การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 619 เติบโต (1)
บทที่ 619 เติบโต (1)
ถังไห่โปมองถังชุนหยานด้วยตาแดงก่ำพร้อมพูดว่า“นังสารเลว ที่แท้แกก็อยู่เบื้องหลังนี่เอง ทำไม… วันนี้ยังจะยกพวกมาซ้อมฉันอีกใช่ไหม ถ้าแกแน่จริงก็ซ้อมฉันให้ตายเลยสิ ฉันจะดูซิว่าแกกล้าหรือเปล่า”
เมื่อเห็นสีหน้าไม่ยี่หระ และเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยของถังไห่โป ถังชุนหยานจึงรู้ว่าเขามั่นใจว่าเธอไม่กล้าทำอะไรเขาจริง ๆ
“ถังไห่โป ถ้านายรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ก็ออกจากปักกิ่งไปซะ อย่ามาทำตัววุ่นวายต่อหน้าฉันอีก แล้วถ้านายยังไม่รู้อีกว่าอะไรควรไม่ควร ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน ฉันไม่ได้ใจอ่อนอย่างที่นายคิดขนาดนั้น”
เมื่อถังไห่โปได้ยินที่ถังชุนหยานกล่าว เขาก็หัวเราะเสียงเย็น “ฮ่า ๆๆ… ฉันอยากจะเห็นแล้วสิว่าแกจะใจแข็งแค่ไหน”
เมื่อเห็นท่าทีปากเก่งของถังไห่โป ถังชุนหยานก็โบกมือทันทีและสั่งว่า “พวกนายซ้อมจนกว่าเขาจะยอม”
“ครับ”
ถังไห่โปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนี้อยู่แล้ว เขาจึงถูกสั่งสอนอีกครั้ง และทำได้เพียงมองไปที่ถังชุนหยานด้วยสายตายั่วยุพลางกล่าวว่า “แกคิดจะสั่งสอนฉันให้ยอมกลับไปไม่ใช่หรือ ฉันจะบอกอะไรแกให้ ฉันจะไม่ยอมออกไปจากปักกิ่งเด็ดขาด ถ้าแกกล้าก็ซ้อมฉันให้ตายไปเลย”
เมื่อถังชุนหยานได้ยินก็ค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว และหยิบมีดปอกผลไม้ออกมาจากกระเป๋า เธอยิ้มหยันพลางมองถังไห่โป และพูดว่า “นายแน่ใจหรือว่าฉันไม่กล้าทำอะไรนาย อย่างนั้นนายลองแหกตาดูสิว่าสุดท้ายฉันจะกล้าทำหรือเปล่า” เมื่อกล่าวจบ ถังชุนหยานก็แทงถังไห่โปทันที และเพื่อการนี้เธอถึงขั้นถามถังซวงโดยเฉพาะว่าแทงตรงจุดไหนจะไม่ถึงแก่ชีวิต
แต่ไม่ทันที่ถังชุนหยานจะแทงเข้าไป ถังไห่โปก็กล่าวด้วยใบหน้าซีดขาว “อย่า… อย่า ฉันจะออกไปจากปักกิ่ง ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
สีหน้าเมื่อครู่ของถังชุนหยานน่ากลัวเกินไปแล้ว เธอทำหน้าเหมือนกับว่าจะฆ่าเขาจริง ๆ ถังไห่โปจึงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันใด เขามักจะรังแกคนไม่มีทางสู้และหวาดกลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า เมื่อคู่ต่อสู้โหดกว่าและเอาจริง แน่นอนว่าเขาต้องกลัวอยู่แล้ว
เขากำลังคิดว่าที่ผ่านมา เขาบีบถังชุนหยานมากไปหรือเปล่า ขณะเดียวกันเขาก็ต้องยอมรับว่าน้องสาวของตนคนนี้ต่างจากเมื่อก่อนจริง ๆ
ถังชุนหยานคนเดิมไม่มีทางกล้าทำแบบนี้แน่นอน
ทว่าถังชุนหยานไม่เชื่อคำพูดของถังไห่โปนัก “นายไม่ได้กำลังหลอกฉันหรอกใช่ไหม”
มีดปอกผลไม้ในมือของถังชุนหยานสะท้อนเป็นประกาย
ถังไห่โปรีบกล่าวพลางส่ายหัว “ฉันไม่ได้หลอก ฉันจะไป ฉันจะไป”
อันที่จริงแล้วเงินก่อนนั้นที่ถังชุนหยานโอนให้กับพวกเขานั้นเป็นจำนวนเงินที่เยอะมากจริง ๆ มากพอที่ทั้งครอบครัวของพวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านหลู่ฮวาได้อย่างสุขสบาย
แต่เพราะความโลภ ต่อให้พวกเขามีเงินมากขนาดนั้นแล้ว ก็ย่อมต้องการมากขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นว่าถังไห่โปพูดจริง ถังชุนหยานอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว “ถ้างั้นก็ดี นายไปซะวันนี้เลย”
ขณะนี้เองถังเซวี่ยก็เข้ามา
เธอมองสถานการณ์ตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “พี่ชุนหยาน จัดการเรื่องได้แล้วหรือยังคะ?”
นี่เป็นเรื่องที่ถังชุนหยานบอกเธอเอาไว้ก่อนหน้านี้ เธอกลัวว่าถังชุนหยานจะจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ จึงมาดู
ถังชุนหยานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเซวี่ย เธอมาได้ยังไง ถังไห่โปพูดแล้วว่าจะออกไปวันนี้ พี่ว่าอีกสักพักจะซื้อตั๋วรถไฟให้เขาออกไปจากปักกิ่งทันที”
เมื่อถังไห่โปมองถังเซวี่ยที่อยู่เบื้องหน้าตนก็แทบจะไม่เชื่อสายตา
ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ดูแตกต่างจากภาพผอมบางในความทรงจำของเขาอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นสาวสวย ตากลมโต นี่ถังเซวี่ยจริง ๆ หรือ
ยิ่งเขามองไปที่ถังชุนหยาน เขาก็พบว่าแม้ถังชุนหยานจะมีใบหน้าที่ไม่ได้สวยอะไรเป็นพิเศษแต่ก็ดูดีขึ้น ตอนนี้เขาถึงรับรู้ได้ว่าพวกเธอต่างจากตน
เมื่อถังไห่โปคิดมาถึงตรงนี้ก็มีความรู้สึกไม่อยากจะยอมรับ
ตัวเขาเองจะกลับไปทั้ง ๆ แบบนี้จริง ๆ หรือ หลังจากนี้เขาจะต้องอยู่บ้านนอกไปตลอดชีวิตจริง ๆ หรือ หลังจากได้เห็นโลกภายนอกแล้วเขาก็ไม่อยากที่จะกลับไปเลยสักนิด
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ถังไห่โปกลอกตา ในขณะที่คิดหาวิธีว่าจะเปลี่ยนสถานการณ์ในตอนนี้และหลอกถังชุนหยานอย่างไร น้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้น
“ถังไห่โป ในที่สุดก็เจอตัวแกแล้ว”
เมื่อทุกคนได้ยินก็ตะลึงงัน
หลังจากที่พบว่าคนที่เข้ามาคือถังเจี้ยนกั๋ว หัวคิ้วของถังเซวี่ยก็ขมวดทันที
เดิมทีถังเจี้ยนกั๋วจ้องเขม็งไปที่ถังไห่โป แต่เมื่อเขาพบว่าถังเซวี่ยก็อยู่ที่นี่ด้วย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนยินดี “เสี่ยวเซวี่ย…” เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับถังเซวี่ยที่นี่ เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่สง่างามของเธอ ถังเจี้ยนกั๋วก็รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “เสี่ยวเซวี่ย ลูกโตเป็นสาวแล้ว”
ถังเซวี่ยนิ่งไม่หันมองถังเจี้ยนกั๋ว
ภาพความทรงจำวัยเด็กอันโหดร้ายทำให้เธอไม่มีความรู้สึกอันดีต่อถังเจี้ยนกั๋วเลยสักนิด
เมื่อถังเจี้ยนกั๋วเห็นว่าถังเซวี่ยเมินใส่ตนเอง ดวงตาของเขาก็หม่นลง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เสี่ยวเซวี่ย ลูกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ไม่ทันที่ถังเซวี่ยจะตอบ ถังชุนหยานก็อธิบายเรื่องราวสั้น ๆ และสุดท้ายจึงกล่าว “ลุงรอง เป็นลุงที่บอกถังไห่โปว่าฉันอยู่ปักกิ่ง เขาถึงได้ตามฉันมาที่นี่ แต่ว่าเมื่อครู่เขาบอกแล้วว่าจะกลับไปแล้วค่ะ”
แต่จู่ ๆ ถังไห่โปก็ตะโกนออกมา
“ลุงรอง ลุงอย่าไปฟังนางตัวดีนี่ มันมีเงิน พวกมันมีเงินจริง ๆ นะ ลุงดูเสื้อผ้าที่ถังชุนหยานกับถังเซวี่ยใส่สิ ผมอยากจะอยู่ปักกิ่งบ้าง และผมว่าจะรับตายายและพ่อแม่มาด้วย เรื่องอะไรที่จะให้พวกมันใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ขณะที่เราอยู่ได้แต่ในชนบทกันล่ะ”
ถังเจี้ยนกั๋วได้ยินก็เอ่ยถามออกมา
“แกคิดจะใช้ชีวิตที่ปักกิ่งยังไง?”
ถังไห่โปพูดอย่างเป็นปกติ “ที่นี่ก็มีถังชุนหยานอยู่นี่ อีกอย่างลุงดูถังเซวี่ยสิ มันก็ต้องมีเงินเหมือนกันแน่ มันก็ควรจะเลี้ยงดูตายายไม่ใช่หรือ”
สีหน้าถังเจี้ยนกั๋วเปลี่ยนเป็นเย็นชา
เขาไม่ได้กล่าวอะไรอีก เพียงเดินไปข้างหน้าและยกตัวถังไห่โปขึ้น “ฉันก็ว่าอยู่ ว่าแกจะมาปักกิ่งทำไม ที่แท้ก็มีแผนนี้นี่เอง”
ขณะนี้เอง ในที่สุดถังไห่โปก็พบว่าสีหน้าของถังเจี้ยนกั๋วเย็นชามาก จนอดไม่ได้ที่จะถาม “ลุงรอง ลุงยกผมขึ้นทำไม”
ถังเจี้ยนกั๋วไม่ได้สนใจถังไห่โป เขาหันหน้าไปบอกถังเซวี่ยทันทีว่า “เสี่ยวเซวี่ย ไม่ต้องห่วง พ่อจะพาเขากลับไป และจะไม่ให้เขามารบกวนชีวิตของพวกลูกอีก”
เมื่อได้ยินดังนี้ ถังเซวี่ยถามออกมาอย่างอดไม่ได้ “จริงหรือ? คุณจะพาถังไห่โปกลับไปได้จริง ๆ หรือ?”
เมื่อถังเซวี่ยพูดกับตนเอง ใจของถังเจี้ยนกั๋วก็อ่อนยวบลง เขารีบพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ พ่อจะต้องพาถังไห่โปกลับไป วันนี้ก็จะออกไปเลย”
“อืม หวังว่าคุณจะทำได้ตามที่พูดนะคะ”
ถังเจี้ยนกั๋วรีบยืนยัน “เสี่ยวเซวี่ย ไม่ต้องเป็นห่วง พ่อทำได้แน่”
ถังชุนหยานมองไปที่ถังเจี้ยนกั๋วแล้วพูดว่า “ลุงรอง อย่างนั้นก็ดีเลย ลุงรีบ ๆ พาเขากลับไปเถอะ”