การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 627-2 งานหมั้นของถังเซวี่ย (2)
บทที่ 627 งานหมั้นของถังเซวี่ย (2)
เมื่อทุกคนได้ยินต่างก็พากันเงียบ พวกเขาไม่คิดเลยว่าถังซวงจะทำเรื่องอะไรมากมายขนาดนี้
ส่วนต้วนเฟิ่งหยิงที่เห็นทุกคนนิ่งเงียบ ก็กล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ “ต่อให้พวกเราบอกว่าถังซวงเก่งแค่ไหนสุดท้ายพวกเธอก็จะค้านอยู่นั่นแหละ ตอนนี้เห็นความแตกต่างแล้วหรือยังล่ะ ครั้งหน้าก่อนที่จะพูดอะไรก็หัดทำความเข้าใจเรื่องราวว่าเป็นยังไงซะก่อน อย่าทำเป็นไม่รู้อะไรแล้วก็ไหลตามคนอื่นไปเรื่อย”
เมื่อทุกคนได้ยินต่างก็พูดไม่ออก
หวังอี้เห็นว่าในที่สุดชั้นเรียนก็กลับมาสงบอีกครั้ง จึงกล่าวถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา
“ทุกคนน่าจะรู้จักโม่เจ๋อหยวนที่เป็นคู่หมั้นของถังซวง สมแล้วที่พวกเขาเป็นคู่กัน ถังซวงทำเงินจากต่างชาติ โม่เจ๋อหยวนก็วิจัยพัฒนาตู้เย็นสำหรับใช้ในครัวเรือน รายงานข่าวที่เกี่ยวข้องก็น่าจะออกมาเร็ว ๆ นี้แหละ พวกเขาทั้งสองคนยอดเยี่ยมกันจริง ๆ”
เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินต่างพากันทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“จริงหรือคะ นี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว”
“จริงสิ วิจัยพัฒนาตู้เย็นในครัวเรือนสำเร็จแล้ว แต่ผมเองก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อนหรอก แค่เคยได้ยินมาบ้างว่าจะสามารถรักษาความสดใหม่ของอาหารได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง”
คนรอบข้างต่างพากันวิจารณ์ และทุกคนมองไปที่ถังซวงด้วยความสงสัย
ถังซวงเองก็ไม่คิดว่าหวังอี้จะกล่าวถึงเรื่องพวกนี้ แต่โม่เจ๋อหยวนก็วิจัยพัฒนาตู้เย็นออกมาจริง ๆ จึงไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง แต่เธอก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เพียงความพยายามของโม่เจ๋อหยวนแค่คนเดียว ด้วยเหตุนี้เธอจึงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “โม่เจ๋อหยวนไม่ได้วิจัยพัฒนาตู้เย็นสำหรับใช้ในครัวเรือนแค่คนเดียวหรอกค่ะ มันเป็นผลมาจากการทำงานหนักของทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาและคนอีกหลายคนต่างหาก”
“ใช่ เป็นผลมาจากการทำงานหนักของทุกคน แต่อย่างไรโม่เจ๋อหยวนก็เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญนะ”
หวังอี้กล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็หันไปบอกกับทุกคนในชั้นเรียน “เอาละ ไม่พูดเรื่องพวกนี้ละ พวกเรารีบเข้าเรียนกันเถอะ”
หลังจากที่เรียนเสร็จ ถังซวงก็พาต้วนเฟิ่งหยิง เจียนหวานหว่าน และเหยาหงไปที่โรงอาหารด้วยกัน “วันนี้ฉันขอเลี้ยงข้าวโรงอาหารไปก่อนนะ เดี๋ยวรอเสาร์อาทิตย์นี้ฉันจะพาพวกเธอไปเลี้ยงที่อื่น”
เหยาหงรีบโบกมือแล้วพูดว่า “กินที่โรงอาหารก็ดีมากแล้ว ไม่ต้องพาพวกเราไปเลี้ยงที่อื่นหรอก”
ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านก็พยักหน้าเช่นกัน จากนั้นทั้งสองก็หันไปบอกกับถังซวง “ถังซวง อาหารที่เธอสั่งพวกนี้ก็ดีมากแล้ว ว่าแต่ว่าร้านเธออยู่ที่ไหนหรือ ขอพวกเราไปดูบ้างได้ไหม?”
“ได้สิ”
ถังซวงพยักหน้ายิ้ม ๆ “สุดสัปดาห์นี้ฉันจะพาพวกเธอไป แล้วก็ถ้ามีตัวไหนที่สนใจ ฉันก็จะให้พวกเธอคนละชุด”
พวกต้วนเฟิ่งหยิงต่างส่ายหน้า “ถังซวง พวกเราแค่จะไปดูเฉย ๆ ไม่ต้องให้อะไรพวกเราหรอก” พวกเธอรู้ดีว่าเครื่องสำอางพวกนั้นราคาแพงแค่ไหน ถ้าพวกเธอรับเอาไว้จริง ๆ ละก็ ถังซวงก็จะเสียเงินไปหลายร้อยโดยเปล่าประโยชน์น่ะสิ แบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก
ถังซวงได้ยินก็ไม่ได้กล่าวอะไร แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ตัดสินใจแล้วว่าจะให้ของพวกเธอคนละชุด
เมื่อวันเสาร์มาถึง ต้วนเฟิ่งหยิง เจียนหวานหว่าน และเหยาหงก็มาที่ร้านเครื่องสำอางด้วยกัน
ถังซวงอยู่ที่ร้านแล้ว และเมื่อเห็นพวกเธอเข้ามา ก็โบกมือทักทายพวกเธอด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “มากันแล้วหรือ รีบเข้ามาดูเร็ว”
พวกเธอต่างมองไปที่ร้านที่ตกแต่งอย่างหรูหราโอ่อ่าด้วยความรู้สึกละลานตา
“ถังซวง ร้านดูดีมาก ไม่เหมือนกับที่ฉันคิดไว้ก่อนหน้านี้เลย” ต้วนเฟิ่งหยิงมองทางนี้ทีทางโน้นที สุดท้ายก็มองไปที่เครื่องสำอางบนชั้นวาง “ถังซวง เครื่องสำอางพวกนี้เธอวิจัยพัฒนาออกมาเองหรือ เธอนี่เก่งจริง ๆ”
ถังชุนหยานเคยเจอต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านมาก่อน เมื่อวันนี้เจอทั้งสองคนอีกครั้งเธอก็กล่าวทักทาย
ทันทีที่ได้ยินต้วนเฟิ่งหยิงกล่าว เธอก็หยิบสินค้าออกมาด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ใช่ พี่สาวซวงเก่งมากจริง ๆ ทั้งหมดเธอวิจัยพัฒนาออกมาเอง แถมประสิทธิภาพก็ดีมากด้วยนะคะ” ขณะที่กล่าวก็แตะแก้มของตน และกล่าวต่อว่า “ฉันก็ใช้เครื่องสำอางพวกนี้นี่แหละ ผิวถึงได้ดีขึ้นขนาดนี้ไง ก่อนหน้านี้ผิวฉันน่ะทั้งแห้งทั้งเหลือง ดูไม่ได้เชียวแหละ”
พวกต้วนเฟิ่งหยิงและเหยาหง เมื่อได้ยิน ทั้งหมดก็มองหน้าถังชุนหยานแล้วพบว่าผิวของเธอนั้นดีมากจริง ๆ ผิวขาวอมชมพูกระจ่างใสหมดจด
“จริงหรือ เครื่องสำอางพวกนี้ใช้ดีขนาดนี้เลยจริง ๆ หรือ?”
ถังชุนหยานกล่าวด้วยสีหน้าภูมิใจ “จริงแน่นอน แม้แต่ชาวต่างชาติเองก็ยังให้การยอมรับเครื่องสำอางตัวนี้มากเลยด้วย”
เจียนหวานหว่านได้ยินก็ตื่นเต้นมาก เธอเอ่ยถามราคาในทันที
แม้ว่าจะทำใจมาก่อนแล้ว แต่หลังจากที่เธอได้รู้ราคาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็กัดฟันและควักเงินออกมา “งั้นฉันเอาชุดหนึ่ง”
เหยาหงเห็นเจียนหวานหว่านอยากจะซื้อก็ตกใจ ถึงแม้จะรู้ว่าฐานะทางบ้านเจียนหวานหว่านจะไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่มีเงินขนาดบอกว่าจะซื้อเครื่องสำอางราคาแพงขนาดนี้ก็ซื้อได้เลย ตรงกันข้ามกับอีกฝ่าย เธอทำได้แค่มองเท่านั้น
ต้วนเฟิ่งหยิงเห็นก็หยิบเงินที่เตรียมเอาไว้ก่อนหน้าออกมาบ้าง และกล่าวว่า “ฉันก็จะซื้อด้วยชุดหนึ่ง”
ในขณะนี้เองที่เหยาหงรู้สึกอายขึ้นมา พวกเธอสามคนมาด้วยกันแท้ ๆ แต่สุดท้ายกลับมีเธอแค่คนเดียวที่ไม่ได้ซื้อ แต่ว่าเธอไม่มีเงินจริง ๆ อีกอย่างต่อให้มีเงินเธอก็คงซื้อไม่ได้ เพราะเธอกำลังเก็บเงินซื้อบ้านที่ปักกิ่ง เพื่อที่จะลงหลักปักฐานที่นี่ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงยืนมองอยู่อย่างเงียบ ๆ เท่านั้น
ทว่าถังซวงไม่ยอมรับเงินของต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่าน
“ก่อนหน้านี้ฉันบอกไปแล้วว่าจะให้พวกเธอคนละชุด พวกเธอไม่ต้องเกรงใจ” พูดพลางส่งเครื่องสำอางให้ตามสภาพผิวของแต่ละคน
เมื่อนึกถึงราคาเครื่องสำอางในมือ เหยาหงก็รู้สึกว่ารับเอาไว้ไม่ได้ “ถังซวง ของมันราคาสูงเกินไป พวกเรารับไว้ไม่ได้หรอก”
ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านรับไว้ไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้นถังซวงก็ยั้งมือพวกเธอเอาไว้แล้วกล่าวว่า “เอาเถอะ พวกเราเป็นเพื่อนเรียนด้วยกันมานานขนาดนี้ ฉันเพิ่งจะให้ของขวัญชิ้นนี้เป็นชิ้นแรกเอง พวกเธอก็อย่าปฏิเสธเลยนะ อีกอย่างพอพวกเธอใช้แล้วก็ดูว่าใช้ดีหรือเปล่า ถ้าใช้ดีละก็ จะได้ให้เพื่อนในชั้นเรียนที่มหาลัยพวกนั้นได้เห็นไง ว่าเครื่องสำอางของที่นี่คุ้มค่าคุ้มราคาจริงหรือเปล่า”
เดิมทีเหยาหงคิดอยากจะปฏิเสธ แต่ต้วนเฟิ่งหยิงกลับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแจ่มใส “ก็ได้ถังซวง ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็จะรับไว้”
หลังจากที่ดูร้านเครื่องสำอางเสร็จแล้ว ถังซวงก็เชิญทั้งสามคนไปทานอาหาร
หลังจากที่ทั้งสามคนกลับไปแล้ว เหยาหงหันไปพูดกับต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านอย่างอดไม่ได้ “เฟิ่งหยิง หวานหว่าน รับของแพงขนาดนี้มามันจะดูไม่ค่อยดีหรือเปล่า เราหาโอกาสเอาไปคืนถังซวงดีกว่าไหม”
“เหยาหง เธอก็อย่าไปคิดมากเลย ในเมื่อถังซวงให้แล้ว พวกเรารับไว้ก็พอแล้ว ต่อไปถ้าเรามีของอะไรดี ๆ เราก็เอาไปให้ถังซวงบ้างก็ได้”
เจียนหวานหว่านพยักหน้าและพูดตามว่า “ใช่ ต่อไปพวกเราก็ให้ของดี ๆ กับถังซวงบ้างก็พอแล้ว”
เหยาหงกล่าวในใจ เธอไม่มีอะไรจะมอบให้ถังซวงหรอก แต่ในเมื่อเห็นว่าต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านต่างก็รับของเอาไว้ เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก และเล่าเรื่องนี้ให้สามีฟัง ขณะเดียวกันก็บอกให้เขาตั้งใจทำงานเพื่อถังซวง
เมื่อถังซวงไปมหาลัยอีกครั้ง เรื่องราวของโม่เจ๋อหยวนก็ได้รับการตีพิมพ์บนหนังสือพิมพ์ และในตอนนี้เขาได้กลายเป็นคนดังในมหาลัยไปแล้ว ถังซวงเองก็ไม่น้อยหน้า หลาย ๆ คนก็รับรู้เรื่องที่งานจัดแสดงสินค้าฤดูใบไม้ผลิของถังซวงเช่นกัน
แต่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก ทั้งสองคนจึงไปมหาลัยตามปกติ
เวลาผ่านมาจนกระทั่งถึงวันเกิดของถังเซวี่ย
แล้ววันนี้เองที่เฟิงเยี่ยหานและถังเซวี่ยได้หมั้นกันอย่างเป็นทางการ