การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 617-2 ช่วยถังชุนหยานให้รอดพ้น (2)
- Home
- การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย
- บทที่ 617-2 ช่วยถังชุนหยานให้รอดพ้น (2)
บทที่ 617 ช่วยถังชุนหยานให้รอดพ้น (2)
ถังชุนหยานเห็นถังไห่โปพูดพล่าม ก็พูดออกไปทันที “ถังไห่โป นายอย่าพูดเพ้อเจ้อ พี่เจียรุ่ยเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่สาวซวงต่างหาก”
ทว่าถังไห่โปกลับไม่เชื่อคำพูดนั่น
เฮ่อเจียรุ่ยกลับขมวดคิ้วมองถังไห่โป หลังจากนั้นก็มองไปที่ถังชุนหยานและถามว่า “หมอนี่เป็นใคร?”
ไม่ทันที่ถังชุนหยานจะได้กล่าว ถังไห่โปก็เอ่ยออกมา “ฉันเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของถังชุนหยาน ”
ในขณะที่กล่าว ถังไห่โปก็มองเฮ่อเจียรุ่ยด้วยสายตาเป็นประกาย แล้วกล่าวต่อว่า “นายถูกใจยัยตัวเหม็นนี่สินะ ฉันจะบอกอะไรให้ ถ้านายอยากจะแต่งงานกับยัยนี่ ก็เตรียมเงินสินสอดทองหมั้นเอาไว้ด้วย ฉันดูแล้วนายน่าจะมีเงินอยู่บ้าง อย่ามาทำเป็นงกเชียว”
ถังชุนหยานไม่พอใจที่เห็นถังไห่โปทำถึงขนาดนี้
เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเลใด ๆ แล้วซัดถังไห่โปอีกครั้งจนล้มลงไปกับพื้น
เมื่อครู่เธอยังรู้สึกวิตกกังวลอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นถังไห่โปทำถึงขนาดนี้ เธอก็จะไม่ยอมออมมืออีกแล้ว
ถังไห่โปถูกถังชุนหยานต่อยจนลุกไม่ขึ้น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและอับอาย
“ถังชุนหยาน แก… แก ยัยตัวเหม็น แกกล้าต่อยฉันหรือ ฉันจะฟ้องพ่อกับแม่”
“เหอะ… โตขนาดนี้แล้วแท้ ๆ ยังร้องหาพ่อหาแม่อยู่อีก”
ถังชุนหยานโกรธจนหัวเราะออกมา
เมื่อนึกว่าคนน่ารังเกียจอย่างถังไห่โปเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด อดไม่ได้ที่จะเตะเขาอย่างแรงอีกสองสามที จากนั้นถามออกไป “นายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่ปักกิ่ง”
ถังไห่โปไม่ปริปาก
ถังชุนหยานเห็นเช่นนั้นก็ทุบตีเขาอย่างแรงไม่ยั้ง
ถังไห่โปเจ็บจนเกินจะทนไหว สุดท้ายจึงกล่าวทันที “ลุงรองเป็นคนบอกฉัน ไม่นานมานี้เขากลับไปที่บ้าน เอาเงินก้อนใหญ่ไปให้ปู่กับย่า แล้วก็พูดถึงเรื่องถังซวง พวกเราก็เลยได้รู้เรื่องแกด้วย”
เมื่อถังชุนหยานได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดว่าถังเจี้ยนกั๋วจะพูดเช่นนี้
เมื่อได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้แล้วถังชุนหยานก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ เธอหันไปพูดกับเฮ่อเจียรุ่ย “พี่เจียรุ่ย พวกเรากลับกันเถอะค่ะ”
เฮ่อเจียรุ่ยพยักหน้าพลางกล่าว “อืม”
ระหว่างทางกลับถังชุนหยานก็รู้สึกหดหู่ใจ แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร ตอนแรกเธอคิดไว้ว่าหลังจากโอนเงินไปให้แล้ว ตนจะไม่มีอะไรติดค้างกับที่บ้านอีก แต่กลับพบว่าตัวเธอเองไร้เดียงสาเกินไป เมื่อคนที่บ้านรู้ว่าเธอมีเงิน ก็จ้องจะเอาแต่เกาะเธอ ดูดเลือดดูดเนื้อเธอ
เฮ่อเจียรุ่ยเห็นว่าสีหน้าของถังชุนหยานหม่นหมองลง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ดังนั้นระหว่างทางกลับบ้านเก่าตระกูลจิงจึงไร้เสียงพูดคุยของทั้งสองคน
พอกลับถึงบ้านคนที่ถังชุนหยานเห็นคนแรกก็คือถังซวง
ทันทีที่ถังชุนหยานมองเห็นถังซวงดวงตาของเธอก็พลันร้อนผ่าว เดินไปข้างหน้าและพูดด้วยความอัดอั้น “พี่สาวซวงฉันทำเรื่องโง่ ๆ ลงไปแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนี้ ถังซวงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วถาม “เรื่องอะไร?”
ถังชุนหยานเล่าเรื่องที่ก่อนหน้านี้เธอโอนเงินให้ที่บ้านและเรื่องที่เธอบังเอิญเจอถังไห่โปให้ฟัง และสุดท้ายก็พูดออกมาว่า “คนที่บอกข่าวว่าฉันอยู่ปักกิ่งคือลุงรอง ถังไห่โปก็เลยมาที่นี่”
เมื่อกล่าวจบความรู้สึกของถังชุนหยานก็ยิ่งเศร้าหมองลง
“ตอนแรกฉันคิดว่าเงินจะทำให้พวกเราจบกันแล้ว แต่ตรงกันข้าม พวกเขายังจะตามฉันมาถึงที่นี่ด้วย แล้วยังคิดที่จะเกาะฉันไปทุกที่ไม่ยอมปล่อย”
ถังซวงได้ยินก็โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไรหรอก พวกเรารู้ดีว่าถังเจี้ยนกั๋วทำงานให้เฟิงเยี่ยหาน ดังนั้นหมอนั่นทำอะไรไม่ได้หรอก นับประสาอะไรกับตระกูลถัง ส่วนปัญหาเรื่องถังไห่โป เธอต้องการให้ฉันช่วยไหม”
เมื่อเห็นท่าทีสงบนิ่งของถังซวง แววตาของถังชุนหยานก็เต็มไปด้วยความหนักแน่น
เธอส่ายหัวและกล่าวปฏิเสธ “พี่ซวง ให้ฉันแก้ด้วยตัวเองดีกว่าค่ะ”
เธอไม่อาจพึ่งพาถังซวงไปได้ทุกเรื่อง และไม่สามารถรบกวนพี่สาวซวงไปตลอดชีวิตได้ ดังนั้นครั้งนี้เธอจึงต้องแก้ไขปัญหาด้วยตัวเธอเอง
เมื่อได้ยินถังชุนหยานกล่าวอย่างนั้น ถังซวงพยักหน้าตอบรับ “ก็ได้ ในเมื่อเธอคิดจะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ฉันก็จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอ แต่ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือต้องรีบบอกพวกเราทันทีนะ”
“พี่ซวงไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าฉันแก้ปัญหาไม่ได้ ฉันจะรีบบอกพี่ทันทีค่ะ”
ในตอนนี้ถังชุนหยานนิ่งขึ้นมาก เธอไม่ใช่ยัยเด็กบ้านนอกเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ตอนที่เผชิญสิ่งต่าง ๆ เธอจะมาอวดเก่งสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้
ส่วนเฮ่อเจียรุ่ยที่ไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่เมื่อครู่ เมื่อได้ยินว่าถังชุนหยานจะแก้ปัญหาด้วยตนเอง ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง “ฉันว่านะพี่ชายของเธอคนนั้นคงไม่ยอมวางมือง่าย ๆ แน่ เธอต้องระวังตัวให้มากล่ะ” หากวันนี้เขาไม่บังเอิญไปเจอเข้า ถังชุนหยานคงแย่แน่
เมื่อถังชุนหยานได้ยินก็กล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณค่ะ พี่เจียรุ่ย ฉันจะระวังตัวให้มากค่ะ เรื่องวันนี้ฉันต้องขอบคุณพี่มาก ๆ นะคะ ขอบคุณที่ช่วยฉัน”
ถังซวงฟังทั้งสองคนพูดคุยกัน พร้อมกับมองถังชุนหยานที มองเฮ่อเจียรุ่ยที จู่ ๆ คำพูดก่อนหน้านี้ของพานลี่ฮวาก็ผุดขึ้นมาในหัว วันนี้พอมอง ๆ ดูทั้งสองก็เหมือนจะเข้ากันได้อย่างน่าประหลาด
ขณะเดียวกันพานลี่ฮวาก็เข้ามา เธอเห็นถังซวงและถังชุนหยานอยู่กันพร้อมหน้าก็อดไม่ได้ที่จะถาม “พวกเธอมายืนทำอะไรตรงนี้เนี่ย? ไม่เข้าไปทานข้าวหรือ”
“ป้าสะใภ้คะ พวกเรากำลังจะไปนี่แหละค่ะ”
ถังซวงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็พูดคุยกับพานลี่ฮวาเรื่องถังชุนหยาน และกล่าวจบท้ายว่า “ดีที่วันนี้ได้พี่เฮ่อเจียรุ่ย ไม่อย่างนั้นชุนหยานต้องโดนตามรังควานแน่ค่ะ”
พานลี่ฮวาที่ได้ยินก็ตาเป็นประกาย โน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูถังซวง “โธ่เอ๋ย ซวงเอ๋อร์ เธอว่า… เจียรุ่ยกับชุนหยานมีวาสนาต่อกันอยู่นะว่าไหม ถึงขนาดพบกันโดยบังเอิญบนถนน แถมเจียรุ่ยก็เป็นอัศวินขี่ม้าขาวไปช่วยชุนหยานเองด้วย ไม่ใช่ว่าเขามีใจให้ชุนหยานหรอกหรือ”
เมื่อเห็นท่าทีตื่นเต้นของพานลี่ฮวา ถังซวงกล่าวอย่างอดไม่ได้ “ป้าสะใภ้อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปเลยค่ะ พี่เจียรุ่ยเห็นชุนหยานตกอยู่ในอันตรายก็ปกติที่จะยื่นมือเข้าช่วย ไม่เกี่ยวกับว่ามีใจไม่มีใจหรอกค่ะ ป้าอย่าเพิ่งเป็นห่วงเรื่องพวกนี้เลย บางเรื่องก็เป็นเรื่องของโชคชะตา ถ้าดวงชะตาสมพงศ์กัน ยังไงก็จะต้องได้รักกันค่ะ”
เมื่อได้ยินถังซวงกล่าว พานลี่ฮวาก็ถอนหายใจออกมา และกล่าวว่า “เอาละ ๆๆ ป้าไม่คิดมากก็ได้ ให้มันเป็นเรื่องพรหมลิขิตของพวกเขาก็แล้วกัน”
ในขณะที่สองคนกล่าวก็เดินมาถึงห้องอาหาร วันนี้คนตระกูลเฮ่อเองก็อยู่ด้วย เพราะเหตุนี้บรรยากาศจึงครึกครื้นเป็นอย่างมาก
หลังจากทานอาหารเสร็จ เฮ่อจื่อกุยก็ขอตัวลาพร้อมกันกับครอบครัวของเฮ่อจื่อกุย “ผู้เฒ่าจิง พรุ่งนี้พวกเราก็จะกลับก่างเฉิงแล้ว วันหน้าวันหลังถ้ามีเวลาจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็คงต้องรบกวนพวกท่านดูแลให้หน่อยนะครับ”
ผู้เฒ่าจิงเมื่อได้ยินโบกมือและกล่าวทันทีว่า “จื่อกุย ดูเธอพูดเข้าสิ พวกเราดีใจเสียอีกที่พ่อแม่ของเธอมาพักที่นี่ มีคนคอยพูดคุยด้วยทุกวัน พอได้มีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ถ้างั้นก็ดีเลยครับ”