การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 618 ขับไล่ (1)
บทที่ 618 ขับไล่ (1)
หลังจากที่คนตระกูลเฮ่อกลับไป คุณชายจิงและคุณนายจิงก็เล่นกับฟักทองน้อยฟักขาวน้อยสักพัก แล้วเอ่ยถามเมิ่งผิงเรื่องจิงเหวินรุ่ยและจูรุ่ย
“เมิ่งผิง เหวินรุ่ยก็หมั้นกับเสี่ยวรุ่ยแล้ว เรื่องงานแต่งงาน พวกเธอได้คิดไว้บ้างหรือยัง?”
เมิ่งผิงรีบตอบกลับ “พวกเรากำลังเลือกวันกันอยู่ค่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะแต่งให้ไวที่สุดภายในปีนี้ค่ะ”
คุณนายจิงรู้สึกดีใจเป็นที่สุด
“ใช่ รีบแต่งซะปีนี้น่ะดีที่สุดแล้ว พอถึงตอนนั้นก็ปรึกษาเสี่ยวรุ่ยสักหน่อยแล้วกำหนดวันแต่งงานโดยเร็วที่สุดล่ะ”
อย่าว่าแต่คุณนายจิงเลย แม้แต่เมิ่งผิงเองก็รีบเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงกล่าวพลางพยักหน้าทันที “ค่ะ เดี๋ยวฉันจะพูดกับเสี่ยวรุ่ยค่ะ”
จากนั้นคุณนายจิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “หลังจากที่เหวินรุ่ยและเสี่ยวรุ่ยแต่งงาน พวกเขาจะไปอยู่บ้านใหม่หรือจะอยู่กับพวกเราล่ะ?”
“เรื่องนี้แม่ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เสี่ยวรุ่ยอยากจะอยู่กับพวกเรา พอถึงตอนนั้นก็จะอยู่ด้วยกันที่บ้านค่ะ”
ได้ยินดังนี้ คุณนายจิงดีใจเป็นอย่างมาก
“อยู่ที่นี่ก็ดี พอถึงตอนนั้นจะได้เจอหน้ากันทุกวัน” พวกเขาอายุมากแล้ว เลยชอบอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวใหญ่
เมิ่งผิงเองก็ดีใจมาก “ใช่ค่ะ เสี่ยวรุ่ยเองก็น่ารักมาก”
ถังซวงกลับเอ่ยถาม
“จูรุ่ยไม่กลับไปก่างเฉิงหรือคะ? กิจการของครอบครัวเธอก็อยู่ที่นั่น และในฐานะผู้จัดการ เธอคงไม่สามารถอยู่ปักกิ่งตลอดได้หรอกค่ะ”
เมิ่งผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้เสี่ยวรุ่ยได้บอกแล้ว เธอบอกว่าจะโอนกิจการมาไว้ที่ปักกิ่ง เนี่ย… เสี่ยวรุ่ยคนนี้ดีไปหมดซะทุกอย่างจริง ๆ”
ตอนแรกเธอเองก็กังวลเรื่องนี้อยู่ แต่ก็ไม่คิดว่าจูรุ่ยจะทำถึงขนาดนี้
คุณนายจิงเองก็ไม่คิดว่าจูรุ่ยเตรียมโอนกิจการมาที่นี่ จึงรีบหันไปกล่าวกับเมิ่งผิง “ลูกสะใภ้รอง หลังจากที่เสี่ยวรุ่ยมาบ้านเราแล้ว เธอจะต้องใจดีกับเสี่ยวรุ่ยให้มากขึ้นเป็นสองเท่านะ ดูสิว่าจูรุ่ยทำเพื่อเหวินรุ่ยขนาดไหน”
เมิ่งผิงรีบกล่าวพลางพยักหน้า “ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะคุณแม่ เธอเป็นภรรยาของลูกชายของฉัน ฉันจะดีกับเสี่ยวรุ่ยแน่นอนค่ะ”
เมื่อถังซวงได้ยินทั้งสองคนพูดคุยก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
ในอนาคตปักกิ่งจะเจริญมาก หากจูรุ่ยสามารถโอนกิจการมาปักกิ่งได้ก็ถือว่าไม่เลว
หลังจากพูดคุยได้สองสามประโยค ถังซวงก็ยืนขึ้นและพูดว่า “คุณย่า ป้าสะใภ้รอง งั้นหนูขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
“ได้ ๆ รีบไปเถอะจ้ะ พรุ่งนี้พวกหลานก็จะเปิดเทอมแล้วนี่ วันนี้ก็เข้านอนไวหน่อยนะ”
คุณนายจิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“ซวงเอ๋อร์ ช่วงนี้เสี่ยวเซวี่ยกำลังยุ่งเรื่องอะไรหรือ ทำไมตอนทานข้าวก็ไม่เห็นเลยล่ะ”
“คุณยาย เสี่ยวเซวี่ยกำลังยุ่งอยู่กับการวาดแบบค่ะ ร้านเครื่องสำอางของทางนี้กำลังจะเปิดที่ปักกิ่ง และเสี่ยวเซวี่ยเป็นคนออกแบบในร้านทั้งหมด ในตอนที่เธอช่วยออกแบบร้านที่เมืองเผิงก็สวยมากค่ะ”
คุณนายจิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เสี่ยวเซวี่ยของพวกเราเก่งที่สุด ร้านเครื่องสำอางของพวกหลานเปิดเมื่อไหร่ย่าจะไปอุดหนุนแน่นอน”
“ค่ะคุณย่า ถึงตอนนั้นคุณย่าต้องไปนะคะ”
“ไปสิ ไปแน่นอน ย่าอยากให้คนอื่นได้เห็นหน้าย่า ให้เห็นว่าขนาดย่าแก่ขนาดนี้แต่ผิวย่ายังดีอยู่เลย ก็เพราะเครื่องสำอางของพวกหลานไง”
เมิ่งผิงกล่าวพลางพยักหน้าเช่นกัน “ใช่ ๆ ป้าก็จะไปด้วย ตั้งแต่ใช้เครื่องสำอางที่ซวงเอ๋อร์ผลิต ป้าดูเด็กลงสิบปีเลยนะ หลายคนเห็นหน้าป้าก็ถามป้าว่ามีเคล็ดลับอะไร จริง ๆ แล้วไม่มีเคล็ดลับอะไรหรอกแต่เพราะเครื่องสำอางของหลานมันใช้ดี แต่บางคนก็ไม่รู้จักของดี พอได้ยินว่าราคาสูงก็ไม่คิดจะซื้อด้วยซ้ำ ช่วยไม่ได้ ไม่อยากซื้อเอง”
ถังซวงเห็นเมิ่งผิงทำหน้าโกรธเล็กน้อยแล้วก็ยิ้มออกมา
“ใช่ พวกเขาไม่รู้จักของดี แต่มีคุณย่ากับป้าสะใภ้รองเป็นขาประจำขนาดนี้ หนูว่าของทุกอย่างคงจะขายหมดตั้งแต่เปิดร้านแน่นอน”
คุณนายจิงและเมิ่งผิงต่างยิ้มออกมา หลังจากนั้นพวกเธอก็บอกให้ถังซวงรีบกลับไปพักผ่อน
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้นถังซวงและถังเซวี่ยออกไปรายงานตัวที่โรงเรียนพร้อมกัน
หลังจากถังซวงและถังเซวี่ยออกไปข้างนอก ถังชุนหยานก็ตามออกไปด้วย หลายวันมานี้เธอสืบเรื่องถังไห่โปตลอด และในที่สุดก็ได้รู้ว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน เธอจึงวางแผนจะออกไปหาถังไห่โป
เมื่อถังไห่โปเห็นถังชุนหยานก็กล่าวอย่างกระหืดกระหอบ “ยัยตัวเหม็น แกกล้ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกหรือ วันนั้นถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันคงไม่ทุเรศขนาดนั้น วันนี้แกก็เลยมาเย้ยฉันใช่ไหม?”
เมื่อเห็นท่าทีกระหืดกระหอบของถังไห่โป ถังชุนหยานก็ไม่ได้พูดอะไร เมื่ออีกฝ่ายสงบลง เธอจึงเอ่ยปากพูด “ถังไห่โป ที่ฉันมาวันนี้ก็เพื่อที่จะมาบอกให้นายกลับไปซะ นายกลับมณฑลเจียงไปจะดีกว่า นายไม่เหมาะที่จะอยู่ปักกิ่งหรอก”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังไห่โปก็โกรธจนหัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆ… ถังชุนหยาน แกอย่าบอกนะว่าปักกิ่งเหมาะกับแก แต่ไม่เหมาะกับฉัน นี่ดูถูกกันชัด ๆ ชายหนุ่มอย่างฉันทำไมถึงจะไม่เหมาะที่จะอยู่ปักกิ่ง ฉันจะบอกอะไรแกให้ ฉันไม่แค่จะอยู่ แต่ฉันจะอยู่ให้นาน ๆ และจะใช้ชีวิตอยู่ที่ปักกิ่งเลยละ”
ถังชุนหยานมองถังไห่โปอยู่นาน และกล่าวว่า “ถ้านายอยู่ปักกิ่งด้วยความสามารถของตัวเอง ฉันก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้านายคิดจะอยู่ที่ปักกิ่งโดยรีดไถเงินจากฉัน นายก็ไม่สมควรที่จะอยู่ที่นี่”
“เหอะ… ที่แท้แกก็คิดอย่างนี้เอง”
ถังไห่โปเดินไปรอบ ๆ ตัวถังชุนหยานอย่างสำรวจ และกล่าวด้วยสีหน้าปกติ “ฉันเป็นพี่ชายแก ฉันขอเงินแก แกก็ต้องให้ไม่ใช่หรือ ถ้าแกไม่เต็มใจให้ก็ไม่เป็นไร งั้นถ้าพ่อแม่ขอเงินแก แกก็น่าจะให้ท่านใช่ไหมล่ะ ฉันติดต่อกับที่บ้านเรียบร้อยแล้ว อีกสองวันพ่อแม่ก็จะมาปักกิ่ง พอถึงวันนั้นก็อย่าลืมต้อนรับพวกเราอย่างดีด้วยล่ะ”
เมื่อถังชุนหยานได้ยินดังนี้ แววตาเธอก็ฉายความมืดมน พร้อมกันนี้ เธอก็ตัดสินใจเรื่องหนึ่งได้
“หวังว่านายจะไม่เสียใจทีหลังนะ”
“เหอะ… ฉันจะมีอะไรให้เสียใจทีหลัง การที่ฉันมาปักกิ่งนี่แหละคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด”