การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 616 งานหมั้นของจิงเหวินรุ่ยและจูรุ่ย (1)
- Home
- การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย
- บทที่ 616 งานหมั้นของจิงเหวินรุ่ยและจูรุ่ย (1)
บทที่ 616 งานหมั้นของจิงเหวินรุ่ยและจูรุ่ย (1)
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของฟักขาวน้อย คุณนายจิงเหมือนกับว่าหัวใจจะละลาย
หลังจากที่อวี๋มินเข้ามา เธอก็มองคุณนายจิงด้วยรอยยิ้ม พลางกล่าว “คุณแม่คะ พวกอาหลานเพิ่งกลับมา ให้เข้ามาพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ”
คุณนายจิงจึงกรีบกล่าวพลางพยักหน้า “จริงด้วย พวกเธอเดินทางกันมาเหนื่อย ๆ รีบเข้ามาเถอะ”
แม้ว่าตนอยากจะฟัดหลานชายและหลานสาวคนเล็ก แต่คุณนายจิงก็กลัวว่าจะทำให้พวกหลานล้าเช่นกัน เลยขอให้จิงเจ้อหรงและถังหลานพาพวกเขาไปพักผ่อน
ถังชุนหยานก็มาด้วยกันด้วย เมื่อเธอเห็นพวกถังซวงและถังเซวี่ยก็ดีใจเป็นอย่างมาก “พี่สาวซวง เสี่ยวเซวี่ยคราวนี้พวกพี่ออกจากบ้านไปนานเชียวนะคะ”
ถังซวงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันออกไปนานจริงนั่นแหละ แล้วช่วงนี้เธออยู่บ้านตลอดเลยหรือ”
“ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยได้อยู่บ้านเท่าไหร่ ฉันมักจะไปช่วยดูคุณปู่หลี่น่ะค่ะ”
หลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นอายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว แล้วเกอชิงเหม่ยก็ตั้งครรภ์อีกด้วย เธอจึงไปเยี่ยมพวกเขาทุกวัน
เมื่อได้ยินดังนี้ ถังซวงอดไม่ได้ที่จะกล่าว “งั้นพรุ่งนี้พวกเราไปเยี่ยมพวกท่านกันนะคะ” เธอหันหน้าไปพูดกับโม่เจ๋อหยวน “อาหยวน พี่ไม่กลับบ้านบ้างหรือ”
โม่เจ๋อหยวนไม่ได้กลับบ้านมาสักพักแล้ว เขาจึงอยากกลับไปดูบ้านสักหน่อย “ซวงเอ๋อร์ ฉันขอกลับบ้านก่อนดีกว่า แล้วจะมาหาทีหลังนะ”
ถังซวงยิ้มพลางพยักหน้า
หลังจากที่โม่เจ๋อหยวนกลับไปแล้ว เฟิงเยี่ยหานเองก็เตรียมจะกลับไปบ้านพัก “เสี่ยวเซวี่ย ผมเองก็ต้องกลับแล้ว ถ้ามีเวลาผมจะกลับมากินข้าวเย็นเป็นเพื่อนคุณนะ”
ถังเซวี่ยรู้ว่าเขาน่าจะมีเรื่องให้ต้องจัดการ จึงโบกมือให้และกล่าวว่า “มาไม่ทันก็ไม่เป็นไรค่ะ คุณรีบกลับไปเถอะ”
“อืม”
เฟิงเยี่ยหานอดไม่ได้ที่จะลูบผมของถังเซวี่ย จากนั้นก็ออกไป
ถังเซวี่ยมองแผ่นหลังของเฟิงเยี่ยหานไม่ละสายตา ถังซวงจึงกล่าวกับถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย พวกเราก็กลับไปพักผ่อนบ้างเถอะ”
ถังเซวี่ยรีบพยักหน้า
เมื่อถึงเวลาทานอาหารเย็น โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานก็กลับมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อคุณนายจิงเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เจ๋อหยวน เสี่ยวเยี่ย ช่วงนี้พวกเธอสองคนคงเหนื่อยมาก ต้องทานให้เยอะ ๆ หน่อยนะจ๊ะ”
“ครับคุณย่า”
โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานต่างพยักหน้า
เมื่อเห็นสองหนุ่มหล่อยิ้มให้เธอ คุณนายจิงก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจ ยิ่งกระตือรือร้นบอกให้พวกเขาทานอาหารมากขึ้นไปอีก
ส่วนถังซวงเห็นจิงเหวินรุ่ยทานข้าวไวปานจรวดก็อดไม่ได้ที่จะกล่าว “พี่รอง ทำไมพี่รีบกินจังคะ”
ยังไม่ทันที่จิงเหวินรุ่ยจะตอบ อวี๋มินก็พูดติดตลกว่า “มะรืนนี้ก็จะถึงงานหมั้นแล้ว เขาดีใจมากซะจนอยากจะกลับไปดูต่อว่ามีอะไรต้องเพิ่มเติมอีกบ้างน่ะ”
เมื่อได้ยินดังนี้ ทุกคนในบ้านต่างก็หัวเราะ
จิงเหวินหยวนอดไม่ได้ที่จะกล่าวหยอกล้อ “เหวินรุ่ย นายเตรียมตัวมานานซะขนาดนี้ ยังจะมีอะไรพลาดอีกฮะ”
จิงเหวินรุ่ยเหลือบมองจิงเหวินหยวน และกล่าวว่า “พี่ใหญ่ พี่ไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกผมในตอนนี้หรอก รอพี่หมั้นเมื่อไหร่แล้วจะรู้”
“โห… ไอ้น้องคนนี้ นี่เยาะเย้ยที่ฉันไม่มีคนรักหรือ”
จิงเหวินรุ่ยยิ้มออกมาทันทีและกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”
ทว่าคุณนายจิงเมื่อนึกถึงหลานคนโตที่ยังไม่มีคนรัก เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่อวี๋มินพลางกล่าว “เหวินหยวนก็โตแล้วแต่ยังไม่มีคู่ครองเลย เธอต้องรีบเร่งมือหาภรรยาให้เขาได้แล้ว ลองไปถาม ๆ ดูแล้วแนะนำคนดี ๆ ให้รู้จักสักคนสิ”
อวี๋มินพยักหน้าทันที “ค่ะ ฉันเริ่มหาแล้วค่ะ”
หลังจากที่จิงเหวินรุ่ยตัดสินใจที่จะหมั้นหมาย เธอก็เป็นกังวลขึ้นมาเพราะลูกชายคนโตของครอบครัวที่ยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝา
จิงเหวินหยวนที่ไม่รีบร้อน ยังไม่ทันที่เขาจะได้กล่าว ก็เห็นแม่จ้องมา จึงนั่งเงียบไม่กล้ากล่าวอะไรอีก
หลังจากทานอาหารเสร็จ คุณนายจิงตื๊อให้โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานค้างที่บ้าน “ยังไงเหวินรุ่ยกับเสี่ยวรุ่ยก็จะหมั้นหมายกันอยู่แล้ว พวกเธอสองคนก็ค้างที่บ้านนี้เถอะจ้ะ พอไปร่วมงานหมั้นเสร็จค่อยกลับก็ยังไม่สาย”
โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากนั้นทุกคนต่างก็กลับไปพักผ่อน
วันรุ่งขึ้น ถังซวงรู้สึกว่าทุกคนผ่อนคลายขึ้นมาก หลังจากที่เธอล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เดินไปที่ลานบ้าน ก็เห็นว่าโม่เจ๋อหยวนมาหาตน
“ซวงเอ๋อร์ พวกเราไปทานข้าวเช้าเถอะ”
ถังซวงยิ้มกว้างให้โม่เจ๋อหยวน ตอนที่พวกเขามาถึงห้องอาหาร คนอื่น ๆ ก็มาถึงกันหมดแล้ว
ครอบครัวครึกครื้นมีชีวิตชีวามาก เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหมั้นของจิงเหวินรุ่ยแล้ว
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย คุณนายจิงก็พาลูกและสะใภ้มาช่วยงาน ขณะนี้เอง คนตระกูลเฮ่อก็มาถึง
พานลี่ฮวาเห็นถังซวงก็รีบก้าวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม และกล่าวว่า “ซวงเอ๋อร์ ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธออยู่พอดีเลย”
เมื่อได้ยินดังนี้ ถังซวงก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ป้าสะใภ้ ถ้าอย่างนั้นเราไปคุยกันตรงหน้านั้นดีกว่าค่ะ”
ขณะเดียวกันพานลี่ฮวก็เรียกถังเซวี่ยและถังชุนหยาน “เสี่ยวเซวี่ย ชุนหยานพวกเธอสองคนก็มาด้วยนะ”
“ค่ะ”
หลังจากที่ทั้งหมดนั่งลง พานลี่ฮวาก็พูดถึงเรื่องซุบซิบบางอย่าง
“ซวงเอ๋อร์ เธอจำน้องสาวของคุณถังได้ไหม?”
ถังซวงได้ยินก็พยักหน้า “จำได้แน่นอนค่ะ ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเธอเป็นอย่างไรบ้าง?”
พานลี่ฮวากล่าวพลางยิ้มตาหยี “โอ๊ย… สุดท้ายนางเมียน้อยนั่นก็ถูกไล่ตะเพิดออกจากตระกูลลู่ สะใจจริง ๆ”