การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 619 เติบโต (2)
บทที่ 619 เติบโต (2)
ถังเจี้ยนกั๋วอยากจะพูดกับถังเซวี่ยอีกสองสามคำ แต่เขาก็พบว่าถังเซวี่ยไม่ยอมพูดอะไรอีก สายตาของเขาจึงเต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่เขารู้ว่าแค่นี้มันก็ดีมากแล้ว ถ้าหากวันนี้ถังซวงอยู่ที่นี่ด้วย เหตุการณ์ก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ เขาจึงไม่พูดอะไรอีก ยกถังไห่โปขึ้นแล้วหันหลังจากไปทันที
ทว่าถังไห่โปต่อต้าน “ลุงรอง ลุงทำแบบนี้ได้ยังไง ลุงรีบปล่อยผมนะ”
ถังเจี้ยนกั๋วเองไม่ใช่คนอ่อนโยนมีเมตตาอยู่แล้ว เขาโกรธถังไห่โปตั้งแต่มาทำเรื่องวุ่นวายให้พวกถังเซวี่ยแล้ว ดังนั้นเมื่อเขาเห็นว่าถังไห่โปต่อต้าน จึงฟาดฝ่ามือลงบนคอของถังไห่โปทันที
ทันใดนั้นเองทุกอย่างก็สงบลง
ขนาดถังชุนหยานที่เห็นยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “เสี่ยวเซวี่ย พี่ไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายง่ายขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ก็น่าจะมาซะก่อนหน้านี้ แบบนั้นถังไห่โปคงออกจากปักกิ่งไปตั้งนานแล้วละ”
เมื่อเห็นท่าทีดีใจของถังชุนหยาน ถังเซวี่ยก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นสิคะ ตอนนี้พี่ชุนหยานไม่เหมือนเดิมแล้ว พี่ออกโรงเองก็คลี่คลายปัญหาได้แล้ว”
ถังชุนหยานอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว และกล่าวว่า “ถังไห่โปเองก็เป็นคนขี้ขลาดอยู่แล้วด้วย แค่พี่หยิบมีดปอกผลไม้ออกมาเขาก็กลัวแล้ว ตอนแรกเขาคิดว่าพี่ไม่กล้าทำอะไร ก็เลยทำตัวหน้าไม่อายแบบนั้น เมื่อก่อนพี่คงจะใจอ่อนเกินไปจริง ๆ นั่นแหละ”
แต่คิดไม่ถึงว่าถังเจี้ยนกั๋วจะปรากฏตัวด้วย ถังชุนหยานมองถังเซวี่ยแล้วเอ่ยถามทันที “เสี่ยวเซวี่ย เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
ถังเซวี่ยเข้าใจว่าถังชุนหยานหมายถึงอะไร เธอจึงยิ้มพลางส่ายหัวและกล่าวว่า “พี่ชุนหยาน ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ความจริงที่ว่าถังเจี้ยนกั๋วเป็นพ่อที่แท้จริงของฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่การที่จะมองเขาอย่างไรมันขึ้นอยู่กับตัวฉันเอง ในตอนนี้คุณพ่อคนเดียวของฉันก็คือจิงเจ้อหรง”
ถังชุนหยานรีบกล่าวพลางพยักหน้า “ใช่ ลุงจิงต่างหากคือพ่อของเธอ”
จิงเจ้อหรงดีกับถังซวงและถังเซวี่ยมากจริง ๆ เธอรู้ดีว่าตั้งแต่ถังซวงและถังเซวี่ยยังเด็ก ถังเจี้ยนกั๋วดูแลสองคนนี้ยังไง ถ้าเป็นเธอก็คงยอมรับแค่ลุงจิงเหมือนกัน
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันได้สักพัก ถังชุนหยานก็จ่ายเงินให้กับคนที่มาในวันนี้
คนที่เป็นลูกพี่ยิ้มตาหยี พลางหันไปพูดกับถังชุนหยาน “ต่อไปถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก ให้เรียกพวกเรานะ”
ถังชุนหยานไม่ปฏิเสธ ตรงข้ามเธอกลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อืม ถ้ามีอะไรฉันจะเรียกพวกคุณ”
หลังจากที่พวกเขาจากไป ถังชุนหยานและถังเซวี่ยก็กลับบ้านตระกูลจิง
เมื่อทั้งสองคนกลับไปถึง ถังชุนหยานก็ไปหาถังซวงแล้วบอกว่า “พี่ซวง ถังไห่โปออกไปจากปักกิ่งแล้ว ต่อไปเขาก็จะไม่มาให้ฉันเห็นหน้า และจะไม่มารีดไถเงินฉันอีกแล้วค่ะ”
เมื่อถังซวงได้ยินก็พูดแสดงความยินดี “งั้นก็ยินดีด้วยนะชุนหยาน ต่อไปนี้เธอก็คือถังชุนหยานที่เป็นอิสระแล้ว ว่าแต่เธอทำได้ยังไงล่ะ?”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ถังชุนหยานก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้อีกฝ่ายฟัง “ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ว่าถังไห่โปกลัวมีดขนาดนั้น ฉันน่าจะถือมีดไปหาเขาตั้งนานแล้ว” เมื่อกล่าวจบ ถังชุนหยานก็ไม่ลืมเรื่องของถังเจี้ยนกั๋ว “ขอโทษนะคะพี่สาวซวง เป็นเพราะเรื่องของฉันเลยทำให้เสี่ยวเซวี่ยต้องเจอกับถังเจี้ยนกั๋ว”
ถังซวงได้ยินก็ส่ายหัวทันทีและกล่าวว่า “จะโทษเธอได้ยังไง ในเมื่อ… ถังเจี้ยนกั๋วก็เป็นคนพาถังไห่โปออกไป”
“ใช่ค่ะ ลุงรองพาถังไห่โปจากไปแล้ว”
ถังซวงได้ยินก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ “ชุนหยานวันนี้เธอเหนื่อยมากแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะ ส่วนเรื่องร้านขายเครื่องสำอางนั้นก็ต้องอาศัยเธอคอยดูให้มากหน่อยนะ เสี่ยวเซวี่ยเองก็ออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ก็เริ่มตกแต่งได้เลย”
เมื่อพูดถึงเรื่องธุรกิจ ใบหน้าของถังชุนหยานเต็มไปด้วยความจริงจัง
“ได้ค่ะพี่ซวง ฉันจะเข้าไปดูทุกวันค่ะ”
หลังจากที่ถังชุนหยานออกไป ถังซวงก็ให้คนไปตรวจสอบดูว่าถังเจี้ยนกั๋วและถังไห่โปขึ้นนั่งรถไฟกลับไปจริงหรือเปล่า
หลังจากที่คนกลับมาก็รายงานทันทีว่า “ผู้นำตระกูล ถังเจี้ยนกั๋วและถังไห่โปทั้งสองคนนั่งรถไฟกลับมณฑลเจียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้พวกเขากลับไปแล้วจริง ๆ ครับ”
เมื่อถังซวงได้ยินก็โล่งใจทันที “กลับไปได้ก็ดีแล้ว”
จากนั้นถังซวงก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้อีก
ถังชุนหยานเองก็ยุ่งมากเช่นกัน เธอไปร้านทุกวันและเมื่อดูร้านที่ค่อย ๆ กลายเป็นแบบที่เห็นในภาพถังเซวี่ยออกแบบ แค่รอให้ถึงวันที่ตกแต่งในร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถังชุนหยานก็รู้สึกตื่นเต้น “ในที่สุดก็เรียบร้อยแล้ว”
ถังซวงและถังเซวี่ยเองก็มาด้วย ทั้งสองคนเดินดูทั่วบริเวณ ต่างพากันพยักหน้า “ดีจัง ทีมงานตกแต่งนี้ตั้งใจทำมาก แม้ในซอกในมุมก็ทำออกมาได้ดีมาก ๆ”
ถังเซวี่ยพยักหน้าและกล่าวตาม “ใช่ค่ะ ดีมากจริง ๆ ต่อไปถ้าจะตกแต่งอะไรเพิ่มเติม คงต้องเรียกหาพวกเขามาทำต่อแล้วละ”
หลังจากทั้งสามคนดูภายในร้านจนทั่วแล้ว ถังชุนหยานหันไปถามถังซวง “พี่สาวซวง พวกเราเปิดร้านอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่คะ?”
“กลัวว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะน่ะ ทำร้านให้โล่ง ๆ หน่อยแล้วค่อยเอาต้นไม้เข้ามา”
หลังจากที่ถังชุนหยานจดทุกอย่างลงไปแล้ว ทั้งสองคนก็พูดคุยกันถึงของที่จำเป็นจะต้องซื้ออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกลับไป
หลังจากที่กลับไปแล้ว ถังชุนหยานก็ไม่ได้พัก เธอเร่งการผลิตเครื่องสำอางเพราะคิดว่าเมื่อร้านเปิดทำการ สินค้าของพวกเธอจะต้องขายดีมากแน่ จึงเผื่อจำนวนสินค้าไว้มากหน่อย
ถังซวงเองก็ยังคงค้นคว้าเครื่องสำอางตัวใหม่ต่อไป ครั้งนี้เธอผลิตเครื่องสำอางที่ป้องกันสิวและให้ความชุ่มชื้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวบนใบหน้า และเชื่อว่าคงเป็นข่าวดีสำหรับหลายคน
เมื่อระบายอากาศในร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถังซวงก็กำหนดเวลาเปิดกิจการร้านเครื่องสำอางไว้เรียบร้อย นั่นก็คือช่วงปลายเดือนสาม