การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 624 คำสั่งซื้อถล่มทลาย (1)
บทที่ 624 คำสั่งซื้อถล่มทลาย (1)
“พวกคุณ…”
ชายหนุ่มที่กล่าวเมื่อครู่พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
แม้ว่าจะเปิดตัวได้ดี แต่พวกถังซวงก็ไม่ได้รับคำสั่งซื้อสินค้าอื่นอีก อีกทั้งนักธุรกิจต่างชาติจำนวนมากก็ไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอางด้วย เพราะฉะนั้นจึงมีคนจำนวนมากที่ไม่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของพวกเธอ
เมื่อถึงช่วงบ่าย พานลี่ฮวารู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
“ซวงเอ๋อร์ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครมากันแล้วหรือเปล่า”
ถังซวงมองพานลี่ฮวาและพูดให้อีกฝ่ายคลายกังวล “ป้าสะใภ้ วันนี้เพิ่งจะเป็นวันแรกเอง อีกอย่างพวกเราก็ได้คำสั่งซื้อสินค้ามาแล้วด้วย ป้าไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอกค่ะ”
เมื่อพานลี่ฮวานึกถึงคำสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากนั้น เธอก็ค่อย ๆ คลายความกังวลลง
ด้านถังซวงก็รู้สึกสนใจในงานฤดูใบไม้ผลิมาก เธอจึงอยากจะลองไปดูบริเวณอื่น ๆ
“ซวงเอ๋อร์ มีป้ากับชุนหยานอยู่ เธอไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ”
ถังซวงไปเดินดูรอบ ๆ งานเพื่อสำรวจ และพบว่ามีหลายบริษัทที่มาจัดแสดงสินค้าที่นี่ นอกนั้นแล้วก็ยังมีสินค้าทุกแบบทุกประเภทจริง ๆ เธอเห็นแม้กระทั่งถ้วยเคลือบและกะละมังที่ลวดลายด้านบนคือดอกไม้มงคลอันเป็นเอกลักษณ์ของยุคนี้ เพียงแต่ข้างหน้าพื้นที่จัดแสดงสินค้าไม่มีนักธุรกิจต่างชาติอยู่เลย ทำให้พนักงานต่างหน้ามุ่ยคอตก
พื้นที่จัดแสดงที่อยู่ถัดไปก็จะเป็นที่จัดแสดงสินค้าของโรงงานสิ่งทอ สภาพก็จะดีขึ้นเล็กน้อย เพราะมีนักธุรกิจต่างชาติหลายคนกำลังดูผ้ากันอยู่ แต่หลังจากดูอยู่สักพักเขาเหล่านั้นก็จากไป
ถังซวงไม่ได้มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องผ้า จึงจะเดินไปดูตรงด้านหน้า ขณะนี้เองก็มีคนเรียกเธอด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ “พี่ถังซวง?”
ถังซวงได้ยินคนเรียกก็หันหน้ากลับไปมองอย่างสงสัยงุนงง จากนั้นก็พูดด้วยความไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก “จี้อิงหรือ?”
เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านั้นแตกต่างจากเด็กสาวตัวเตี้ย ผิวสีเหลืองเข้มในความทรงจำของเธอเป็นอย่างมาก แต่เธอยังคงมองเห็นเค้าหน้าของจี้อิงอยู่บ้าง
จี้อิงเห็นถังซวงเดินเข้ามาก็รู้แล้วว่าเธอจำคนไม่ผิด
“พี่ถังซวง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
ในขณะที่พูดคุยกันจี้อิงก็เอ่ยถามถึงถังเซวี่ย “ถังเซวี่ยอยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหมคะ?”
จี้อิงได้ยินก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยถามอีกว่า “ถังเซวี่ยสบายดีไหมคะ ตอนนี้เธอเรียนม.ปลายแล้วใช่ไหม?”
“ใช่ เสี่ยวเซวี่ยกำลังเรียนม.ปลายอยู่ ปีหน้าก็สอบเข้ามหาลัยแล้ว”
คนเบื้องหน้าก็คือจี้อิงเพื่อนร่วมห้องของถังเซวี่ย ในตอนแรกที่จี้อิงและเด็กสาวคนอื่น ๆ ไม่สามารถเข้าเรียนได้เนื่องจากปัญหาทางบ้าน ก็เป็นถังเซวี่ยที่เป็นคนไปพูดเกลี้ยกล่อมพวกเธอทีละคน และถึงขนาดที่จะให้ยืมเงินเพื่อสนับสนุนให้พวกเธอไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยด้วย
แต่ในบรรดาเด็กสาวเหล่านั้นมีเพียงแค่จี้อิงที่ยืนกรานจะเข้ามหาวิทยาลัย
แต่เธอกลับไม่คาดคิดว่าจะเจอจี้อิงที่นี่โดยบังเอิญ “ใช่สิ แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? ตอนนี้ไม่ได้กำลังเรียนอยู่หรือ?”
เมื่อจี้อิงได้ยิน สายตารู้สึกผิดก็ปรากฏขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง
“พี่ถังซวงตอนนี้ฉันเป็นคนงานอยู่ที่โรงงานสิ่งทอค่ะ ก็เลยไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว แต่ฉันก็ไม่ได้ทิ้งการเรียนนะคะ ฉันก็ยังอ่านหนังสือทุกครั้งที่มีเวลา และก็ยังอยากจะเข้ามหาวิทยาลัยด้วย”
เมื่อจี้อิงกล่าวจบก็รู้สึกผิดขึ้นมา “ฉันทำให้ถังเซวี่ยผิดหวังที่ไม่สามารถเรียนต่อได้”
ความจริงแล้วผลการสอบเข้าโรงเรียนมัธยมของเธอนั้นดีมาก และเธอก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุด
ขณะที่น้องชายของเธอที่ผลการเรียนไม่ดี เขาอิจฉาที่เธอได้ดีจึงไปบอกพ่อแม่ว่าไม่อยากให้เธอเข้าเรียนมัธยมปลาย พ่อแม่ที่ให้ความสำคัญกับลูกผู้ชายมากกว่าลูกผู้หญิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็เชื่อคำพูดของน้องชาย จึงขวางเธอทุกวิถีทางแม้ตอนนั้นเธอจะยืมเงินเรียน แต่พวกเขาก็ไม่เห็นด้วย อีกทั้งยังฉีกใบประกาศต่อหน้าเธอด้วย
แต่เธอเองก็ไม่ยินยอม หลังจากที่ใบประกาศถูกฉีกขาด เธอไปสอบถามที่โรงเรียนมัธยมปลาย คุณครูเห็นว่าผลการเรียนของเธอดี จึงให้เธอเข้าเรียนทันที
แต่พ่อแม่ของเธอยังคงไปก่อความวุ่นวายที่โรงเรียนอยู่ตลอด จนทำให้เธอไม่สามารถเข้าเรียนได้เลย นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อนักเรียนคนอื่น ๆ และแม้แต่ครูก็มาตำหนิเธอ
ในที่สุดเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดเรียนกลางคัน
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่อยากที่จะอยู่บ้านไปตลอดทั้งชาติ และก็ไม่อยากถูกพ่อแม่และน้องชายคอยบงการตลอดชีวิตด้วย พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติกับเธอเหมือนคนในครอบครัว ดังนั้นพวกเขาก็ไม่ใช่ครอบครัวของเธอเช่นกัน
ดังนั้นในขณะที่คนในบ้านไม่ได้สนใจ เธอจึงหนีออกมาโดยนั่งรถไฟลงมาทางใต้ จนมาถึงเมืองกวางโจว
เด็กผู้หญิงอย่างเธอที่ไม่มีเอกสารส่วนตัว ไม่มีเงินติดตัว ก็ย่อมไม่มีเงินกินข้าวและไม่มีที่พักอาศัย โชคดีที่ในที่สุดพระเจ้าก็ยังเมตตา เธอบังเอิญช่วยหญิงสูงอายุคนหนึ่งเอาไว้ ซึ่งเป็นแม่ของผู้อำนวยการโรงงานสิ่งทอ ท้ายที่สุดเธอจึงเข้ามาทำงานในโรงงานและสามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้
เธอเริ่มต้นจากการเป็นคนงานและค่อย ๆ ไต่ขึ้นเป็นหัวหน้า และด้วยผลงานที่โดดเด่น เธอจึงได้มาร่วมงานฤดูใบไม้ผลิในครั้งนี้ แต่ก็น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีคำสั่งซื้อใดเลย
หลังจากถังซวงรับรู้ถึงสิ่งที่จี้อิงต้องเผชิญก็สะเทือนใจ
ไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากที่แยกกันไป จี้อิงจะเจอเรื่องอะไรมากมายขนาดนี้ แต่เมื่อเห็นสายตาที่สู้ไม่ถอยของเด็กสาวตรงหน้า ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“เธอทำได้ดีมาก พยายามต่อไปนะ ส่วนเรื่องเข้ามหาวิทยาลัยก็พยายามเข้า”
จี้อิงได้ยินถังซวงพูดให้กำลังใจใบหน้าของเด็กสาวก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณนะคะพี่ถังซวง ฉันจะพยายามให้ดีที่สุดค่ะ”
เมื่อคนงานโรงงานสิ่งทอคนอื่น ๆ เห็นว่าจี้อิงพูดคุยอยู่กับถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เสี่ยวจี้ คนคนนี้คือใครหรือ?”
พวกเขาเห็นว่าถังซวงแต่งตัวไม่ธรรมดา หน้าตาก็ดูดี และกิริยาท่าทางดูเป็นคนมีฐานะ ไม่ว่าจะมองยังไงก็ดูไม่เหมือนคนที่จี้อิงจะรู้จักได้ อีกอย่างพวกเขาต่างก็รู้ดีว่าจี้อิงมาจากชนบทของมณฑลเจียง
เมื่อจี้อิงได้ยินจึงพูดแนะนำด้วยรอยยิ้ม “นี่ถังซวง เป็นพี่สาวของเพื่อนร่วมชั้นของฉันน่ะ”
“ที่แท้ก็พี่สาวของเพื่อนร่วมชั้นของเธอนี่เอง คุณก็มาร่วมงานฤดูใบไม้ผลิด้วยหรือ ใช่ที่จัดแสดงสินค้านั่นไหม?”