การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 63 ให้หนังสือ(รีไรท์)
บทที่ 63 ให้หนังสือ(รีไรท์)
บทที่ 63 ให้หนังสือ(รีไรท์)
เมื่อถังซวงและถังเซวี่ยได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“แม่คะ จริงหรือ? เยี่ยมไปเลย แล้วตอนนี้อาจารย์ซูอยู่ที่ไหนหรือคะ?”
จนถึงตอนนี้เฮ่อหลานยังคงรู้สึกสับสนเล็กน้อย เพียงคิดว่าเธอกำลังฝันอยู่ “อาจารย์ซูจะไปที่พักของเธอก่อนน่ะ และเธอขอให้แม่ไปหาในวันพรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้จะมีพิธีรับศิษย์หรือเปล่า?”
ถังซวงถามทันทีหลังจากได้ยิน
เฮ่อหลานพยักหน้าและพูดว่า “ใช่จ้ะ แม่ได้ยินอาจารย์ซูพูดถึงอยู่”
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของแม่ ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “แม่คะ นี่เป็นเรื่องที่ดีเลย พรุ่งนี้เราจะมาที่นี่กับแม่ด้วยนะ”
ถังเซวี่ยพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ๆ พรุ่งนี้เราจะมาด้วยกัน” ในตอนท้าย เธอดึงถังซวงและพูดว่า “พี่สาว เราไปซื้อของกันอีกดีไหม? คุณปู่กับพี่ชายโม่ก็จะกินอาหารเย็นด้วย แม่เองก็กำลังจะได้เป็นศิษย์ มีเรื่องดี ๆ แบบนี้ก็ต้องเฉลิมฉลองกันหน่อยนะคะ”
เฮ่อหลานรู้สึกว่าเป็นการเปลืองเงินจึงรีบหยุด “ไม่ ๆ แม่คิดว่าพวกลูกซื้อพอแล้วนะ ไม่ใช้เงินอีกแล้ว”
ถังซวงยิ้มและพูดว่า “มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น ก็จำเป็นต้องเฉลิมฉลองจริง ๆ นะคะแม่ หนูว่าเราไปซื้ออาหารกันเพิ่มเถอะ จากนั้นซื้อผลไม้และขนมอบเพื่อฉลองกัน”
เมื่อเห็นความดื้อดึงของลูกสาวทั้งสอง เฮ่อหลานจึงไปกับพวกเธอ และรู้สึกว่าเธอคิดถูกที่ตามมาด้วย มิฉะนั้นเธอสงสัยว่าลูกสาวคนโตอาจจะซื้อทั้งสหกรณ์และตลาดแล้วก็ได้ “ซวงเอ๋อร์ ลูก… ที่จริงไม่ต้องซื้ออาหารมากขนาดนี้ก็ได้ ซื้อแค่พอกินก็พอ” เธอยังจำได้ที่ลูกสาวคนโตบอกเธอว่าจะซื้อบ้านในตำบล เพราะอย่างนั้นพวกเธอต้องประหยัดเงินเอาไว้
เมื่อเห็นใบหน้าที่เศร้าหมองของเฮ่อหลาน ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “ค่ะ ๆ หนูจะไม่ซื้อแล้ว งั้นเรารีบกลับไปทำอาหารกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทันเวลาคุณปู่กับพี่โม่มาหา”
“ใช่ เรารีบกลับกันเถอะ”
เมื่อเห็นว่าเริ่มสายแล้ว เฮ่อหลานจึงรีบกลับบ้านพร้อมกับถังซวงและถังเซวี่ย
เมื่อกลับมาถึงบ้าน สามแม่ลูกก็ช่วยกันทำอาหารในครัวจนเสร็จ และในที่สุดก็ปรุงอาหารจานใหญ่มากมาย ได้แก่ ปูนึ่ง ปลาผักกาดดอง ห่านต้ม หมูตุ๋นเป๋าฮื้อ ผัดเผ็ดหมูกุ้ยช่าย ยำแมงกะพรุนเผ็ด ยำแตงกวา กวางตุ้งผัดน้ำมันหอย และตุ๋นสามสหาย*[1] และสุดท้ายคือแตงโมและเค้กถั่วเขียวหนึ่งจาน
เมื่อหลี่จงอี้และโม่เจ๋อหยวนมาถึง พวกเขาก็เห็นโต๊ะขนาดใหญ่ที่ถูกเติมเต็มไปด้วยอาหารหลายอย่าง
“อาหลาน เธอทำอาหารตั้งมากมายขนาดนี้ทำไมกัน พวกเรากินไม่หมดหรอกนะ และเธอไม่ต้องเสียเวลาทำอาหารเพียงเพราะเรามากินข้าวด้วยหรอก”
โม่เจ๋อหยวนก็พูดจากด้านข้างว่า “ใช่ครับป้าหลาน ถ้าเรากินแบบนี้ทุกวัน เราคงไม่กล้าที่จะมาที่นี่อีกแน่” จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าเงินห้าสิบหยวนที่ลุงของเขาให้ไว้ไม่เพียงพอกับค่าอาหารตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เงินแค่นั้นจะสามารถกินได้เท่าไหร่กัน เขารู้สึกว่าแม้จะมีเงินหลายสิบหยวนก็ยังไม่สามารถจ่ายได้
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “อย่ากังวลไปเลยค่ะคุณปู่ เราจะไม่กินแบบนี้ทุกวันอย่างแน่นอน เหตุผลหลักคือวันนี้มีเรื่องที่น่ายินดีเกิดขึ้น ดังนั้นเราต้องเฉลิมฉลองค่ะ”
หลี่จงอี้ตกตะลึงเมื่อเขาได้ยิน
“เมื่อวานก็ฉลองไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
ถังเซวี่ยหัวเราะออกมา “คุณปู่คะ มันไม่ใช่เรื่องที่พี่กับหนูไปโรงเรียนหรอกค่ะ มันเกี่ยวกับการที่แม่ไปเข้าตาอาจารย์ซูเข้า เธอต้องการรับแม่เป็นลูกศิษย์ ยังไงมันก็เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองไม่ใช่หรือคะ?” เธอไม่รู้เรื่องอาจารย์ซูที่แม่พูดถึงมากนัก แต่เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของแม่ เธอก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ
ทั้งหลี่จงอี้และโม่เจ๋อหยวนก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเช่นนี้
โม่เจ๋อหยวนอดไม่ได้ที่จะถามว่า “อาจารย์ซู? ใช่ อาจารย์ซูเหนียนอวิ๋นไหมครับ?”
เฮ่อหลานพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ใช่ เธอนั่นแหละ” เธอไม่ได้คาดหวังว่าซูเหนียนอวิ๋น และคนอื่น ๆ จะมาที่เมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองเวิงซาน และมาที่ร้านขายผ้าในตำบลและบังเอิญเจอเธอเข้า
หลี่จงอี้ไม่รู้เรื่องนี้ แต่เขาก็รู้จักอาจารย์ซู เมื่อเขาเห็นท่าทางของโม่เจ๋อหยวน ดังนั้นเขาจึงรู้ได้ทันทีดีว่ามันเป็นเรื่องที่ดี “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเรื่องที่ควรเฉลิมฉลองจริง ๆ”
“ยินดีด้วยนะครับป้าหลาน ผมมั่นใจว่าคุณป้าต้องได้เรียนรู้อะไรมากมายจากอาจารย์ซูแน่ ๆ”
“ขอบคุณจ้ะ”
เฮ่อหลานพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเชิญหลี่จงอี้และโม่เจ๋อหยวนมาทานอาหาร
ทักษะการทำอาหารของเฮ่อหลานนั้นดีมากมาโดยตลอด และอาหารในวันนี้ก็มีมากมายจนทำให้ทุกคนอิ่มท้อง
“อาหลาน ทักษะการทำอาหารของเธอดีกว่าพ่อครัวระดับอาจารย์ในร้านอาหารของรัฐเสียอีกนะ ปลาผักกาดดองนี้ก็กินเพลินจริง ๆ เธอเก่งเกินไปแล้ว แถมเธอยังทำอาหารได้ทุกประเภทอีกด้วย”
เฮ่อหลานชี้ไปที่ถังซวงด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ลุงหลี่คะ ซวงเอ๋อร์สอนทำอาหารใหม่ ๆ เหล่านี้ให้ฉันเองค่ะ เดิมทีฉันก็ไม่รู้วิธีทำหรอกค่ะ”
“โอ้… กลายเป็นยัยหนูซวงเป็นคนคิดขึ้นอย่างนั้นรึ? เธอนี่เก่งจริง ๆ”
เมื่อเห็นว่าหลี่จงอี้ชอบกินปลามาก ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “คุณปู่คะ พอดีหนูชอบอ่านหนังสือหลายแนวน่ะค่ะ และไปเจอเมนูอาหารใหม่ ๆ เข้า แล้วรู้ว่าคุณปู่ชอบกินปลาผักกาดดอง อย่างนั้นคราวหน้าหนูให้แม่ลองทำเมนูปลาต้มแบบอื่นให้นะคะ คุณปู่ต้องชอบแน่นอนค่ะ”
“ตกลง ๆ”
หลี่จงอี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความอยากอาหารมากนักในตอนแรก แต่หลังจากกินอาหารที่เฮ่อหลานทำไปสองสามครั้ง เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาเคยกินมาก่อนหน้านี้เป็นอาหารธรรมดาทั้งหมด หากจะมีอาหารที่ดีกว่านี้ เขาก็จะเต็มใจอยู่แล้ว การได้กินของที่ชอบย่อมเป็นเรื่องน่ายินดี
หลังจากทานอาหารแล้ว หลี่จงอี้วางแผนที่จะกลับไปก่อน เพราะเวลามื้อเย็นยังอีกยาวไกล ไว้รอจนถึงหกโมงเย็นค่อยมากินมื้อเย็นก็ได้ แม้ว่าจะมาทานอาหารเย็นช้าไปสักหน่อย พวกเขาก็ยังมีเวลาเหลือเฟือ และตอนนี้ยังสามารถกลับไปนอนพักกลางวันได้ด้วย
แต่ก่อนที่เขาจะจากไป เขานึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าเขาไปตำบลเพื่อสอบถามบางอย่างมา
“อาหลาน มีคนต้องการปล่อยเช่าบ้านใกล้กับโรงเรียนมัธยมอันดับ หนึ่งในตำบล ฉันขอให้คนช่วยตรวจสอบก่อนแล้ว ไว้เราจะไปดูด้วยกันเมื่อเธอว่างนะ”
เมื่อเห็นว่าหลี่จงอี้จัดการเรื่องให้ เฮ่อหลานก็พยักหน้าอย่างรีบร้อนและพูดว่า “ได้ค่ะลุงหลี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ช่วงบ่ายเราไปดูกันนะคะ พอดีฉันมีฝึกงานในช่วงเช้าน่ะค่ะ” เมื่อนึกถึงเรื่องที่ลูกสาวคนโตบอกว่าจะซื้อบ้าน เธอก็ไม่ได้ปิดบังมันจากหลี่จงอี้
“ลุงหลี่คะ ถ้าราคาดี เราก็อยากซื้อเลย ไม่ทราบว่ามีใครจะขายบ้านบ้างไหมคะ?”
แม้ว่าหลี่จงอี้จะเป็นฝ่ายช่วยก่อน แต่เธอก็จะไม่ปิดบังอะไรจากเขาเลย
ถังซวงที่ตามมาก็ได้ยินจึงพูดว่า “คุณปู่คะ แม้ว่าการเช่าบ้านจะไม่ได้แย่ แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ไม่ใช่บ้านของเรา ต้องเป็นบ้านเราเองเท่านั้น เราถึงจะอยู่ที่นั่นค่ะ”
“ฮ่า ๆ… ก็นั่นแหละนะ พรุ่งนี้เราไปดูด้วยกัน ถ้ามีบ้านที่ประกาศขายก็ไปดูด้วยกันเลย ฉันยังพอมีเงินอยู่บ้าง คงจะพอซื้อบ้านในตำบลได้แน่ ๆ”
ถังซวงส่ายหัวอย่างรวดเร็วและพูดว่า “คุณปู่คะ เรามีเงินซื้อบ้านค่ะ เพราะงั้นคุณปู่ไม่ต้องลำบากช่วยพวกเราหรอกนะคะ”
เมื่อเห็นว่าถังซวงพูดอย่างนั้น หลี่จงอี้ก็ไม่พูดอะไรอีก และเดินจากไปทันที
หากแต่โม่เจ๋อหยวนไม่ได้กลับไปกับเขา หลังจากนั้นเขาหยิบหนังสือเรียนที่เตรียมไว้ออกมา เด็กหนุ่มมองไปที่ถังซวงกับถังเซวี่ย แล้วพูดว่า “นี่คือหนังสือเรียนทั้งหมดสำหรับโรงเรียนมัธยมต้นที่ฉันได้รวบรวมไว้ ถ้าเธอมีเวลาก็ลองอ่านดูนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็มองไปที่โม่เจ๋อหยวนด้วยความประหลาดใจ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่โม่ ขอบคุณมากนะคะ ฉันกำลังคิดว่าจะหาหนังสือพวกนี้ได้ที่ไหนพอดีเลย”
[1] ตุ๋นสามสหาย เป็นอาหารอันโอชะเมนูซุปสไตล์ส่านซี ส่วนประกอบหลัก ได้แก่ ปลาหมึก กุ้งสด หมูหย็อง ตับไก่ และกึ๋นไก่