การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 631 ประกาศความเป็นเจ้าของ (1)
บทที่ 631 ประกาศความเป็นเจ้าของ (1)
เฟิงเยี่ยหานได้ยินถังเซวี่ยกล่าวก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ถูกต้อง ต้องเล่นให้สนุกไปเลย ปิดเทอมนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง คุณอยากจะไปที่ไหนล่ะ”
ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “คุณไม่ยุ่งเรื่องงานที่บริษัทหรือ?”
ตั้งแต่เฟิงเยี่ยหานย้ายธุรกิจมาที่ปักกิ่ง เขาใช้ระยะเวลานานมากในการจัดการทุกอย่างให้ราบรื่นและการสร้างเส้นสาย อีกทั้งปักกิ่งก็ไม่เหมือนเมืองไห่เฉิง เมื่ออยู่ปักกิ่งตระกูลเฟิงก็ถือว่าเป็นคนต่างถิ่น ดังนั้นเฟิงเยี่ยหานจึงต้องพยายามอย่างมาก เรื่องพวกนี้ถังเซวี่ยเองก็รับรู้
เฟิงเยี่ยหานได้ยินก็กล่าวยิ้ม ๆ “เรื่องงานน่ะ ผมเร่งทำงานจนเสร็จหมดแล้ว ปิดเทอมนี้เลยมีเวลาอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
ถังเซวี่ยได้ยินเฟิงเยี่ยหานกล่าวก็ยิ้มออกมาทันที
“งั้นดีเลย ฉันนึกอยู่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี แต่ถึงอย่างนั้นยังไงพวกเราก็คงเที่ยวทั้งเทอมไม่ได้หรอกนะคะ แค่สี่ห้าวันก็น่าจะพอแล้ว”
เฟิงเยี่ยหานดึงมือเล็ก ๆ ของถังเซวี่ยเอาไว้แล้วพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาของผมหรอกนะ พวกเราไปเที่ยวนานกว่านี้อีกหน่อยก็ได้”
“สี่ห้าวันก็พอแล้ว ถ้าเที่ยวนานเกินไป ฉันคงได้คิดถึงบ้านแน่”
เฟิงเยี่ยหานได้ยินก็นิ่งไปสักพัก ก่อนกล่าวอย่างยิ้ม ๆ “ถ้างั้นก็ดีเลย คุณนึกดูนะว่าจะไปเที่ยวที่ไหน”
ถังซวงเห็นทั้งสองคนกำลังปรึกษากันอยู่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เอาอย่างนี้ พวกเราไปด้วยกันดีกว่าไหม”
เฟิงเยี่ยหานได้ยินก็ไม่ได้กล่าวอะไร ความจริงแล้วเขาอยากจะไปเที่ยวกับถังเซวี่ยกันตามลำพัง แต่ในเมื่อว่าที่พี่ภรรยาพูดแบบนี้แล้ว หากเขาปฏิเสธก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก จึงอดไม่ได้ที่จะแอบเหลือบมองโม่เจ๋อหยวน
โม่เจ๋อหยวนรับรู้ได้ถึงสายตาของเฟิงเยี่ยหาน แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่กล่าวอะไร อย่าว่าแต่ซวงเอ๋อร์เลย แม้แต่เขาเองยังรู้สึกไม่วางใจ เสี่ยวเซวี่ยเพิ่งจะอายุยี่สิบปี จะให้ออกไปกับเฟิงเยี่ยหานสองต่อสองหลายวันขนาดนั้น คงไม่น่าวางใจเท่าไหร่
เฟิงเยี่ยหานเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนไม่พูดอะไร ก็จ้องมองเขาด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
เดิมทีถังเซวี่ยก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก แต่เมื่อเธอได้ยินพี่สาวของตนกล่าว เด็กสาวก็พยักหน้าและพูดด้วยสีหน้าดีใจ “ดีเลยค่ะพี่ งั้นเดี๋ยวพวกเราไปด้วยกันนะ”
เฟิงเยี่ยหานเห็นท่าทีตื่นเต้นของถังเซวี่ยจึงไม่ได้พูดอะไรอีก
และสุดท้ายทั้งสี่คนก็ออกเดินทางพร้อมกัน ถังเซวี่ยรู้สึกดีใจมาก ทุกครั้งที่ไปเจอสถานที่ใหม่ ๆ เธอจะเดินเตร่ไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าตื่นเต้น และหลังจากที่พวกเขาไปเที่ยวทั้งหมดห้าวัน ก็กลับมาที่ปักกิ่ง
“เสี่ยวเซวี่ย พวกเราอยู่เที่ยวต่ออีกสองสามวันก็ได้นะ”
เมื่อได้ยินที่พี่สาวกล่าว ถังเซวี่ยก็ส่ายหัวและกล่าวว่า “พี่คะ ฉันแค่อยากออกไปพักผ่อนบ้างเท่านั้นเอง นี่ก็พักผ่อนมาตั้งหลายวันแล้ว ถึงเวลากลับกันได้แล้วละค่ะ” ความจริงเธอรู้ดีว่าพี่สาวของตนยุ่งมาก และไม่ได้ยุ่งแค่งานบริษัทเครื่องสำอางซวงฮวาเท่านั้น เรื่องทางฝั่งตระกูลถังก็ด้วย เธอเห็นถังสือมารายงานกับพี่อยู่เรื่อย ยิ่งไปกว่านั้นทั้งเฟิงเยี่ยหานและพี่เขยต่างก็ยุ่งไม่ต่างกัน
แต่ถังซวงยังไม่ได้พูดอะไร กลับเป็นเฟิงเยี่ยหานที่เอ่ยออกมา
“เสี่ยวเซวี่ยครับ งั้นพรุ่งนี้พวกเราไปเที่ยวทางใต้กันดีไหม จากนั้นค่อยกลับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันอยากกลับแล้วจริง ๆ อยากกลับไปรอฟังข่าวประกาศรับเข้าเรียนด้วย แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะออกมาเมื่อไร”
ถังซวงและคนอื่น ๆ ได้ยินถังเซวี่ยกล่าวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
วันรุ่งขึ้น ทุกคนก็กลับไปที่ปักกิ่งทันที
คุณนายจิงเห็นพวกเขากลับมาแล้วก็ยิ้มด้วยความดีใจ “ซวงเอ๋อร์ พวกหลานกลับมากันแล้ว” กล่าวจบประโยค ใบหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยความสงสัย “ทำไมพวกหลานไปกันแค่ไม่กี่วันเอง น่าจะไปเที่ยวกันอีกสักหน่อยค่อยกลับนะ”
ถังเซวี่ยก้าวเข้าไปดึงมือคุณนายจิงมาจับไว้ด้วยรอยยิ้ม และกล่าวว่า “คุณย่าคะ ถึงหนูจะมั่นใจในตัวเองยังไง แต่ก็ยังรู้สึกกังวลมากเหมือนกัน เลยอยากกลับมารอฟังข่าวประกาศรับเข้าเรียนเร็ว ๆ น่ะค่ะ”
คุณนายจิงกล่าวทันทีว่า “ยังไงเสี่ยวเซวี่ยของพวกเราก็ทำได้อยู่แล้ว หลานจะได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่หลานเลือกได้แน่ เดี๋ยวหลานก็จะไปเรียนมหาวิทยาลัยพร้อมกับพี่สาวและพี่เขยของหลาน”
“งั้นหนูก็ขอให้เป็นจริงอย่างที่คุณย่าบอกนะคะ”
ฟักทองน้อยและฟักขาวน้อยอยู่ที่บ้านของพ่อแม่ตลอด พอเห็นพี่สาวคนโตและพี่สาวคนรองกลับมาแล้ว ทั้งสองคนจึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
“พี่… กอด ๆ”
ถังซวงและถังเซวี่ยเห็นความออดอ้อนให้กอดเด็กน้อยทั้งสอง ก็เดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มแล้วอุ้มไว้คนละคน
เวลาเย็นหลังจากที่จิงเจ้อหรงและถังหลานกลับมาแล้ว เจอถังซวงและคนอื่น ๆ ก็ดีใจอย่างมาก “ซวงเอ๋อร์ลูก ๆ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เพิ่งถึงเมื่อตอนกลางวันค่ะ”
ถึงแม้พวกเธอจะไปได้ไม่กี่วันเท่านั้น แต่ถังหลานกลับรู้สึกคิดถึงทั้งสองเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองเธอจึงรีบไปที่ครัวลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง แล้วทุกคนในบ้านก็ได้ทานอาหารเย็นด้วยกันอย่างครึกครื้น
หลังจากที่กลับมา ถังซวงก็เริ่มทำงานทันที ในที่สุดคำสั่งซื้อสินค้าในงานแสดงสินค้าฤดูใบไม้ผลิก็ได้จัดส่งจนครบหมดแล้ว แต่หลังจากนั้นพวกเธอก็ยังต้องพยายามกันต่อไป เพราะทางซูซานได้บอกว่าเธอยังอยากได้เครื่องสำอางอีก และเสนอมาอีกว่าอยากจะได้เครื่องสำอางที่เหมาะกับชาวต่างชาติมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นถังซวงจึงวางแผนที่จะพัฒนาเครื่องสำอางขึ้นมาใหม่
นอกจากงานของทางซวงฮวา ช่วงนี้ถังซวงยังมีธุระในตระกูลถังที่ต้องจัดการด้วย ก่อนหน้านี้ถังสือได้นำข่าวมาบอกว่าผู้เฒ่าตระกูลได้พบตัวยาจำนวนมาก หวังว่าเธอจะสามารถกลับไปดูได้ จึงตั้งใจว่าเมื่อจัดการงานทางนี้เสร็จแล้วจะกลับบ้านสักหน่อย
โม่เจ๋อหยวนก็ทำงานยุ่งมากเช่นกัน หลังจากวิจัยและพัฒนาตู้เย็นในครัวเรือนออกมาแล้ว เขาก็ยังต้องทุ่มเทกำลังทั้งหมดในการผลิตเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันก็ยังต้องคิดหาวิธีส่งออกด้วย ดังนั้นจึงมีหลายอย่างที่เขาต้องกังวลใจ
ส่วนทางด้านเฟิงเยี่ยหานก็กลับไปเมืองไห่เฉิง
ถังเซวี่ยเห็นว่าทุกคนต่างก็ยุ่งกันมาก เธอจึงเริ่มทำอะไรขึ้นมาบ้าง แทนที่จะใจจดใจจ่อรอรับประกาศรับเข้าเรียนทุกวัน เธอจึงเริ่มวาดรูปเพิ่มสักหน่อยจะดีกว่า
ขณะที่ถังเซวี่ยฆ่าเวลาด้วยการวาดรูป ในที่สุดประกาศการรับเข้าเรียนก็มาถึง
กริ้ง ๆ
คนส่งของขี่จักรยานมาส่งประกาศการรับเข้าเรียนที่บ้านเก่าตระกูลจิง