟิ่งรู้วิธีการของถังซวงแล้ว ก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกว่า “ยาพวกนี้มียาถอนพิษหรือเปล่า?”
ถังซวงพยักหน้าพลางกล่าวโดยทันที “คุณยายไม่ต้องห่วง ทั้งหมดมียาถอนพิษค่ะ แล้วก็ยาพวกนี้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่จะทำให้คนที่โดนไม่สามารถขยับตัวเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น”
“ถ้างั้นก็ดีเลย”
หลังจากที่เธอรู้ว่ามันไม่มีผลกระทบอะไรนัก หัวเฟยเฟิ่งรู้สึกว่าการใช้ยานั้นค่อนข้างสะดวกมาก “อืม ยายเข้าใจแล้ว ยายจะระวังเป็นพิเศษ จะคอยดูไม่ให้กระทบไปถึงพ่อและแม่ของหลาน”
ถังซวงได้ยินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “คุณยายไม่ต้องห่วง หนูส่งคนไปดูแลทางพวกเขาแล้ว พวกเขาจะไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”
“ถ้างั้นก็ดีเลย”
เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง ยามเช้าอันเงียบสงบถูกเสียงร้องตะโกนทำลายลง และสิ่งที่ตามมาก็คือเสียงทะเลาะและเสียงการต่อสู้ที่ดุเดือด ถังซวงอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย มองพวกของหัวเฟยหลงและหัวโย่วเฉิงอย่างเย็นชา จากนั้นพุ่งตัวไปข้างหน้าในทันที
“ถังซวง นี่พวกเธอเตรียมการป้องกันไว้แล้วสินะ”
สายตาหวาดกลัวของหัวเฟยหลงมองดูถังซวงลงมืออย่างไร้ความปรานี
ได้ยินหัวเฟยหลงกล่าว ถังซวงกลับค่อย ๆ ยั้งมือ มองด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวว่า “ก็ต้องเตรียมการป้องกันไว้สิคะ ไม่เช่นนั้นจะให้พวกคุณลงมือก่อนหรือไง”
“นังเด็กไร้ยางอาย ที่แท้ก็ระวังตัวอยู่ตลอดนี่เอง”
ในที่สุดหัวโย่วเฉิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตระหนักได้ว่าเป็นการยากที่จะเข้าถึงตัวถังซวง เขาคิดเอาเองว่าแผนการครั้งนี้ของพวกเขานั้นรอบคอบมากแล้ว จึงตัดสินใจลงมือในเย็นวันนี้ แต่ไม่คาดคิดว่าในตอนเช้าจู่ ๆ พวกตนจะถูกพวกของถังซวงและหัวเฟยเฟิ่งล้อมโจมตีเข้าให้ และชิงลงมือก่อนพวกเขาเสียอีก
ถังซวงเหลือบมองหัวโย่วเฉิง หลังจากเห็นความอาฆาตในสายตาเย็นชาของอีกฝ่าย เธอจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อยู่ตระกูลหัวก็ต้องระวังตัวอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงไม่รู้ว่าตัวฉันจะได้เห็นตะวันอีกหรือเปล่า เห็นว่าครั้งนี้พวกคุณเตรียมตัวมาเต็มที่เพื่อที่จะจับตัวพวกเราทั้งหมดด้วยนี่”
เมื่อกล่าวจบ ถังซวงมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
โชคดีที่เธอฟังคำพูดของถังเซวี่ยจึงลงมือกันตั้งแต่เช้า ไม่เช่นนั้นหากรอให้ถึงตอนเย็นก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเธอคาดเดาเอาไว้แล้วว่าพวกของหัวเฟยหลงจะต้องเตรียมพร้อมมาอย่างดี แต่ก็ไม่ได้คิดว่าพวกเขาจะเตรียมกำลังคนมากมายขนาดนี้ และนอกจากคนในตระกูลหัวแล้ว เธอพบว่าเหมือนจะมีคนนอกอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าหัวเฟยหลงไปหาคนมาจากที่ไหน
ทว่าแม้จะมีกำลังคนมากแค่ไหน ถังซวงก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะเก็บคนพวกนี้ทั้งหมด
“คุณยาย จำของที่หนูให้ไว้ได้ไหม”
เมื่อได้ยิน หัวเฟยเฟิ่งตอบกลับมาทันที เธอรีบพยักหน้า “จำได้”
“ดีเลยค่ะ”
ในขณะที่กล่าว ถังซวงก็หยิบขวดเซรามิกขวดหนึ่งออกมา แล้วโปรยใส่ศัตรูที่อยู่ตรงหน้า
“อ๊าก… นี่มันอะไร”
ผ่านไม่นาน อีกฝั่งก็รู้สึกตัวได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติ ทว่ายังไม่ทันที่พวกเขาจะเข้าใจแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างกายก็พลันไร้เรี่ยวแรง และนอนลงไปโดยไม่มีการขัดขืนใดแม้แต่น้อย
เมื่อหัวเฟยเฟิ่งเห็นว่าถังซวงใช้ยาไปแล้ว เธอก็เร่งรีบควักขวดเซรามิกออกมาโปรยใส่ศัตรู โดยระมัดระวังและเลี่ยงไม่ให้โดนคนของตน
เมื่อเห็นคนล้มลงมากขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของหัวเฟยหลงก็พลันก็มืดลง
“หัวเฟยเฟิ่ง เธอทำอะไรน่ะ ทำไมเธอถึงโหดเหี้ยม ถึงขนาดลงมือฆ่าฉันเชียวหรือ!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หัวเฟยเฟิ่งก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “หัวเฟยหลง นายยังกล้ามาพูดเรื่องความโหดเหี้ยมกับฉันอีกหรือ ไม่ใช่เป็นเพราะความไม่ยอมของนายหรอกหรือ เรื่องในวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นต้นเหตุทั้งหมดก็คือนาย นายไม่มีสิทธิ์จะมาพูดกับฉันแบบนี้ แล้วอีกอย่าง… นายมองไม่เห็นหรือว่าคนพวกนี้แค่สูญเสียเรี่ยวแรงเท่านั้น ไม่ได้ตาย”
ขณะนี้เอง หัวเฟยหลงก็เข้าใจแต่สีหน้าของเขายังคงดูไม่ได้
ด้วยการลงมือของหัวเฟยเฟิ่งและถังซวงทำให้คนฝั่งพวกเขาน้อยลงไปในเวลาไม่นาน แม้ว่าพวกเขาจะเตรียมยาไว้ใช้ตั้งแต่เช้าตรู่ ทว่าก่อนที่จะได้ลงมือใช้มัน ก็ถูกพวกของถังซวงและหัวเฟยเฟิ่งชิงตัดหน้า การถูกขัดขวางแผนการทำให้เขารู้สึกอัดอั้น และรู้สึกทรมานไปทั้งตัว
“คุณยาย อย่าเสียเวลาคุยอะไรกับเขาเลยค่ะ จัดการพวกเขาให้หมดเลยเถอะ”
“อืม”
หัวเฟยเฟิ่งพบว่าหลานสาวคนโตของเธอคนนี้ได้ดั่งใจเธอจริง ๆ ทำอะไรเด็ดขาด นิสัยร่าเริงเหมือนเธอ และชอบทำอะไรตรงไปตรงมา
ทันใดนั้นเองหัวเทียนจางก็เข้ามาพอดี เขาขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นเหตุการณ์วุ่นวายเบื้องหน้า
“เฟยเฟิ่ง เฟยหลง พวกลูกกำลังทำอะไร”